27 มี.ค. เวลา 16:00 • ข่าวรอบโลก

ทำไม ‘อีลอน’ ถึงเป็นผู้ชนะเพียงไม่กี่รายหลังทรัมป์ขึ้นภาษียานยนต์ 25%

"ทรัมป์" ขึ้นภาษียานยนต์นำเข้า 25% ด้านบลูมเบิร์กชี้ "มัสก์" ได้เปรียบเพราะเทสลาผลิตในสหรัฐฯทั้งหมด ส่วนผู้บริโภคเผชิญราคารถที่สูงขึ้นและทางเลือกที่น้อยลง
ในขณะที่แวดวง "อุตสาหกรรมยานยนต์" ทั่วโลกกำลังประเมินผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้ารถยนต์ใหม่ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ความจริงที่เจ็บปวดเริ่มปรากฏชัดนั้นก็คือท่ามกลางผู้แพ้มากมาย (หนึ่งในนั้นคือผู้บริโภคชาวสหรัฐเอง) แต่ อีลอน มัสก์ และบริษัทเทสลา ของเขากลับโดดเด่นขึ้นมาเป็นผู้ชนะอย่างชัดเจน
📌 เทสลา: ความได้เปรียบจากการผลิตในสหรัฐฯ
บทวิเคราะห์ของ บลูมเบิร์ก เผยว่า เทสลามีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งอย่างชัดเจนด้วยโรงงานขนาดใหญ่ในแคลิฟอร์เนียและเท็กซัส ซึ่งผลิตรถยนต์ทั้งหมดที่จำหน่ายในตลาดอเมริกัน ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากภาษีนำเข้า 25% ที่จะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า ตามการวิเคราะห์ของ CFRA Research ที่ระบุว่าเทสลาเป็นบริษัทที่ "ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด" จากมาตรการภาษีใหม่
เทสลาได้ใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์ "ความเป็นอเมริกัน" ของตัวเขาเองทันที โดยโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ว่าโมเดลของพวกเขา "เป็นรถยนต์ที่ผลิตในอเมริกามากที่สุด" ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญในสภาพแวดล้อมทางการค้าที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
📌 ผู้ผลิตในสหรัฐฯ: ได้รับผลกระทบแตกต่างกัน
นอกจากนี้ ฟอร์ด มอเตอร์ เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าคู่แข่งหลายราย เนื่องจากประมาณ 80% ของรถยนต์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ผลิตภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ฟอร์ดยังมีรุ่นสำคัญหลายรุ่นที่ผลิตในเม็กซิโก ได้แก่ กระบะขนาดเล็ก Maverick, Bronco Sport SUV ขนาดกะทัดรัด และรถไฟฟ้า Mustang Mach-E ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากภาษีใหม่นี้
ในทางตรงกันข้าม เจนเนอรัล มอเตอร์ส ต้องเผชิญความท้าทายมากกว่า แม้จะเป็นผู้ผลิตในประเทศ GM นำเข้ารถกระบะ Chevrolet Silverado บางรุ่นจากโรงงานในเม็กซิโกและแคนาดา รวมถึงรถ SUV ขนาดเล็ก Chevrolet Trax จากเกาหลีใต้ และรถครอสโอเวอร์ Chevrolet Equinox ซึ่งเป็นรถครอบครัวของบริษัท ในปีที่แล้ว GM ขายรถทั้ง Equinox และ Trax มากกว่า 200,000 คันต่อรุ่น ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีราคาถูกที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตรถไฟฟ้ารุ่น Equinox และ Blazer ในเม็กซิโกอีกด้วย
สเตลแลนติส เอ็นวี ผลิตรถ SUV Jeep Compass และ Wagoneer S ในเม็กซิโก และนำเข้ารถตู้ Chrysler Pacifica จากแคนาดา รวมถึงรถคอมแพคต์ Dodge Hornet และ Fiat 500 จากอิตาลี ซึ่งล้วนแต่จะได้รับผลกระทบจากภาษีใหม่
1
📌 คู่แข่งจากต่างประเทศ: ความเสี่ยงสูงสุด
ข้อมูลจาก Global Data เปิดเผยว่า บริษัทรถยนต์ต่างชาติที่พึ่งพาการนำเข้าอย่างมากจะเผชิญแรงกดดันมากที่สุด โดยเฉพาะฮุนไดมอเตอร์จากเกาหลีใต้ ถึงแม้ว่าบริษัทและบริษัทในเครือคือ “เกีย” จะมีโรงงานในรัฐแอละแบมาและจอร์เจีย และเพิ่งประกาศแผนขยายการลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้แต่บริษัทยังนำเข้ารถยนต์มากกว่า 1 ล้านคันมาจำหน่ายในสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว คิดเป็นกว่าครึ่งของยอดขายทั้งหมดในประเทศ
2
ฮุนได แถลงว่ายังคง "มุ่งมั่นต่อการเติบโตระยะยาวของอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐฯ ผ่านการผลิตในท้องถิ่นและนวัตกรรม" โดยระบุว่าบริษัทจ้างงานคนอเมริกันถึง 570,000 คน อย่างไรก็ตาม Hyuk Jin Yoon นักวิเคราะห์จาก SK Securities Co. ในกรุงโซล คาดการณ์ว่าฮุนไดและเกียอาจต้องจ่ายภาษีให้สหรัฐฯ สูงถึง 10 ล้านล้านวอน (7 พันล้านดอลลาร์) ต่อปีหากภาษี 25% มีผลบังคับใช้ ซึ่งคิดเป็นเกือบ 40% ของกำไรจากการดำเนินงานทั้งหมดที่ทั้งสองบริษัททำได้ในปี2024
โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป. ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก แม้จะมีโรงงานประกอบรถยนต์สี่แห่งกระจายอยู่ในรัฐเคนตักกี้ อินเดียนา มิสซิสซิปปี และเท็กซัส รวมถึงโรงงานผลิตเครื่องยนต์ในเวสต์เวอร์จิเนียและแอละแบมา แต่ยังนำเข้ารถยนต์ประมาณครึ่งหนึ่งของยอดขายในสหรัฐฯ ตัวแทนของโตโยต้าระบุว่าการดำเนินงานในเม็กซิโกของบริษัทเป็นไปตามข้อตกลงการค้าเสรี USMCA 100%
กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรป เช่น โฟล์คสวาเกน เอจี จากเยอรมนี ก็จะได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะรุ่นที่นำเข้าจากโรงงานนอกสหรัฐฯ
📌 ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด
"มีผู้ชนะน้อยมาก" แซม ฟิโอรานี รองประธานฝ่ายคาดการณ์ยานยนต์ทั่วโลกของ AutoForecast Solutions กล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ "ผู้บริโภคจะเป็นผู้แพ้เพราะพวกเขาจะมีทางเลือกน้อยลงและราคาสูงขึ้น"
รายงานจากบลูมเบิร์กระบุว่าราคารถยนต์อาจเพิ่มขึ้นสูงถึง 12,000 ดอลลาร์ต่อคันเนื่องจากภาษีใหม่ของทรัมป์ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดรถยนต์ในสหรัฐฯ และอาจเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค
มาตรการนี้ยังเป็นการโจมตีโดยตรงต่อข้อตกลงการค้าเสรีของทวีปอเมริกาเหนือที่ทรัมป์เคยเจรจาใหม่ในสมัยดำรงตำแหน่งวาระแรก ซึ่งนำไปสู่การบูรณาการห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดทั่วทั้งทวีปอเมริกาเหนือ นายกรัฐมนตรีแคนาดา มาร์ก คาร์นีย์ เรียกภาษีนี้ว่าเป็น "การโจมตีโดยตรง"
แม้แต่มัสก์เองก็ยอมรับว่าเทสลาจะไม่รอดพ้นผลกระทบโดยสมบูรณ์ ในโพสต์บน X เมื่อวันพุธ เขาอธิบายว่าภาษีใหม่จะมีผลกระทบ "อย่างมีนัยสำคัญ" ต่อบริษัท
ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนเนื่องจากบทบาทสำคัญของซีอีโอเทสลาในรัฐบาลทรัมป์ ประธานาธิบดียืนยันว่าไม่มีการขัดกันของผลประโยชน์ "เขาไม่เคยขอความช่วยเหลือทางธุรกิจจากผมเลย" ทรัมป์กล่าวในงานที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธขณะลงนามในประกาศเรื่องภาษีรถยนต์
ทั้งนี้ เริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้า ภาษีใหม่ 25% จะใช้กับรถยนต์โดยสารและรถบรรทุกขนาดเล็กที่นำเข้าทั้งหมด รวมถึงชิ้นส่วนสำคัญเช่น เครื่องยนต์ เกียร์ และส่วนประกอบทางไฟฟ้า เพิ่มเติมจากภาษีใดๆ ที่มีผลบังคับใช้อยู่แล้ว
ภาษีจะใช้กับสัดส่วนที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ ของรถยนต์และชิ้นส่วนที่นำเข้าภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีกับแคนาดาและเม็กซิโกเท่านั้น ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบต่อรถยนต์ที่มีห่วงโซ่อุปทานซิกแซกข้ามทวีป นอกจากนี้ ภาษีสำหรับชิ้นส่วนจากแคนาดาและเม็กซิโกที่เป็นไปตามข้อตกลงการค้าจะยังไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าสหรัฐฯ จะจัดตั้งกระบวนการเก็บภาษีเหล่านั้น
ประเทศเพื่อนบ้านของสหรัฐฯ อาจใช้ช่องว่างนี้พยายามหลีกเลี่ยงการบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ แม้ว่าโอกาสจะน้อยก็ตาม
อ้างอิง:
โฆษณา