29 มี.ค. เวลา 18:19 • ความคิดเห็น

👉ซีรีส์ 'คนดี ผู้ไม่มีศาสนา'

EP.Special เมื่อผู้เขียนกลายเป็นพุทธศาสนิกชน👈
หลังจากทิ้งช่วงไปนานพอสมควร สำหรับซีรีส์ 'คนดี ผู้ไม่มีศาสนา' นี้ และใน 1 ปีที่ผ่านมา ก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายจริงๆ ในตอนล่าสุดนี้ ผู้เขียนจะขอตั้งเป็นตอนพิเศษขึ้นมา เพื่อบอกเล่าประสบการณ์จากคนที่ไม่มีศาสนา ที่กลายมาเป็นพุทธศาสนิกชนในปัจจุบัน
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021 ผู้เขียนได้เริ่มทำงาน (ที่เรียกว่างานอดิเรก) เป็นหมอดูไพ่ทาโรต์ เป็นวงการอาชีพที่มีการแข่งขันสูงมากในปัจจุบันนี้ และยังคงมีหมอดูหน้าใหม่พากันตบเท้าเข้าสู่วงการนี้อยู่เรื่อยๆ เราเคยเจอคนในทวิตเตอร์ อายุ 15 ปี ก็รับจ๊อบหมอดูแล้ว โลกสมัยนี้มันหมุนไวจริงๆ เทคโนโลยีทำให้คนหนุ่มสาวเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ไวกว่าเดิมเยอะเลย (นอกเรื่องละแก =_=")
ด้วยความที่การแข่งขันสูง ทำให้มีการมูเตลูมากมาย เพื่อให้มีรายได้ดี และที่น่ากลัวกว่านั้น ก็คือการ...เล่นของ
ในเดือนพฤศจิกายน เราเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิต จึงตัดสินใจเข้าร่วมบ้านกับหมอดูท่านหนึ่งในแอปแอปหนึ่ง เพราะอยากรู้ระบบบ้านว่ามีวิธีการทำงานอย่างไร หัวบ้านถามว่าเรามีรายได้เท่าไหร่ต่อเดือน เราบอกว่าประมาณหลักพัน เพราะเราไม่ได้ตั้งใจจะทำเป็นอาชีพ พี่หัวบ้านจึงกำหนดให้เราทำยอดให้ได้ 2,000 บาท ภายในครึ่งเดือนแรก ซึ่งเราก็ทำได้ดี
แต่ทีนี้ ความน่ากลัวมันเกิดขึ้นตรงที่ว่า พี่หัวบ้านได้บอกว่า ในปีนี้ (2021) มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นกับหมอดูแอปนี้ คือมีการเล่นของกันเกิดขึ้น เขาบอกว่าให้สังเกตว่ามีหมอดูคนหนึ่งที่ท็อปฟอร์มเป็นพิเศษในช่วงนี้ หมอดูคนนั้นเขาเล่นของ ทำให้หมอดูรายอื่นๆ ไลฟ์ล่มบ้าง ไลฟ์แล้วไม่มีลูกค้าบ้าง จนถึงขั้นโดนของ ต้องไปตามแก้กันวุ่นวายเลยทีเดียว เราก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย จึงตกใจอยู่ไม่น้อย พี่หัวบ้านได้ให้คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณมาให้ไหว้เพื่อป้องกันตนเอง
คืนที่ 5 ล่ะมั้งถ้าจำไม่ผิด เราไลฟ์ไปแล้วครั้งหนึ่ง และเลิกไลฟ์ไปทำอย่างอื่น พอไลฟ์ใหม่อีกรอบ ด้วยความชะล่าใจ เราลืมท่องคาถาก่อน พอไลฟ์แล้ว มีลูกค้าเข้ามา ตอนแรกก็ปกติดีอยู่ สักพัก ปากเราก็กระตุกๆ และรู้สึกปวดหัว มีอาการเหมือนมีพลังงานอะไรบางอย่างจะมาสิงร่าง เราก็คิด เอาแล้วไง ใช่เปล่าวะ
พอเปิดไพ่ตอบคำถามให้ลูกดวง ไพ่ออกมาเป็นไพ่ทางเลือกหมดเลยเว้ย ไม่สามารถตอบฟันธงไปเลยชัดๆ ว่าใช่หรือไม่ใช่ แล้วเราจะตอบลูกดวงยังไงล่ะทีนี้ เราจึงแบบว่า โอเค กูโดนเข้าแล้วล่ะ เราจึงบอกลูกดวงไปว่าอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้ แล้วปิดไลฟ์ปิดไฟนอน
พอจะนอน เราก็รู้สึกกระสับกระส่าย นอนไม่ได้นอนไม่หลับ มันรู้สึกวุ่นวายใจอย่างบอกไม่ถูก เราแบบนึกออกอยู่คนนึงว่าใคร ก็เลยคิดในใจไปว่า "โอเค ไม่ทำแล้ว จะเลิกแล้ว ที่อยากได้เงินเพราะจะทำยอดเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะทำจริงจัง" แต่ก็เอ๊ะขึ้นมาได้ว่า นี่เรากำลังทำงานแบบจริงจังอยู่นี่หว่า จึงคิดว่างั้นเราเลิกทำดีกว่าแฮะ
