เรื่องแบบไทยๆ : เริ่มต้นแนวไหน ก็จบท้ายด้วย Drama !?! 😢
"เรื่องแบบไทย ๆ ...เริ่มต้นแนวไหนก็ได้ แต่ตอนลงท้ายต้องจบดราม่า..."
เราเป็นคนที่ชอบดูสื่อทุกชาติ อ่านเยอะมาก ดูเยอะมาก ทั้งนิยาย การ์ตูน หนัง ละคร ซีรีส์ สิ่งที่เห็นใน Story ต่าง ๆ ของไทยมักจะเป็นแบบประโยคด้านบน… ไม่ว่าจะเริ่มเรื่องจากสืบสวน ระทึกขวัญ เรื่องรัก เรื่องตลก เรื่องสยองขวัญ หรือจะไปบู๊ยิงกันสนั่นจอก็ตาม แต่ไม่ว่าจะเริ่มมาทรงไหน ตอนท้ายเรื่องในช่วยคลายปมไคลแม็กซ์เราจะจบด้วยดราม่าจัด ๆ เสมอ
...ว่าแต่ทำไมมันเป็นอย่างนั้นกัน ?
อ่านถึงตรงนี้แล้วจะยังไม่พิมพ์ต่อ อยากได้ความเห็นจากทุกคนก่อนว่า เห็นด้วยมั้ย ? แล้วถ้าเห็นด้วย คิดว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ลองพิมพ์มาแลกเปลี่ยนกันครับ
.
.
.
ใครพิมพ์เสร็จแล้วกลับขึ้นมาอ่านต่อกันเลย
แต่ก่อนจะไปต่อ ขอชี้แจงไว้นิดนึงครับว่า ข้อความจากนี้ต่อไปเป็นความเห็นของเรานะ อาจจะไม่ใช่ Fact ข้อเท็จจริงที่ได้รับการรีเสิร์ชอย่างเข้มข้น หรือมีข้อมูลการวิจัยมารองรับแต่อย่างใดนะครับ
เราว่าที่มันเป็นอย่างนี้ คนดูน่าจะมีส่วน เพราะคอนเทนต์ในบ้านเราส่วนใหญ่ที่เป็นเรื่องราวจะทำตามความพึงพอใจของผู้เสพเป็นหลัก งั้นเราจะคุยเรื่องนี้กันด้วยแนวคิดการเอาผู้เสพเป็นตัวตั้งแล้วกันนะครับ
หลังจากลองคิดสะระตะแล้ว เราก็สรุปเหตุผลได้ประมาณหนึ่ง เอาเป็นข้อ ๆ ก็แล้วกัน
1. คนไทยชอบความครบรส
เวลาเราเปรียบหนัง - ละครไทยกับอาหาร เราชอบเปรียบว่าเหมือนกับต้มยำกุ้ง น้ำข้นด้วยก็ได้ เพราะต้องเข้มข้น และครบรส หน้าตาของเรื่องราวแบบไทย ๆ จะเริ่มต้นแบบไหนก็ได้ แต่ต้องมีความครบรส เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด จัดจ้านต้องมา และตัวที่ประคองความเข้มข้นได้ก็คือ “ดราม่า” นั่นเอง เมื่อมีดราม่า (ซึ่งมักจะกลายเป็นปมหลักของเรื่อง) มันก็จะพามาสู่การคลายปมที่ต้องเป็นดราม่าด้วยเช่นกัน
2. คนไทยชอบความสมเหตุสมผล
ก่อนอื่นขอให้แยก “สมเหตุสมผล” กับ “สมจริงสมจัง” ออกจากกันก่อนนะครับ
“สมเหตุสมผล” คือ การทำอะไรต่าง ๆ ในเรื่องล้วนมีที่มาที่ไป มีสาเหตุ และมีผลลัพธ์สร้างความเชื่อได้
“สมจริงสมจัง” คือ ความถูกต้องใด ๆ ก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นในเชิงอาชีพ หรือการกระทำใด ๆ ซึ่งมีผลในการสร้างความเชื่อเช่นเดียวกัน
ผู้เสพชาวไทยส่วนใหญ่แต่ช้านานมา (ย้ำว่าส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ) ให้น้ำหนักกับคำว่า “สมเหตุสมผล” มากกว่าคำว่า “สมจริงสมจัง” และดราม่าในเรื่องมันก็เป็นส่วนหนึ่งของความสมเหตุสมผล เช่น
