Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Yaowaret Techa (Cat 😊)
•
ติดตาม
30 มี.ค. เวลา 10:33 • หนังสือ
เปลี่ยนวันธรรมดา เป็นวันพิเศษ
หนังสือ เปลี่ยนวันธรรมดา เป็นวันพิเศษ
เขียนโดย PomThePanda
สำนักพิมพ์ ปราชญ์
ในวันธรรมดาของทุกๆวันนั้น เราสามารถเปลี่ยนบรรยากาศให้กลายเป็นวันที่พิเศษได้ด้วยแนวคิดของเราเอง ซึ่งอาจจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นในทุกๆด้านก็ได้
หนังสือเล่มนี้ได้ยกตัวอย่างแนวทางที่จะเปลี่ยนวันธรรมดาที่มีมากมาย ให้กลายเป็นวันพิเศษได้ ลองอ่านกันดูค่ะ
• ปิดหูฟัง เพื่อเปิดหูฟัง
ไม่ผิดที่เราอาจจะอยากฟังเสียงเพลงที่ช่วยให้เราสร้างโลกส่วนตัวขึ้นมาในเวลาที่เราอยู่ในที่ส่วนรวม คงเป็นธรรมชาติของมนุษย์เราที่อยากได้ยินแค่เสียงที่เราอยากได้ฟัง
เพลงเพราะๆของนักร้องที่เราชอบ เพลงผ่อนคลายความรู้สึกและความเครียดจากสิ่งที่เราเจอมาอยู่ทั้งวัน เพลงช่วยให้อารมณ์และความรู้สึกของเราดีขึ้น
แต่อยากให้ลองถอดหูฟังที่ปิดกั้นเสียงธรรมชาติที่เราควรได้ยินดู สิ่งที่เราควรได้ยินได้ฟัง มันยังมีอะไรมากกว่าเสียงเพลงในหูฟังที่เราได้ยิน ลองเปิดหูให้ตัวเองได้ยินเสียงในชีวิตจริงดูบ้าง
• ใช้ลายมือให้มากกว่าใช้อีเมล
เพราะไม่ว่าการส่งข้อความรูปแบบทันสมัยแค่ไหน ก็ใส่ความรู้สึกไม่ได้เท่าลายมือของเรานั่นเอง
• กาแฟ แปรเปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้
ลดการเอาคาเฟอีนเข้าร่างกาย และมารับวิตามินจากน้ำผลไม้ดูบ้างดีกว่า ความสดชื่นจากน้ำผลไม้ก็ช่วยให้เราหายง่วงได้พอๆกับการดื่มกาแฟ น้ำผลไม้มีมากมายหลายรสชาติ ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศและสร้างความรู้สึกใหม่ๆให้กับเราได้เสมอ
• งดแชทจากหน้าจอ แต่เดินไปคุยกันแบบเจอหน้าจริง
ลองคิดดูว่า ถ้าวันๆเราเห็นแต่ตัวหนังสือที่พิมพ์มากับหน้าตาตัว Emotion ยิ้มๆแค่นั้น มันคงไม่กินใจเท่าเขาคนนั้นมายืนยิ้มให้เราต่อหน้าแน่นอน
• สรรหาเมนูใหม่ๆให้ตัวเอง
อย่าให้อาการครีเอทีฟทางการสั่งอาหารที่ตีบตัน มาจำกัดความอร่อยที่ปากและท้อง การได้กินอะไรที่แปลกๆ ใหม่ๆดูบ้าง ก็สร้างความหรรษาให้กับชีวิตจิตใจได้มากพอสมควร
• วันนี้ฉันขอ Offline
ลองมาใช้ชีวิตในโลกจริงๆดูบ้าง ใช้เวลากับสิ่งรอบตัวมากกว่าสิ่งที่อยู่หน้าจอ มาผ่อนคลายชีวิตกับอะไรที่จับต้องได้มากขึ้น แล้วจะเห็นว่าวันนั้นพิเศษขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ
• เดินทางแบบใหม่ สัปดาห์ละหนึ่งวัน
เราอาจเห็นอะไรดีๆ ตามข้างทางที่เปลี่ยนไปจากเดิม
