การลงทุนของญี่ปุ่นในไทย ผ่าน BOI ปี 2024
ภาพรวมการลงทุนในปี 2024 จากข้อมูลสถิติการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) ในปี 2024 มีจำนวนโครงการยื่นขออนุมัติรวมทั้งสิ้น 3,137 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 1.13 ล้านล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในรอบ 10 ปี ทั้งในแง่ของมูลค่าและจำนวนโครงการ คาดการณ์ว่าการลงทุนเหล่านี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้มากถึง 2.67 ล้านล้านบาทต่อปี และเพิ่มอัตราการจ้างงานกว่า 214,174 ตำแหน่งต่อปี ถือเป็นปีที่มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานเศรษฐกิจของประเทศ
อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดในปีที่ผ่านมา คือ อุตสาหกรรมดิจิตัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Data Center และ Cloud Service ซึ่งมีการลงทุนรวม 243,307 ล้านบาท จาก 150 โครงการ ของบริษัทชั้นนำระดับโลก อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมนี้กลับมีอัตราการจ้างงานที่ค่อนข้างต่ำ โดยคิดเป็นเพียง 1% หรือประมาณ 2,386 ตำแหน่งต่อปี
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 407 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 231,710 ล้านบาท และเป็นภาคส่วนที่สร้างการจ้างงานมากที่สุด คิดเป็น 42% ของการจ้างงานทั้งหมด หรือประมาณ 89,813 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ยังมีการใช้วัตถุดิบภายในประเทศสูงถึง 280,487 ล้านบาทต่อปี
กลุ่มอุตสาหกรรมที่โดดเด่นในปีนี้คือ อุตสาหกรรมแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Printed Circuit Board: PCB) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลิต รถยนต์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และเครื่องมือแพทย์ ที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้มากกว่า 100 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 170,000 ล้านบาท ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิต PCB ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก
อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ได้รับการลงทุนอย่างต่อเนื่องจากญี่ปุ่น จีน และประเทศในยุโรป ด้วยเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 102,366 ล้านบาท จาก 309 โครงการ ซึ่งครอบคลุมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฮบริด การผลิตล้อรถยนต์ ระบบอัจฉริยะในรถยนต์ และชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ โดยคาดการณ์ว่าการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้จะสร้างการจ้างงานคิดเป็น 17% หรือประมาณ 36,795 ตำแหน่งต่อปี
แม้ว่ากระแสรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนและยุโรปจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่สามารถโค่นแชมป์ยอดขายของ TOYOTA ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ที่ยังคงครองตลาดโลกด้วยยอดขายกว่า 10 ล้านคันต่อปี ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า ไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริด รวมถึงแบรนด์ในเครืออย่าง LEXUS, DAIHATSU และ HINO สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นที่ยังคงเป็นผู้นำในระดับสากล
ในปีที่ผ่านมา การขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในอุตสาหกรรมนี้โดยบริษัทญี่ปุ่นยังคงเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 21,749 ล้านบาท จาก 84 โครงการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการขยายกำลังการผลิตและการปรับตัวเพื่อรับมือกับปัจจัยทางเศรษฐกิจและนโยบายระดับโลก
โดยเฉพาะผลกระทบจาก "ทรัมป์ 2.0" ที่ทำให้ผู้ผลิตต้องพิจารณากลยุทธ์ในการเลี่ยงกำแพงภาษีและการเปลี่ยนแปลงของสงครามการค้าในอนาคต โดยไทยได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในฐานะศูนย์กลางการผลิตและการลงทุนระดับโลก โดยสามารถดึงดูดนักลงทุนจากมหาอำนาจเศรษฐกิจอย่าง สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ตลอดจนขยายโอกาสการลงทุนให้กับนักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลก
สำหรับทิศทางของ BOI ในปี 2025 ยังคงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ รวมถึง อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ที่มีการจัดตั้ง คณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ เพื่อออกมาตรการสนับสนุนที่เอื้อต่อการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับ เทคโนชีวภาพ การแพทย์ พลังงานสะอาด และเทคโนโลยีทางการเกษตร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในอนาคต
____________________________
ติดตามเรื่องราวด้านธุรกิจ โอกาสทางด้านธุรกิจ การพัฒนาตนเองที่น่าสนใจจากประเทศญี่ปุ่นได้ที่
・Website: www.wabiz.info
・Facebook: facebook.com/wabizth
・Blockdit: blockdit.com/wabizth
・Instagram: instagram.com/wabiz.th
____________________________
#wabiz #japan #business #japanbusiness #ญี่ปุ่น #ธุรกิจ #BOI
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