หนังผีไทยจำเป็นต้องมีที่มา เขาเป็นใคร ตายเพราะอะไร ทำไมต้องหลอก เหล่านี้ละครับมาจากความสมเหตุสมผลในเชิงดราม่าทั้งสิ้น ดราม่าจะสร้างความเชื่อที่พาไปสู่การกระทำของตัวละครได้อย่างหนักแน่น และเหตุผลในเชิงดรามา ก็เป็นส่วนหนึ่งของจุดคลี่คลายของเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้ผู้เสพชาวไทยอินได้เสมอมา
3. คนไทยชอบเสียน้ำตา
อย่างที่บอกไปว่าคนไทยชอบความครบรสเนอะ ดังนั้นเศร้าๆ ขมๆ ขื่นๆ หรือซาบซึ้ง จึงเป็นรสชาติที่เราโปรดปราน ดูอย่างโฆษณาไทยประกันชีวิตสิ ตัวที่อยู่ในความทรงจำทั้งหลายมักจะเป็นตัวที่ดราม่าเรียกน้ำตาได้ทั้งสิ้น การเสียเงินซื้อหนังสือมาสักเล่ม เข้าไปดูหนังสักเรื่อง หรือการเสียเวลาดูละครหรือซีรีส์ที่ต้องใช้เวลาต่อเนื่องยาวนาน การได้เสียน้ำตาคือความคุ้มค่าอย่างหนึ่ง
และการเสียน้ำตาก็เป็นรางวัลชิ้นใหญ่ของครีเอเตอร์อยู่แล้ว เรื่องทุกเรื่องที่สร้างขึ้นมาล้วนอยากได้ปฏิกิริยาทางกายจากผู้เสพ และการหัวเราะกับน้ำตาไหลก็เป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ มันรูปธรรมมากพอที่จะทำให้ผู้สร้างสรรค์ใจฟูได้เลย
และหนึ่งในวิธีที่จะทำให้คนเสพเสียน้ำตาได้ก็คือ การคลี่คลายปมดราม่าในเรื่อง ซึ่งไม่ว่าผลลัพธ์มันจะ เศร้า สุข หรือซึ้ง นั่นคือช่วงเวลาที่คนดูโปรดปรานมาก ๆ
4. คนไทยเก่งเรื่องนี้
เหล่าครึเอเตอร์ผู้สร้างเรื่องราวในบ้านเราสามารถเล่าเรื่องดราม่าในระดับเรียกน้ำตาได้เก่งกาจมาก ๆ แบบชนิดที่ว่าหาตัวจับยากเลยทีเดียว ดูได้จากการเล่าหนังโฆษณาที่ประเทศทั่วโลกกล่าวขานในเรื่องการเรียกน้ำตา เป็นโฆษณาที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ เข้มข้น ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็มาอยู่ในการเล่าเรื่องราวแบบอื่น ๆ จนเป็นฐานที่โดดเด่นของการเล่าเรื่องของบ้านเราไปแล้ว
และนี่ก็เป็น 4 ข้อพอหอมปากหอมคอแล้วกันครับ ใครอยากเพิ่มเติมเหตุผลอื่นก็ลองพิมพ์คอมเมนต์กันเข้ามาดูเน้อ
สุดท้าย เราอยากจะบอกว่า “ดราม่า” จำเป็นต้องมีในเรื่องทุกแนว โดยเฉพาะปมของเรื่อง เพราะมันคือเหตุและผลของตัวละคร มันคือสิ่งที่สร้างความตึงเครียด เข้มข้น ซึ่งคนทุกคนเข้าถึงได้ แต่ก็อยู่ที่เราว่าจะคุมน้ำหนักความดราม่าของเรากับแนวหลักแนวอื่น ๆ ที่เรากำลังทำอยู่ได้หรือเปล่า
จะดูหนังแอ็กชัน แต่ไม่ต่อยกันสักที อันนี้ก็ไม่ค่อยเข้าทีสักเท่าไหร่ ...ดังนั้น ชั่ง ตวง วัดกันดี ๆ ครับ
มันก็จะประมาณนี้ล่ะครับ
ขอให้มีความสุขกับการเขียน✍🏻
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
