29 มี.ค. เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Advanced Reading : Buffett และ Li ถือเงินสดมากขึ้น น่ากังวลมั้ย?

ในปีนี้ นักลงทุนระดับตำนานของโลก Warren Buffett และ Li Ka-shing เพิ่มการถือเงินสดขึ้นเยอะที่สุดในรอบหลายปี
Berkshire Hathaway บริษัทจัดการลงทุนของ Buffett ถือเงินสุดถึง 29% ของพอร์ตการลงทุน ขณะที่ CK Hutchinson บริษัทจัดการท่าเรือ และการเดินเรือของ Li ได้ทยอยขายกิจการท่าเรือในต่างประเทศ ที่อยู่นอกฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ออกไปจำนวนมาก และทำมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2020 และกำลังจะขายกิจการออกหลายแห่งออกไปเพื่อลดหนี้ของตัวเองลง
สิ่งที่น่าสนใจ คือ ทั้ง 2 บริษัท มักจะ “ขยับตัว” ก่อนที่จะเกิดวิกฤตเสมอ ทำให้ตลาดเริ่มกังวลว่า การที่ 2 บริษัทเริ่มถือเงินสดเป็น “สัญญาณอันตราย” ของตลาดหุ้นรึเปล่า ?
Berkshire Hathaway มักจะขายหุ้นตอนที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯแพง และเก็บเงินสดไว้เยอะๆ เพื่อซื้อหุ้นตอนตลาดซบเซา
Buffett เพิ่มการถือเงินสดก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤตการเงินสองครั้งล่าสุด ในปี 2000 และ 2008 - ภาพจาก Bloomberg.com
ขณะที่ CK Hutchinson มักจะลดสัดส่วนหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทต่างชาติ ก่อนหน้าที่ธุรกิจนั้นๆจะถึงจุดสูงสุด เช่น การขายหุ้น Orange บริษัทโทรคมนาคมของอังกฤษ ในปี 1999 ก่อนที่จะเกิดวิกฤต Dot com ปี 2000 และการขายตึกสูงในฮ่องกง ในปี 2017 ก่อนที่ในอีก 1 ปีให้หลัง ตลาดอสังหาฯจีนจะเริ่มประสบปัญหา และตอนนี้ CK Hutchinson ก็กำลังพยายามขายท่าเรือที่อยู่นอกฮ่องกงและจีนออกไปเพิ่มเติม
CK Hutchinson เริ่มขายกิจการท่าเรือออกมาตั้งแต่ปี 2020 จนสัดส่วนหนี้ต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity) ตามภาพ ลดต่ำลงต่อเนื่อง สะท้อนว่า บริษัทพยายามลดความเสี่ยงด้านภาระหนี้ และเตรียมเงินสดไว้เพื่อขยายกิจการใหม่ๆในอนาคต – ภาพจาก Bloomberg.com
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า การเพิ่มการถือเงินสดของ 2 นักลงทุนอาจ “ไม่ได้บ่งชี้ว่าจะเกิดวิกฤตตลาดหุ้น” เพราะ ทั้งสองอาจจะแค่ขายทำกำไรบริษัทที่มีอยู่ เพื่อเตรียมตัวหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆที่อาจจะเกิดขึ้น พูดง่ายๆก็คือ เค้าอาจจะ “แค่ขายปรับพอร์ต เพื่อเอาเงินไปซื้ออย่างอื่นเพิ่ม” ก็ได้ครับ
Mr. เต่า มองว่ายังไง ?
การที่ Buffett และ Li ถือเงินสดเยอะขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นสัญญาณว่า “เศรษฐกิจกำลังจะชะลอตัว”
อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นเพื่อหนีออกจากตลาดอาจไม่ใช่ทางออกที่ดี สำหรับนักลงทุนระยะยาว ผมเชื่อว่า “การลงทุนต้องอาศัยความสม่ำเสมอ” เพื่อที่เราจะได้สามารถเก็บเกี่ยวผลตอบแทนในระหว่างทาง โดยปราศจากอคติและอารมณ์ ซึ่งเราอาจปรับพอร์ตได้บ้าง เอาตัวที่ไม่น่าสนใจออกมา เพิ่มตัวที่น่าสนใจเข้าไป แต่การถือเงินสดทั้งหมดในมือไม่ใช่ทางเลือกที่ผมแนะนำ เพราะจะทำให้เราเสียโอกาสการลงทุน ตอนที่ตลาดอยู่ในจุดต่ำ และทำให้พอร์ตของเราเติบโตไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น
Mr. เต่า แนะนำ “กระจายการลงทุน” และพยายาม “สร้างกระแสเงินสด” ในตอนนี้ให้ได้มากที่สุด อาจจะจากงานประจำ งานเสริมอะไรก็ได้ที่เพื่อนๆถนัด เพื่อเตรียมเงินไว้รอลงทุนใน 1-2 เดือนข้างหน้า
เหตุการณ์ต่างๆยิ่งแย่ เรายิ่งต้องขยันคัดเลือกหุ้น และหาโอกาสลงทุนเพิ่มครับ ถึงจะดอย แต่ “ดอยหุ้นพื้นฐานดี” ผมว่ายังดีกว่าคอยอยู่เงียบๆ แล้วไม่เริ่มลงทุนครับ
เพื่อนๆคิดว่ายังไงกันบ้างครับ ?
โชคดีในการลงทุนนะครับ
Mr. เต่า
ค้นหาบทความเต่าน้อยลงทุนผ่าน Facebook ได้อีกช่องทางที่
#อัพเดตการลงทุน #เต่าน้อยลงทุน #ลงทุน #การลงทุน #กองทุนรวม #ข่าวต่างประเทศ #หุ้น #ตลาดหุ้นโลก #กองทุนรวม #ข่าวการลงทุน #ข่าวเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจโลก
ติดตามเพจ “เต่าน้อยลงทุน” ได้ที่
โฆษณา