หลังจากนั้น แรงกดดันวิญญาณต่างๆ ก็หายไปทันที เราจึงคิดเอาเองว่าเขารู้แล้ว เราก็เลยนอนต่อ (ไม่สวดมนต์ด้วยนะ อะไรของแกวะ) แล้วตรงหน้าต่างข้างเตียงก็มีเสียงเหมือนคนมาเคาะดังก๊อกๆๆ เราก็ทำเป็นไม่สนใจและนอนหลับไป
พอวันรุ่งขึ้น เราก็ขอหัวบ้านออกจากบ้านเลยจ้า เพราะ 5 วันที่ผ่านมานั้น ช่วงแรกๆ ก็ดีอยู่ แต่วันหลังๆ มีพวกมือโปรมาทดสอบวิชา เราก็ชอบนะ มองโลกในแง่ดีว่าโชว์ความ noob ไป เขาจะได้เห็นว่าเราไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง 555 แต่ขณะเดียวกัน เราก็รู้สึกว่า ทำไมกูกากจังวะ เลยบอกหัวบ้านไปว่า เรายังไม่เป็นมืออาชีพพอ
วงการนี้มันน่ากลัวจริงๆ พอเกิดมีหมอดูคนไหนขยันขึ้นมาก็จะเป็นที่จับตามองของคนในวงการ (แอป) นั้น
เรารู้ว่าวงการนี้การแข่งขันมันสูง และเศรษฐกิจไม่ดี คนก็เครียดกันเยอะ เราไม่โกรธหมอดูที่ทำของสักเท่าไหร่ แต่เสียใจมากกว่าที่เขามาทำอย่างนี้กับเรา เราเองก็แค่ทำเพื่อหาเงินช็อปปิ้งออนไลน์เฉยๆ ไม่ได้จะทำเป็นอาชีพจริงจังอะไร มีบ้างที่เกิดโลภขึ้นมา แต่ว่าความขี้เกียจมันมีมากกว่า > <
จากการที่ได้ประจักษ์ด้วยตนเองแล้ว ว่าไสยศาสตร์มีจริง และในเรื่องความรักเอง ก็ค้นพบในช่วงนั้นพอดีว่า คู่กรรม หรือ คู่อริ ก็มีจริง การเวียนว่ายตายเกิดก็มีจริง (ต่อยอดมาจากการได้เจอคู่กรรมคู่อรินี่แหละ)
(ไม่คิดเลยว่า) สิ่งที่หลายๆ คนคิดว่างมงายนี้แหละ จะทำให้เราเข้าสู่เส้นทางสายพระพุทธศาสนา ยิ่งเราได้เรียนโหราศาสตร์กับอาจารย์ที่สอนโหราศาสตร์วิถีพุทธ ที่มีความเชื่อว่ากรรมเก่าเป็นตัวกำหนดพื้นดวงแล้ว เรายิ่งยอมรับโดยสนิทใจว่าเราสามารถเชื่อในศาสนาพุทธได้จริงๆ
คุณคิดว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปไหม สำหรับเรา ทุกอย่างมันไม่มีคำว่าบังเอิญหรอก ทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว แล้วกรรมใหม่ของแต่ละคนมาจากไหนกันล่ะ???
กรรมใหม่ของมนุษย์ทุกคนเกิดขึ้นจากดวงจร ซึ่งก็คือการเคลื่อนที่ของดวงดาวในแต่ละหน่วยของเวลาที่ผ่านไปนั่นเอง มันจะมีช่วงที่แต่ละคนเป็นกันบ่อยๆ คืออาการลังเลชั่วอึดใจ แล้วลงท้ายด้วยการทำตามเหตุผลหรือสมองของตนเอง เราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรคือทางเลือกที่ถูกต้อง แต่ว่าในปัจจุบันเราก็พอใจกับชีวิตตนเองอยู่พอสมควร
สำหรับการทำบุญทำทานของเรา ก็ไม่ได้สวดมนต์ หรือทำสมาธิจริงจังสักเท่าไหร่ ตักบาตรก็น้อยครั้งมากๆ ถึงแม้จะเข้ามาเป็นชาวพุทธแล้ว ก็อาศัยการอนุโมทนากับคนอื่นเอา ส่วนสิ่งที่ฝึกอยู่เป็นประจำคือการภาวนา ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน เพราะการมีสติเป็นสิ่งสำคัญที่สุดแล้วในการเป็นมนุษย์ ถ้าฝึกสติได้มากพอ เราเชื่อว่า สิ่งนี้จะทำให้เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต และเข้าใจตนเองได้เป็นอย่างดี ไม่หลงเวียนว่ายไปกับท่วงทำนองของโลกแห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
สาธุ สาธุ สาธุ 🙏🙏🙏

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา