28 มี.ค. เวลา 05:09 • ความคิดเห็น

เราให้เวลากับสิ่งใด เราก็จะได้เป็นสิ่งนั้น

เมื่อตอนปลายปี ผมได้อ่านประโยคหนึ่งที่ผมยังครุ่นคิดจนถึงทุกวันนี้
"Thirty minutes a day of any dedicated practice - from piano to planning - is bound to transform you."
ถ้าเราออกกำลังกายวันละ 30 นาที ยังไงเราก็จะแข็งแรงขึ้น
ถ้าเราเขียนบทความวันละ 30 นาที เราย่อมเป็นนักเขียนที่ดีขึ้น
ถ้าเราปฏิบัติวันละ 30 นาที เราย่อมมีความก้าวหน้าทางธรรม
ความยากไม่ใช่ 30 นาที เพราะคนส่วนใหญ่น่าจะหาเวลา 30 นาทีเพื่อทำอะไรบางอย่างในบางวันได้
ความยากคือการทำหนึ่งอย่างให้ได้ทุกวัน เป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน ในยุคสมัยที่เรามีสิ่งล่อตาล่อใจมากที่สุดในประวัติศาสตร์
อีกหนึ่งความยาก คือเรามักจะหวังผลเลิศ อยากไปเร็วกว่าเพื่อน อยากโพสต์อวดได้ อยากสำเร็จไวๆ แล้วพอความก้าวหน้ามันมาช้ากว่าที่คาด เราก็มักล้มเลิกกลางคัน แล้วไปล่าฝันอื่นต่อ
1
ทั้งที่จริงแล้ว เราไม่ต้องทำอะไรพิเศษเลย เราแค่ทำเรื่องธรรมดาที่เรารู้ว่าดี ด้วยหัวใจและความเพียรแบบคนธรรมดา
1
แต่เมื่อเราอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้นานพอ ความธรรมดาคูณด้วย "เวลาที่ยกกำลัง" จะส่งผลลัพธ์ที่เรามองกลับมาด้วยความภูมิใจ ว่าเราก็มาได้ไกลอยู่เหมือนกัน
1
เหมือนคำที่ Sam Altman เคยเขียนไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ว่าหนึ่งวันนั้นยาวนาน แต่หนึ่งทศวรรษนั้นสั้นนิดเดียว - The days are long but the decades are short.
ลองสำรวจตัวเองว่ามีอะไรบ้างที่เราให้เวลา 30 นาทีกับมันทุกวัน แล้วมันกำลัง transform เราไปในทางบวกหรือทางลบ ถ้ามันลบเราสามารถลดได้หรือไม่ แล้วอะไรคือสิ่งที่เป็นบวกที่เราจะเลือกขึ้นมาทำทุกวัน
ถ้าเริ่มต้นจาก 30 นาทีไม่ได้ ก็ให้เริ่มจากวันละ 3 นาที เราจะได้ไม่มีข้อแม้
จากนั้นก็ขอให้เราเป็นคนที่รอได้ เพราะธรรมชาติมีจังหวะจะโคนของมัน
เราให้เวลากับสิ่งใด เราจะได้เป็นสิ่งนั้นอย่างแน่นอน
2
โฆษณา