• อ่านหนังสือแนวที่ไม่เคยแตะ
เปลี่ยนแนวการอ่านหนังสือของตัวเองดูบ้าง เพื่อเปิดโลกกว้างให้สายตาและสมองของเรา หาความรู้ด้านใหม่ๆ ที่เราเองอาจไม่เคยคิดมาก่อนว่ามีเรื่องแบบนี้อยู่บนโลกอีกด้วย การอ่านช่วยเพิ่มพูนความรู้ให้สมอง และทำให้การมองโลกของเราเปลี่ยนไปได้มากทีเดียว
• ดูทีวีให้น้อยลง พักสายตาให้มากขึ้น
เราสามารถเปลี่ยนวันธรรมดาของเราที่คอยแต่นั่งเฝ้าหน้าทีวี มาทำอะไรดีๆให้ตัวเองได้อีกมาก
• ใช้ปากกาช่วยจด ดีกว่าใช้โปรแกรมช่วยจำ
หันมาจับปากกาจดบนกระดาษดูบ้างก็ได้ความรู้สึกในการช่วยจำไปอีกแบบ แม้จะสะดวกน้อยกว่า แต่การเขียนด้วยลายมือ น่าจะช่วยให้เราจดจำได้มากกว่า
• ส่งโปสต์การ์ดไปให้คนที่แอบปลื้ม แต่ไม่ต้องลงชื่อ
ลองหาโปสต์การ์ดสวยๆที่สื่อความหมายได้ดี ส่งไปให้กับคนที่เรารู้สึกดีด้วย ลองทำอะไรแบบไม่ประสงค์ออกนามบ้างก็น่าสนุก หาความสนุกสนานในวันที่ยังมีโอกาส ไม่ต้องทำให้เป็นหน้าที่ แค่วันไหนรู้สึกดีและอยากทำก็จัดไปเลย
• เข้าครัวทำอาหาร แทนการสั่งร้านประจำ
มาเปลี่ยนพฤติกรรมการนำอาหารเข้าปากแบบสำเร็จรูป มาเป็นการทำอาหารกินด้วยตนเองบ้างดีกว่า คิดหาเมนูที่ทำได้ไม่ยาก และพอประมาณกับฝีมือของเราเอง อิ่มอร่อยได้ง่ายและภูมิใจได้ด้วย
• มีเป้าหมายเล็กน้อยในแต่ละวัน และทำมันเป็นจริงได้ทุกวัน
• ไม่รู้เรื่องคนอื่นดูบ้าง ก็ไม่ทำให้เราฉลาดน้อยลง
หลายเรื่องเป็นเรื่องที่อยู่ในโหมด "ไม่ต้องรู้ก็ได้" ฉะนั้นถ้าไม่สนใจก็ไม่ทำให้อะไรแย่ลง แล้วมาใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้เต็มที่ ดีกว่าที่จะต้องไปฟังเรื่องไม่เป็นเรื่องของคนอื่นอยู่เรื่อยไป ล้างหูให้ได้รับรู้แต่เรื่องดีๆมีสาระ
• ดูการ์ตูนตอนเช้าในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
ยังจำความรู้สึกของการรอคอยวันเสาร์-อาทิตย์มาถึงในช่วงที่เราเป็นเด็กได้หรือเปล่า เรามักจะรอให้ถึงวันหยุดเร็วๆ เพื่อจะได้ตื่นมาดูการ์ตูนเรื่องโปรดในตอนเช้า แต่ความพิเศษเช่นนี้ค่อยๆจางหายไปตามวัย เวลา และหน้าที่ในชีวิตที่เปลี่ยนไปตามธรรมชาติ แต่เราสามารถทำให้มันกลับมาพิเศษได้ เก็บความเป็นเด็กเอาไว้ในหัวใจเสมอ เพราะความเป็นเด็กนั้นสามารถทำให้เราสดใส มองเห็นอะไรน่าตื่นเต้น และดูพิเศษไปซะทุกอย่าง
• สร้างความสนุกสนานกับการแต่งตัวในทุกวัน
• เดินรอบๆในบริเวณที่อยู่อาศัย รับรองว่ามันต้องมีอะไรดีซ่อนอยู่
ยังมีอะไรอีกมากมายรอให้เราได้ค้นเจอ ตามตรอก ซอก ซอย เล็กๆ น้อยๆ อาจจะมีร้านอาหารน่าอร่อย ร้านหนังสือน่าอ่าน ร้านกาแฟน่านั่งอยู่แถวๆบ้านมาตั้งนานแล้ว อาจพบสวนสาธารณะดีๆ บรรยากาศสบายๆ รอให้เราไปพักผ่อนในวันหยุด อย่าปล่อยให้สถานที่ ที่เราเห็นว่าธรรมดาและอยู่ใกล้ตากลายเป็นสถานที่ไกลตัวเลย บางสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมากเกินไป เราอาจจะมองไม่เห็นคุณค่า แต่ถ้าลองถอยออกมาและสำรวจมันอย่างถ้วนถี่ เราจะเห็นอะไรดีๆจากมันได้ไม่ยากเลย
• ให้เวลากับคนอื่นมามากแล้ว หันมาให้เวลากับตัวเองบ้าง
• แปรงฟันไปพร้อมกับเสียงเพลง
เพราะเสียงเพลงช่วยสร้างอารมณ์และความรู้สึกให้กับจิตใจได้อย่างประหลาด แค่เพียงลองเพิ่มอะไรเล็กๆน้อยๆให้กับกิจวัตรประจำวันของเราดูบ้าง ทุกวันธรรมดาของเราก็กลายเป็นวันพิเศษได้
• มีสมุดไว้จดความฝัน
บางทีความฝันก็เป็นลางบอกเหตุ เป็นเรื่องราวที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของเราแบบที่เราเองก็ไม่รู้ตัว การได้จดความฝันไว้อ่าน ก็เหมือนเราได้เห็นความคิดของเราในยามหลับ บางทีจิตใต้สำนึกของเรา ก็บอกอะไรเราได้หลายอย่างเหมือนกัน เพียงแต่ว่าแอบมาบอกตอนที่เรามีสติน้อยๆนั่นเอง อาจมีหลายเรื่องที่น่าจะเป็นไอเดียดีๆ ที่ช่วยให้เราเอามาใช้ในตอนตื่นได้เหมือนกัน
สมุดจดความฝันนี้ไม่จำเป็นที่ต้องจดจำเฉพาะสิ่งที่เราเจอในตอนหลับตา แต่สามารถเอามาจดสิ่งที่เราอยากให้มันเป็นจริงด้วย ไม่ว่าฝันนั้นของเราจะเป็นอะไร เราอยากมี อยากได้ อยากเป็นสิ่งไหน ลองจดเอาไว้เพื่อเป็นกำลังใจให้เราเอง ให้มีแรงทำให้ฝันนั้นเป็นจริงขึ้นมา ความฝันอาจจะสวยงาม แต่มันจะสวยงามมากขึ้นกว่าเดิมถ้าเราสัมผัสมันได้ในชีวิตจริง
• กินข้าวให้อร่อย ไม่ใช่แค่กินให้อิ่ม
เปลี่ยนการกินให้อิ่ม เป็นการกินให้อร่อยกันตั้งแต่มื้อนี้ เพราะการกินอาหารดีๆ เป็นที่มาของสุขภาพจิตที่ดี และความรู้สึกพิเศษในแต่ละวัน
• ดูหนังกับตัวเองบ้างสักวัน
• ทักทายด้วยคำพูด แทนการทักทายด้วยสายตา
ถ้าอยากได้เพื่อนใหม่ๆ บางครั้งเราสามารถสร้างได้ด้วยประโยคทักทายไม่กี่คำ แค่นี้จากคนที่เคยยิ้มให้กันในวันธรรมดา ก็เปลี่ยนมาเป็นคนที่พูดจาทักทายกันได้แบบพิเศษขึ้นกว่าเดิมแล้ว
• ตั้งคำถามในเรื่องที่เคยสงสัยใกล้ๆตัว และลองหาคำตอบดู
ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดูเล็กน้อยจนไร้สาระ แต่ถ้าเราอยากรู้ขึ้นมาเมื่อไหร่ นั่นก็ย่อมเป็นเรื่องที่มีความหมายแน่นอน ฝึกสมองให้ได้เรียนรู้ อย่าปล่อยให้แต่ละวันผ่านไปโดยที่เราไม่รู้อะไรใหม่ๆในชีวิตเลย ถ้าไม่อยากให้หนึ่งวันผ่านไปอย่างธรรมดา มองดูรอบตัวแล้วหาคำตอบกันดีกว่า ว่าวันนี้เราอยากรู้เรื่องอะไรเป็นพิเศษ
• ส่งของให้คนที่แอบชอบแบบไม่ต้องลงชื่อ
ของเล็กๆน้อยๆไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ผู้ให้ย่อมดีใจแน่นอนอยู่แล้ว ให้เพราะอยากให้ ให้เพราะความปรารถนาดี ไม่ว่าจะเป็นอะไร ผู้รับย่อมรู้สึกได้อยู่แล้ว อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่ามีคนแอบปลื้ม ไม่จำเป็นต้องรอเทศกาลไหน วันธรรมดาปกติเราก็สร้างความพิเศษให้ได้
• หาคำคมประจำวันให้ตัวเอง
ลองหาประโยคดีๆที่เราอาจจะไม่จำเป็นต้องเอามาจากใครที่ไหน แต่ลองสร้างได้ด้วยตัวเองขึ้นมาสักประโยค อาจจะเป็นแค่ประโยคง่ายๆคำสั้นๆที่เราฟังแล้วรู้สึกดีกับตัวเองแค่นั้นก็พอแล้ว เช่นถ้าวันนี้เราต้องเจอกับเรื่องหนักๆที่รออยู่ เช่น การพรีเซ้นท์งานสุดหิน การสอบสุดโหด เราอาจจะมีคำคมเตือนตัวเองไว้ให้ฮึกเหิมสั้นๆง่ายๆอย่าง "เอาวะ!!" แค่นี้เราก็ให้กำลังใจให้ตัวเองในวันธรรมดาๆได้แล้ว
บางคำพูดดีๆเราอาจจะได้ยินได้ฟังมาโดยบังเอิญ หรือเราอาจจะคิดได้เองตอนเผลอๆ อย่าลืม อย่าปล่อยให้มันหายไปกับกาลเวลา แต่เก็บๆจดๆเอาไว้ เผื่อเอาไว้ให้กำลังใจตัวเองในวันที่เราเหนื่อยๆท้อๆบ้างก็ดี
• รับลมธรรมชาติ แทนลมจากเครื่องปรับอากาศ
• วันนี้แต่งตัวแบบไหน ถ่ายรูปเอาไว้ดูสิ
ลองมาถ่ายรูปการแต่งตัวของตัวเองในแต่ละวันดู แล้วรวบรวมเอาไว้เป็นคอลเลคชั่น เก็บสะสมกัน วันละนิดวันละหน่อย หลายๆวันก็กลายเป็นอัลบั้ม
สนุกสนานกับการถ่ายรูปและการแต่งตัวในแต่ละวัน ถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่นขำๆ เราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวเองทั้งด้านหน้าตา ความอ้วน ผอม รูปร่าง ทรงผม การแต่งตัว รวมไปถึงสภาพจิตใจของเราในช่วงนั้นๆด้วย
การแต่งตัวเป็นอีกหนึ่งการแสดงออกของภาวะทางจิตใจที่ซ่อนอยู่ได้ ช่วงไหนที่พิถีพิถันในการแต่งตัวมากกว่าปกติ เป็นไปได้ว่าช่วงนั้นเราคงกำลังมีอะไรพิเศษในใจ หรือถ้าช่วงไหนๆแต่งตัวง่ายๆออกแนวคว้าอะไรได้ก็ใส่ๆไปเถอะ ช่วงนั้นเราอาจจะยุ่งมากจนไม่มีเวลามาทำสวยหล่อก็เป็นได้ การแต่งตัวบ่งบอกได้ถึงอะไรหลายๆอย่างมากกว่าแค่การเอาเสื้อผ้ามาใส่บนร่างกาย แต่การแต่งตัวยังเป็นอีกหนึ่งการบันทึกความทรงจำผ่านทางเสื้อผ้าได้เหมือนกัน
• สังเกตพฤติกรรมคนรอบตัวที่เราเคยมองข้ามไป
สังเกตคนอื่น เพื่อให้เราย้อนมาสังเกตตัวเองได้ด้วยเหมือนกัน
• ลองของใหม่ๆ ในร้านสะดวกซื้อวันละหนึ่งอย่าง
• หาข้อมูลจากห้องสมุดแทนอินเทอร์เน็ตดูบ้าง
หลายสิ่งหลายอย่างที่บันทึกอยู่ในหนังสือไม่ได้ถูกแปลงสภาพมาบันทึกเป็นข้อมูลดิจิทัลอยู่ในคลังข้อมูลออนไลน์ หลายเรื่องราว หนังสือหลายเล่มที่เป็นประวัติศาสตร์ยังคงถูกบันทึกอยู่ในแผ่นกระดาษที่ผ่านกาลเวลามาแสนนาน รอคอยให้เราไปค้นเจอและเปิดอ่านมันอีกครั้ง
อ่านข้อมูลดีๆผ่านตัวหนังสือบนหน้ากระดาษให้มากกว่าตัวหนังสือบนหน้าจอ ความรู้ที่ได้อาจจะไม่ต่างกันแต่ความรู้สึกในการได้รับข้อมูลนั้นเทียบกันไม่ได้เลย
•ใช้การจับสลากช่วยตัดสินใจในวันที่ลังเล
อยากจะบอกว่าวิธีจับสลากนี้ใช้ได้ทุกเรื่อง เช่นวันหยุดนี้จะไปไหนดี กินข้าว ดูหนัง เดินเล่น นอนกลิ้งอยู่บ้าน หรือจะดูหนังเรื่องอะไรดี กินข้าวร้านไหน ซื้อหนังสือเล่มไหน ได้หมดทุกเรื่อง แล้วแต่เราจะเลือกใช้ตามสะดวกใจ แต่ถ้าเรื่องความรักนี่ ขอเอาไว้ คงใช้การจับสลากเลือกเอาไม่ได้
• เที่ยวกลางวัน ในเวลากลางคืน
การสลับเวลาแม้จะอยู่ในสถานที่เดิม แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือความรู้สึกพิเศษ เหมือนเราได้มองเห็นอีกมุมหนึ่งในสิ่งเดิม ในสถานที่เดิม แต่ต่างกันแค่เวลาที่เราใช้ร่วมกับสิ่งนั้น เพราะทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกที่จะมองหาและมองให้เห็นมันหรือเปล่า เราอาจจะคุ้นชินกับด้านที่เราเห็นในทุกวัน จนเราลืมไปว่ายังมีอีกด้านที่รอให้เราไปค้นหาอยู่
สลับความเคยชินเรื่องเวลาให้เราได้เห็นอะไรที่มากกว่า แม้ว่าจะเป็นสิ่งเดิมๆที่ดูธรรมดา ไม่ว่าจะเลือกไปที่ไหน อาจจะสลับกลางคืนเป็นกลางวันบ้างก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกในชีวิต แต่ต้องอยู่ในพื้นฐานของความปลอดภัยและไม่น่ากลัวด้วย ระวังความปลอดภัยกันนิดนึง
• ก่อนนอนวันนี้ คิดถึงเรื่องดีๆสักเรื่องดีกว่า
• ใช้ปากกาสีแปลก เพิ่มความสดใสให้กับหน้ากระดาษ
เพราะสีสันช่วยสร้างความหรรษาให้กับสายตาและความรู้สึกได้เสมอ ยิ่งถ้าเป็นการอ่านหนังสือสอบ หรือเป็นเนื้อหาอะไรที่เราต้องจดจำเป็นพิเศษ การใช้สีสันในการบันทึกเป็นอีกตัวช่วยที่ทำให้เราจดจำได้ดีกว่าเดิมด้วย เรื่องนี้จริงจัง มีการวิจัยกันมาแล้วว่าสีช่วยในการจดจำได้ดีขึ้นจริงๆ
• ไปเดินห้างโดยพกเงินแค่ 100 เดียวดูสักครั้ง
การพกเงินแบบจำกัดนี้เป็นการท้าทายตัวเองอยู่เหมือนกัน ทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่ๆในการเดินห้างด้วยการซื้อให้น้อยที่สุด หากเราใช้เงินแบบคิดไม่มากเป็นเวลานาน จนหาต้นเหตุของอาการเงินหมดก่อนกำหนดไม่เจอ นี่อาจเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราหายจากอาการนั้นได้บ้างก็ได้
พกเงินน้อยก็ใช้น้อย และคิดไตร่ตรองมากขึ้น รู้จักยับยั้งชั่งใจมากขึ้น
ถือว่าเป็นวันพิเศษที่เราชนะใจตัวเองได้แล้ว แล้วเราจะได้รู้ว่าสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้อาจจะพอดี และเพียงพอแล้วกับความต้องการ และการใช้ชีวิตที่เป็นอยู่ของเรา
• คุยกับผู้คนในอาชีพหลากหลายที่เราพบเจอได้ในแต่ละวันดูบ้าง
เป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆให้กับชีวิตของเรา แต่ละอาชีพก็มีหน้าที่แตกต่างกันไปตามแต่ละสายงาน แต่ทุกอาชีพก็ล้วนมีความสำคัญ และมีเกียรติมีศักดิ์ศรีในตัวเอง เปิดหู เปิดตา เปิดใจ แล้วเปิดโอกาสให้เราได้ทำความรู้จักกับคนอาชีพใหม่ๆในสังคมดูบ้าง เพราะแต่ละอาชีพมีความน่าสนใจและเป็นหนึ่งในกลไกที่ช่วยให้สังคมของเราขับเคลื่อนไปอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
บางอาชีพไม่มีเขาเราก็ลำบาก หลายอาชีพไม่มีเรา เขาก็ลำบากเช่นกัน คิดถึงใจเขาใจเราแล้วจะรู้ว่าทุกอาชีพทุกคนมีหน้าที่ และความน่าสนใจแตกต่างกันไป เราอาจจะได้แง่คิดดีๆ ลักษณะการใช้ชีวิต ที่เราอาจคิดไม่ถึง หรืออาจจะได้อะไรบางอย่างมาช่วยให้เราเปลี่ยนมุมมองของบางอาชีพที่มีอยู่ในใจเราให้เปลี่ยนไปจากเดิมก็ได้
• พูดเพราะทุกถ้อยคำ ไม่ว่าจะคุยกับใครก็ตาม
คำพูดเพราะๆ ของเราทำให้คนฟังรู้สึกดี และคนพูดเองก็รู้สึกพิเศษไปด้วยไม่แพ้กัน
• ออกกำลังกายได้ด้วย Youtube
• สร้างเทศกาลต่างๆให้ตัวเองกันดีกว่า
ไม่ต้องรอให้ถึงโอกาสตามเวลาปกติ แต่เราสามารถสร้างเทศกาลแห่งความสุขสุดพิเศษให้ตัวเองได้เรื่อยๆ แล้วแต่ความต้องการทางจิตใจและแล้วแต่สิ่งรอบตัวทั่วไปจะอำนวย เราทำให้ทุกวันเป็นวันพิเศษได้เสมอ เปลี่ยนไปได้ตามใจต้องการ ไม่มีใครมาห้าม ไม่มีใครมาค้าน เพราะนี่คือเทศกาลของเรา เช่นถ้าเราเป็นคนรักการดูหนัง ก็จัดเทศกาลหนังขึ้นมาเองที่บ้าน ถ้าเราเป็นคนชอบกินเค้กก็จัดเทศกาลขนมเค้ก ถ้าอยากสนุกมากกว่าเดิมจะหาเพื่อนๆมาร่วมแจมในเทศกาลของเราด้วยก็ไม่ว่ากัน
• ปิดสวิตช์แสงไฟนีออน แล้วนอนอ่านหนังสือกับแสงเทียน
แสงจากเทียนให้ความสว่างได้เหมือนกัน อาจไม่มากเท่าแสงไฟนีออนในห้อง แต่ให้เปอร์เซ็นต์ในด้านความรู้สึกได้สูงกว่าหลายเท่านัก หากอยากเพิ่มความหอมก็ลองใช้เทียนที่มีกลิ่นต่างๆดูก็ได้ มีหลายกลิ่นให้เลือกตามความชอบ หลายกลิ่นก็ช่วยอโรม่าให้เราผ่อนคลายสบายใจได้อีกด้วย
แม้เทียนจะให้แสงสว่างได้ไม่มากและไม่นาน แต่ระยะเวลาที่เทียนส่องแสงนั้น มันมีความรู้สึกพิเศษซ่อนอยู่ แบบที่หาไม่ได้จากแสงไฟนีออนแน่นอน
• ทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้คนอื่นได้ชื่นใจ
เรื่องเล็กน้อยในสายตาคนหนึ่ง อาจเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และมีค่าในสายตาอีกคนก็ได้ สร้างความรู้สึกดีๆเล็กๆน้อยๆด้วยความปรารถนาดีจากใจ เชื่อได้ว่าผู้รับต้องรู้สึกดีได้เช่นกัน วันละนิดวันละหน่อยจะช่วยสร้างนิสัยและน้ำใจดี เล็กๆน้อยๆให้เกิดขึ้นในตัวเราได้เอง ทำดีต่อกันไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่กลับกลายเป็นการช่วยสร้างความพิเศษในมิตรภาพระหว่างกันได้ง่ายๆเลย
• ซื้อขนมเกินไว้หนึ่งชิ้น
เราลองมาซื้อขนมเกินเอาไว้บ้างสักวัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องซื้อให้ใครโดยเฉพาะ แค่ซื้อเกินกว่าจำนวนปกติไว้ 1 ชิ้น แล้วติดกระเป๋าไว้ เผื่อเจอใครที่เราอยากให้ระหว่างทาง
แค่พกเกินเอาไว้กว่าปกติสักชิ้นเท่านั้น ถึงบางทีเราไม่ได้ให้ใคร เราไว้กินเองก็ไม่เป็นไร เผื่อวันไหนหิวเกินขอบเขต เราก็ยังมีขนมไว้กินให้ได้อิ่มเหมือนกัน อันนี้ก็มีความสุขกับตัวเองได้ดีทีเดียว อย่างไรซะ เกินเอาไว้ดีกว่าขาด ถือคตินี้อยู่เสมอ
• ยิ้มให้ตัวเองหน้ากระจกทุกวัน
การยิ้มช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ ไม่ว่าตอนนั้นทุกอย่างจะเลวร้ายแค่ไหน ไม่ว่าลึกๆแล้วในใจกำลังร้องไห้ แต่รอยยิ้มที่เกิดขึ้นนั้น ก็สามารถช่วยให้ทุกอย่างคลี่คลายได้ในทางที่ดี ถึงจะไม่ทันที แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความหมาย
ยิ้มให้ตัวเองบ่อยๆ วันไหนลืมไปบ้างก็ไม่เป็นไร ถ้านึกขึ้นได้ก็อย่าลืมทำ ถึงวันนั้นจะไม่มีใครยิ้มให้เราสักคน เรายังมีตัวเองที่มีรอยยิ้มรอคอยให้อยู่เสมอ
ยิ้มเข้าไว้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ยิ้มเข้าไว้ไม่ว่าจะเจอเรื่องราวร้ายหรือดี แค่เรายิ้มกับตัวเองได้ ก็เท่ากับว่าเราพร้อมที่จะสู้และเป็นกำลังใจให้ตัวเอง
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นให้รอยยิ้มช่วยสร้างความรู้สึกพิเศษให้เราได้ในทุกวันของชีวิต แล้วเราจะรู้สึกได้ว่าอย่างน้อยความพิเศษเล็กๆน้อยๆในชีวิตก็เกิดมาจากตัวเองได้เช่นกัน
อ่านจบแล้วหวังว่าหลายคนคงได้แนวทางที่จะช่วยสร้างวันธรรมดาๆให้พิเศษขึ้นมาได้ไม่มากก็น้อยเลยนะคะ บางคนอาจมีแนวทางอื่นๆเป็นของตนเองก็ได้ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับวันธรรมดาที่แสนพิเศษค่ะ
เรื่องเล่า
หนังสือ
พัฒนาตัวเอง
2 บันทึก
1
1
2
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย