30 มี.ค. เวลา 09:00 • ไอที & แก็ดเจ็ต

หญิงจีนผ่าตัดเสริมหน้าอก สุดท้ายพิการเพราะคลินิกผสม “ดีเอ็นเอวัว-กวาง”

ที่จีน หญิงรายหนึ่งพยายามเรียกร้องความยุติธรรม หลังต้องพิการเพราะไปเสริมหน้าอกที่คลินิกแห่งหนึ่งซึ่งผสม “ดีเอ็นเอวัว-กวาง” ลงในซิลิโคน
ที่ประเทศจีน เกิดกรณีผู้เสียหายรายหนึ่งออกมาร้องเรียนเมื่อต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา โดยหญิงชาวจีนรายหนึ่งได้ทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก แต่กลับเกิดภาวะพิการรุนแรง เนื่องจากซิลิโคนที่เสริมหน้าอกนั้นความจริงแล้วมีดีเอ็นเอของ “วัว” และ “กวาง” ผสมอยู่
หลิงหลิง ผู้เสียหายจากมณฑลเจียงซี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เล่าว่า ในปี 2017 เธอเริ่มสนใจเทคนิค “การเสริมหน้าอกแบบใหม่”
หญิงชาวจีนพยายามเรียกร้องความยุติธรรม หลังต้องพิการเพราะไปเสริมหน้าอก
คลินิกในปักกิ่งที่อยู่เบื้องหลังวิธีการดังกล่าวอ้างว่า สามารถสกัดและเพาะเลี้ยงคอลลาเจนของคนไข้ ก่อนจะฉีดกลับเข้าไปในหน้าอก เพื่อให้ได้หน้าอกที่ใหญ่ขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีผลข้างเคียง
ในเดือน ก.ย. ของปีเดียวกัน หลิงหลิงได้ไปคลินิกเสริมความงามทางการแพทย์ Beijing Creating Medical Cosmetic Clinic และพบกับหัวหน้าศัลยแพทย์ชื่อ ไป๋ จิน ซึ่งรับรองกับเธอว่าขั้นตอนนี้ง่ายและปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม หลังจากการผ่าตัด หลิงหลิงรู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในหน้าอก
จากนั้นในช่วงระหว่างปี 2017-2023 เธอเข้ารับการผ่าตัดอีก 9 ครั้ง รวมถึงการใส่และซ่อมแซมหน้าอกเทียม จนในปี 2023 หลิงหลิงพบว่าหน้าอกเทียมของเธอเกิดการรั่วไหลและการเสียรูป “มีก้อนเนื้อสองก้อนบนหน้าอกของฉันที่ไปจนถึงท้อง”
หลิงหลิงขอให้คลินิกในปักกิ่งทำการผ่าตัดแก้ไข แต่พวกเขาต้องการรายงานการประเมินทางการแพทย์
ต่อมาในเดือน ต.ค. 2024 เธอไปที่โรงพยาบาลในเซี่ยงไฮ้เพื่อนำหน้าอกเทียมออกและทำการทดสอบ ในระหว่างขั้นตอนดังกล่าว แพทย์พบว่า วัสดุที่ฉีดเข้าไปนั้นก่อให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย
ต่อมา นักวิจัยพบ “ดีเอ็นเอของกวางมูสและวัวในหน้าอกเทียม ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของคลินิกว่า หน้าอกเทียมมาจากคอลลาเจนของคนไข้เอง”
สถาบันการแพทย์ได้จัดประเภทความผิดปกติของหน้าอกหลิงหลิงว่าเป็น “ความพิการร้ายแรง” ซึ่งทำให้เธอเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจอย่างมาก
ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมความงามจากมณฑลเจียงซีรายหนึ่ง กล่าวว่า นอกจากหลิงหลิงแล้ว ยังผู้ป่วยรายก่อน ๆ ของคลินิกแห่งนี้พบดีเอ็นเอจากอูฐ ค้างคาว และกอริลลา ในหน้าอกเทียมของพวกเธอด้วย
หลิงหลิงพยายามเรียกร้องค่าเสียหาย แต่พบว่าทั้งคลินิกดังกล่าวได้ปิดตัวลงไปแล้ว โดยถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางการแพทย์ 398 คดี นอกจากนี้ ไป๋ หัวหน้าศัลยแพทย์ของคลินิก ยังไม่ได้ลงทะเบียนกับหน่วยงานทางการแพทย์
ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มี.ค. หลิงหลิงได้รายงานกรณีดังกล่าวต่อคณะกรรมการสุขภาพเทศบาลปักกิ่ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อพิพาทดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสถาบันที่ปิดตัวลงไปแล้ว จึงเป็นเรื่องยากที่เธอจะได้รับความยุติธรรม
เรียบเรียงจาก SCMP
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/news/245550
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา