28 มี.ค. เวลา 01:04 • สุขภาพ

ตอนที่ผมยังเป็นเด็กนักเรียน สิ่งหนึ่งที่คุณครูชอบทำเป็นประจำคือการให้นักเรียนอ่านหนังสือในห้อง

แต่มันจะไม่ใช่การที่ต่างคนต่างอ่านหนังสือของตัวเองเงียบๆนะครับ
มันจะเป็นการที่ครูให้นักเรียนแต่ละคนผลัดกันอ่านออกเสียงให้ทั้งห้องได้ยินคนละ 1 ย่อหน้า
หลังจากที่ผมเรียนจบมัธยมฯปลาย ผมก็ไม่ได้ “อ่านออกเสียง” อีกเลย
เพราะการ “อ่านออกเสียง” มันใช้เวลานานกว่า เมื่อเทียบกับการ “อ่านในใจ”
และยิ่งผมโตขึ้น สิ่งที่ผมต้องอ่านก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ (โดยเฉพาะช่วงที่ผมเรียนปริญญาโท-เอก)
การ “อ่านในใจ” (ซึ่งประหยัดเวลามากกว่า) จึงกลายเป็น “วิธีการอ่านหนังสือ” ของผมโดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาอย่างหนึ่งของการ “อ่านในใจ” ก็คือ…ผมมักจะลืมสิ่งที่ผมอ่านบ่อยมาก!
หลายครั้ง ผมต้องกลับมาย้อนอ่านหนังสือหรือบทความที่ผมเคยอ่านมาแล้วอีกรอบ และอีกรอบ และอีกรอบ!
มันเป็นอะไรที่เสียเวลาไม่น้อยเลยทีเดียว
ในทางกลับกัน หากผมอยากจะจำในสิ่งที่ผมอ่านได้ดีขึ้น แทนที่ผมจะ “อ่านในใจ” (และกลับมาอ่านซ้ำอีกรอบ) อีกสิ่งหนึ่งที่ผมสามารถทำได้คือการ “อ่านออกเสียง” ครับ
ผลการศึกษาพบว่า เวลาที่เรา “อ่านออกเสียง” เรามีแนวโน้มที่จะจำสิ่งที่เราอ่านได้ดีกว่าการ “อ่านในใจ” มากถึง 12%
เพราะเวลาที่เรา “อ่านออกเสียง” เราไม่เพียงแค่อ่านเท่านั้น แต่เรายังต้องพูดสิ่งที่เราอ่านออกมาดังๆด้วย
มันทำให้สมองของเรา active มากกว่า เมื่อเทียบกับการ “อ่านในใจ”
ส่งผลให้เราจำสิ่งที่เรา “อ่านออกเสียง” ได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับการ “อ่านในใจ” นั่นเอง
ปล. ท่านผู้อ่านสามารถทดลองอ่านบทความอื่นๆในเพจนี้แบบ “ออกเสียง” ดูก็ได้นะครับ 😊
โฆษณา