29 มี.ค. เวลา 01:02 • ครอบครัว & เด็ก

จะใช้สิ่งที่มีอย่างไรดีที่สุด?

ปฐมกาล 47:20-26 TH1971
[20] โยเซฟก็ซื้อที่ดินทั้งหมดในอียิปต์ให้แก่ฟาโรห์ เพราะคนอียิปต์ทุกคนต้องขายไร่นาของตน เนื่องจากการกันดารอาหารรุนแรงยิ่งนัก เพราะฉะนั้นแผ่นดินจึงตกเป็นของฟาโรห์ [21] ส่วนประชาชนอียิปต์นั้นโยเซฟให้เป็นทาสทั่วบ้านทั่วเมือง [22] เว้นแต่ที่ดินของพวกปุโรหิตเท่านั้นโยเซฟไม่ได้ซื้อ เพราะปุโรหิตได้รับปันส่วนจากฟาโรห์ และดำรงชีวิตอาศัยตามส่วนที่ฟาโรห์พระราชทาน เหตุฉะนี้เขาจึงไม่ได้ขายที่ดินของเขา
[23] โยเซฟชี้แจงแก่ประชาชนทั้งปวงว่า <<ดูเถิด วันนี้เราซื้อตัวพวกเจ้ากับที่ดินของเจ้าให้เป็นของหลวงแล้ว นี่เราจะให้พันธุ์ข้าวแก่พวกเจ้า เอาไปหว่านเถิด [24] เมื่อได้ผลแล้วจงถวายส่วนหนึ่งในห้าส่วนแก่ฟาโรห์ เก็บสี่ส่วนไว้เป็นของตน สำหรับใช้เป็นพันธุ์ข้าวบ้าง เป็นอาหารสำหรับเจ้าและครอบครัวกับเด็กเล็กบ้าง>>
[25] คนทั้งหลายก็ตอบว่า <<ท่านช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้ ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้รับความเมตตาจากนายเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายยอมเป็นทาสของฟาโรห์>> [26] โยเซฟตั้งเป็นกฎหมายในประเทศอียิปต์ตราบเท่าทุกวันนี้ว่า ให้ฟาโรห์ได้ส่วนหนึ่งในห้าส่วน เว้นแต่ที่ดินของปุโรหิตเท่านั้นไม่ตกเป็นของฟาโรห์
ก็กำลังแนะนำกับทุกคนถึงการใช้ชีวิตในโลก คือมอบถวายคืนกับพระเจ้าหนึ่งในห้าส่วนครับ
ตลอดมาหลายคนก็ใช้ชีวิตมาแบบไม่สนใจพระเจ้า ก็ไม่เชื่อว่าทุกสิ่งที่ได้มาเป็นของพระเจ้า ก็ใช้ทุกสิ่งตามใจตัวเอง ใช้เหมือนเป็นของตัวเอง สุดท้ายพระเจ้าก็เลยให้เจอกับภัยพิบัติเพื่อจะให้ใจได้ถ่อมลง ได้รู้ว่าใครคือเจ้าของเจ้าชีวิตแล้วกลับใจมาหาพระเจ้า ใช้ชีวิตตามจิตใจพระเจ้า ชีวิตก็มีความสุขได้อย่างแท้จริง ก็เพื่อสวัสดิภาพของตัวมนุษย์เองกับการใช้ชีวิตด้วยการยำเกรงพระเจ้าครับ
เมื่อวานเกิดแผ่นดินไหวก็มีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่กำลังสร้าง ตัวโครงสร้างเสร็จหมดแล้ว กำลังเริ่มงานตกแต่ง อาคารนี้ก็ได้สั่นไหวและพังทรุดลงมากองกับพื้นเลยครับ มีคนงานหลายคนติดอยู่ใต้ทรากนั้น ยังไม่รู้กับชะตากรรม
แต่ก็ได้มาช่วยตอกย้ำกับทุกคนที่ยังรอดชีวิตอยู่ว่าไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดกับตนหรือคนในครอบครัว กับชีวิตที่ได้รอดมาก็ควรหันกลับมาหาพระเจ้าไปตามจิตใจพระเจ้าไม่ใช่ตามใจตัวเองเช่นที่ผ่านๆมานะครับ ก็เพื่อสวัสดิภาพของตัวเราเอง กับวันเวลาที่เหลือเราควรแสวงหาพระเจ้า การได้ใช้ชีวิตที่เหลือไปตามจิตใจของพระเจ้า
ตลอดมาเราก็สาละวนจมอยู่แต่กับความคิดว่าจะอยู่รอดยังไง แล้วก็ทำสิ่งต่างๆ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ตัวเราเองสามารถหลุดพ้นออกจากความกังวลเหล่านี้ จนถึงวันตาย และการไปตามความคิดเหล่านั้นก็กลับทำให้เราอยู่ในความทุกข์ทรมานหรือจบชีวิตก่อนวัยอันควร เหตุเพราะพยายามจะรับผิดชอบกับชีวิตตัวเองนี้ครับ
แต่ตอนที่มันได้ใช้ร่างกายนี้กับเวลาตามจิตใจของพระเจ้าตัวเราก็จะได้รับความรอด ได้รับความสุข หลุดพ้นออกจากความสิ้นหวังได้พบกับความสุขที่แท้จริงครับ
ผมเองกับภรรยาลูกตอนนี้ก็อยู่ในบทบาทของผู้เผยแพร่เรื่องของพระเยซูให้กับทุกคน ก่อนที่จะมาอยู่ตรงนี้ ก็เคยทำงานหาเงินตอนนั้นก็ถวายเงินประมาณหนึ่งในห้าส่วนจริงๆ ทุกครั้งที่ได้รับเงินรายได้เข้ามาก็จะถวายกลับคืนให้พระเจ้าครับ
ผมมองย้อนกลับไปพระเจ้าก็เลี้ยงดูและนำชีวิตมาเรื่อยๆจนถึงวันนี้ให้กลายมาเป็นผู้เผยแพร่ฯ เหมือนคนเลวีที่คอยทำหน้าที่ดูแลในพระวิหารอย่างเดียว ซึ่งคนเลวีก็จะเป็นตัวแทนบุตรหัวปีของอิสราเอลทุกคนซึ่งความจริงจะต้องมอบถวายคืนพระเจ้าครับ เหมือนที่พระเจ้าเอาชีวิตบุตรหัวปีของคนอียิปต์ก่อนออกจากที่นั่น แต่คนอิสราเอลพระเจ้าก็ให้แยกคนเลวีออกมาสำหรับเป็นตัวแทนของบุตรหัวปีมอบให้กับพระเจ้า เพื่อบุตรหัวปีของตนจะไม่ต้องตายครับ
หลายคนก็กลัวไม่เชื่อว่าพระเจ้าคือผู้รับผิดชอบก็เลยเก็บสิ่งที่ได้มาไว้เพื่อจะใช้รับผิดชอบดูแลตัวเอง มันกำลังบอกว่าฉันไม่เชื่อพระเจ้า ฉันจะดูแลตัวเอง ความคิดนั่นก็เรียกภัยพิบัติจากพระเจ้าเข้ามาเพื่อจะทำให้เรากลับใจหันกลับมาเชื่อวางใจเพียงพระเจ้าครับ พระเจ้าไม่อยากจะให้เราไปตามความคิดนั่นมีแต่ฆ่าทำลายตัวเองเท่านั้นแบบนี้ครับ
ก็ผ่านเหตุการณ์เมื่อวานพระเจ้าก็กำลังเตือนกับพวกเราว่าชีวิตที่พยายามจะปกป้องรับผิดชอบดูแลตัวเองนั้นมันน่ากลัวจริงๆครับ
ด้วยกำลังความสามารถมนุษย์จะควบคุมผู้คนให้ใช้เงินอย่างถูกต้องก็ยาก แต่ตอนที่เรามีใจที่ยำเกรงพระเจ้า ความหวังย้ายจากเงินไปอยู่กับพระเจ้าตอนนั้นเราก็ได้เป็นอิสรและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขจริงๆครับ
ตอนที่ครอบครัวผมได้เข้ามาอยู่ในคริสตจักร เป็นผู้เผยแพร่ฯ ตอนที่เห็นจำนวนเงินสนับสนุนแต่ละเดือนครั้งแรกผมกังวลครับ ค่าแรงขั้นต่ำยังไม่ได้เลย อยู่กันสามชีวิตพ่อแม่ลูก แต่พระเจ้าก็เลี้ยงดูพวกเรามาอย่างพอเพียง ไม่ขาดแคลนกับสิ่งที่จำเป็นครับ ตอนนี้ก็ย่างเข้าปีที่สิบเอ็ดแล้วครับ
แต่กับการพยายามจะดูแลรับผิดชอบกับชีวิตของตัวเอง ผมมองหลายคนถึงแม้จะมีมากเท่าไรก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขามั่นคงหรือพักสงบในจิตใจได้เลยครับ
สดุดี 127:2 TH1971
[2] เป็นการเหนื่อยเปล่า ที่ท่านลุกขึ้นแต่เช้ามืด นอนดึก และกระหืดกระหอบกินอาหาร เพราะพระองค์ประทานแก่ผู้ที่รักของพระองค์ ให้หลับสบาย
ฮีบรู 13:5 TH1971
[5] ท่านจงอย่าเป็นคนเห็นแก่เงิน จงพอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่ เพราะว่าพระองค์ได้ตรัสว่า เราจะไม่ละท่าน หรือทอดทิ้งท่านเลย
โฆษณา