28 มี.ค. เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

กองทุนรวม Active กับ Passive เลือกลงทุนแบบไหนดี?

มือใหม่หลายคนที่เพิ่งเริ่มลงทุนคงจะเคยได้ยินคำว่า กองทุน Active กับ Passive กันมาบ้าง บางคนอาจจสงสัยว่า 2 กองทุนนี้คืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร และเราจะเลือกลงทุนในกองทุนแบบไหนดี
วันนี้เราเลยจะมาเทียบทั้ง 2 กองทุนนี้ ว่าจะแตกต่างกันในประเด็นไหนบ้าง ตามมาอ่านกันต่อ
ต้องเกริ่นก่อนว่า กองทุนแบบ Active กับ Passive เป็นกลยุทธ์ในการบริหารกองทุนรวม ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการบริหารที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
กองทุน Active
- เป็นกองทุนที่บริหารในเชิงรุก
- ต้องการผลตอบแทนชนะตลาด โดยผลตอบแทนที่ได้รับจะต้อง “สูงกว่า” ดัชนีอ้างอิง (Benchmark)
- ผู้จัดการกองทุนจะเลือกลงทุนในตัวที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด และจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์
- ค่าธรรมเนียมของกองทุน Active จะสูงกว่า เพราะผู้จัดการกองทุนจะต้องบริหารพอร์ตและวิเคราะห์เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ชนะตลาด จึงทำให้มีต้นทุนในการดำเนินงานที่สูง
กองทุน Passive
- เป็นกองทุนที่บริหารในเชิงรับ
- ต้องการผลตอบแทนที่เท่ากับตลาด โดยผลตอบแทนที่ได้รับจะต้อง “ใกล้เคียง” กับดัชนีอ้างอิงมากที่สุด
- ผู้จัดการกองทุนจะลงทุนทุกตัวและให้น้ำหนักเท่ากับดัชนีอ้างอิง เพื่อให้สัดส่วนของพอร์ตการลงทุนเลียนแบบดัชนีอ้างอิงมากที่สุด
- ค่าธรรมเนียมของกองทุน Passive จะต่ำกว่า เพราะผู้จัดการกองทุนทำจะแค่คอยดูแลพอร์ตการลงทุนและปรับพอร์ตให้สัดส่วนการลงทุนสอดคล้องกับดัชนีอ้างอิง ไม่ต้องใช้นักวิเคราะห์เยอะ ต้นทุนในการดำเนินงานจึงถูกกว่า
เราสามารถดูเองได้ว่ากองทุนไหนเป็นแบบ Active หรือ Passive โดยดูในหนังสือชี้ชวน (Fund Factsheet) ตรงหัวข้อนโยบายการลงทุน ในนั้นจะมีบอกข้อมูลนโยบายลงทุนอย่างครบถ้วนเลย
สำหรับกองทุนต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะลงทุนผ่านกองทุนหลัก (Master Fund) ใน Fund Factsheet จึงบอกกลยุทธ์การลงทุนว่า มุ่งหวังให้ได้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก ซึ่งเป็นลงทุนแบบ Passive แต่ความจริงแล้วกองทุนนี้อาจจะไม่ใช่กองทุน Passive ก็ได้ ดังนั้น เราจึงต้องดูข้อมูลของกองทุนหลักว่าใช้นโยบายการลงทุนแบบใด
สุดท้ายนี้ ก่อนตัดสินใจลงทุน อย่าลืมศึกษารายละเอียดกองทุนจาก Fund Factsheet ให้ละเอียดก่อน แล้วค่อยตัดสินใจเลือกลงทุนในกองทุนที่เหมาะกับสไตล์ของเรา หรือสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของเรานะ
โฆษณา