27 มี.ค. เวลา 11:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“ทรัมป์” ประกาศเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% หวังขยายการผลิตรถในสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามเก็บภาษีนำเข้า 25% รถยนต์ที่ผลิตในต่างประเทศทั้งหมด เพื่อขยายการผลิตรถยนต์ภายในสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ทุกคันที่ส่งมายังสหรัฐฯ 25% ซึ่งถือเป็นการยกระดับสงครามการค้าโลกขึ้นอย่างมาก
ภาษีนำเข้าดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เม.ย. เวลา 00.01 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (11.01 น. ของวันที่ 3 เม.ย. ตามเวลาประเทศไทย) โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายขีดความสามารถในการผลิตยานยนต์ของสหรัฐฯ
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ “ทรัมป์” ลงนามเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25%
ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี ทำให้ที่ผ่านมา สหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก ถูกมองว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน รถที่ผลิตในแคนาดาและเม็กซิโกจึงไม่เคยต้องเสียภาษี
แม้ว่าสหรัฐฯ จะเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ แต่ทรัมป์ต้องการให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตขึ้น “พูดตรง ๆ ว่า มิตรมักจะแย่กว่าศัตรูเสมอ และสิ่งที่เราจะทำคือขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ 25% หากรถยนต์เหล่านั้นผลิตในสหรัฐฯ จึงจะไม่ถือเป็นภาษีนำเข้า”
ภาษีนำเข้าใหม่จะไม่เพียงแต่จะมีผลบังคับใช้กับรถยนต์ที่ผลิตในต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชิ้นส่วนรถยนต์ด้วย รวมทั้งเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง โดยภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์จะมีผลบังคับใช้ไม่เกินวันที่ 3 พ.ค.
ชิ้นส่วนที่นำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) จะได้รับการยกเว้นภาษีจนกว่าสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ จะมีระบบเก็บภาษีนำเข้าชิ้นส่วนที่ไม่ใช่ของสหรัฐฯ ได้
ทรัมป์กล่าวว่า เขาได้ติดต่อกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 3 ราย ได้แก่ Stellantis, Ford และ General Motors “หากพวกเขามีโรงงานที่นี่ ก็น่ายินดีมาก แต่หากไม่มีโรงงานที่นี่ พวกเขาจะต้องรีบสร้างมันขึ้นมา”
ราคาหุ้นของทั้งสามบริษัทร่วงลงในการซื้อขายหลังปิดตลาดหลังจากการประกาศของทรัมป์ โดยหุ้นของ General Motors ร่วงลงมากกว่า 7% ขณะที่ Ford และ Stellantis ร่วงลงมากกว่า 4%
ในปี 2024 รถยนต์ SUV และรถบรรทุกขนาดเล็กที่ชาวอเมริกันซื้อ มีอยู่ประมาณ 16 ล้านคันที่เป็นรถยนต์นำเข้า
คาดว่าบริษัทผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่จะโยนภาระต้นทุนเพิ่มเติมจากภาษีศุลกากรไปยังผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าพวกเขาไม่สามารถย้ายห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ ได้อย่างง่ายดาย และแม้ว่าจะทำได้ ก็ยังมีต้นทุนสูงอีกด้วย
เรียบเรียงจาก CNN
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/economic/245587
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา