30 มี.ค. เวลา 14:02 • เกม

จักรวาลวิทยาเกมส์ God of War

บทนำ
ปี 2025 คือปีที่แฟรนไชส์เกม God of War อยู่คู่กับเรามาเป็นเวลา 20 ปี นับตั้งแต่วันวางจำหน่ายวันที่ 22 มีนาคม 2005 ซึ่งนับทุกภาคมีทั้งหมด 10 ภาค(รวมภาคมือถือและภาคบน Facebook)​ เกมพาผู้เล่นไปตะลุยดินแดนกรีกทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่ตกนรก ไปโลกแห่งความตาย ไปใต้แกนโลก อยู่บนโลก หรือพาขึ้นภูเขาโอลิมปัส เรียกได้ว่าดินแดนกรีกเล่นจนพรุนหมดไส้หมดพุง หลังจากนั้นก็พาพวกเราย้ายมาที่ตำนานฝั่งสแกนดิเนเวียที่มีเหล่าทวยเทพนอร์สปรปักษ์ดินแดนนอร์ดิก พาเยี่ยมชมอาณาจักรทั้ง 9 และปิดตำนานนี้ลงด้วยกันเพียง 2 ภาคเท่านั้น
แม้ทุกอย่างจะจบลงอย่างสวยงาม แต่เชื่อว่าผู้เล่นหลายคนยังมีความสงสัยว่า โลกของ God of War เป็นอย่างไรกันแน่ เมื่อ Kratos ทำลายล้างโลกไปในภาค 3 และทำไมถึงยังมีโลกนอร์สอยู่ได้ โลกทั้งสองใบเชื่อมกันหรือไม่และอย่างไร และ Kratos เดินทางมายังดินแดนแห่งนี้ได้อย่างไร บทความนี้อาจทั้งชวนคลี่คลายปมคำถามข้างต้น แต่ขณะเดียวกันอาจสร้างข้อโต้แย้งได้ด้วย ฉะนั้น วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจจักรวาลวิทยาของเกมนี้ไปพร้อม ๆ กัน
ก่อนเข้าเนื้อหา ผู้เขียนจะระบุคำเพื่อสร้างความเข้าใจในความหมายร่วมกัน เช่นคำด้านล่างเหล่านี้
จักรวาลที่แท้จริง หมายถึงจักรวาลแกนกลางที่มีกายภาพ (Cosmo-Body)​ ยิ่งใหญ่และเป็นอนันต์
ดินแดน/ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ กินความหมายทั้งสถานที่และผู้คน เช่น Kratos ไม่ใช่คนจากดินแดนนี้ แต่เป็นเทพจากดินแดนอื่น
โลก หมายถึงโลกที่มีเทพเจ้าปรปักษ์ดินแดนอยู่ เช่น โลกของเทพเจ้ากรีด โลกของเทพเจ้านอร์ส เป็นต้น
อาณาจักร/จักรวาล คำนี้มีความหมายคล้ายคลึงกับคำว่าโลกต่างตรงที่ คำนี้ครอบคลุมทั่วทั้งจักรวาลซึ่งมี กาลเวลา เทศะ ดวงดาว ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ระบบนิเวศ สิ่งมีชีวิต และเทพเจ้า อยู่ภายในนี้อย่างเป็นเอกเทศจากจักรวาลอื่น
อาณาจักรทั้ง 9 ของนอร์ส หมายถึงอาณาจักรที่มีอยู่ในโลกของเทพเจ้านอร์ส
อาณาจักรระหว่างอาณาจักร(RbRs) หมายถึงมิติที่ว่างเปล่า​แต่สูงกว่าอาณาจักรทั้ง 9 เป็นมิติที่อยู่นอกเหนืออาณาจักรเหล่านั้น และเป็นมิติทางกายในต้นไม้แห่งโลก เป็นที่ที่ต้นไม้แห่งโลกงอกกิ่งก้านหรือรากฐานไปยังอาณาจักรต่าง ๆ ทั้ง 9
ต้นไม้แห่งโลก หมายถึงต้นไม้ที่เชื่อมโยงกันทางกายภาพและวิญญาณของอาณาจักรทั้ง 9 เอาไว้ และอาจจะเชื่อมโยงไปยังวิหารเทพเจ้าแห่งอื่นโดยการใช้หินแห่งความเป็นเอกภพ
วิหารเทพ หมายถึงถิ่นแดนที่นับถือบูชาตำนานเทพเจ้าต่าง ๆ และทรงอำนาจภายในวิหารของพวกเขา เช่น วิหารเทพกรีก วิหารเทพนอร์ส คำนี้คล้ายกับคำว่าโลกเช่นกัน แต่ถูกใช้ในลักษณะของความเชื่อและศรัทธาในเทพเจ้าตามวิหารต่าง ๆ
จักรวาล "ที่แท้จริง"
"ทั้งหมดแหละครับ
พวกเขาทั้งหมดแกะสลักประวัติศาสตร์ของพวกเขาเอง เมื่อเราพูดถึงเกี่ยวกับ "จักรวาล" -​ ในความคิดของผม -​ มันหมายถึงจักรวาลที่เหล่าทวยเทพมีอำนาจครอบคลุมเหนือมัน
จักรวาล "ที่แท้จริง" ที่ใหญ่กว่านั้นยังไม่ถูกสำรวจ..."
.
ทวิตตอบกลับสั้น ๆ แต่ครอบคลุมจักรวาลของคุณ Cory Bar​long ผู้กำกับเกม God of War 1, 2, และภาค 2018 เป็นข้อมูลชั้นดีที่กล่าวว่าจักรวาลที่แท้จริง(ชื่อเรียกไม่ทางการที่ผู้กำกับกล่าวซึ่งเราจะขออ้างอิงคำนี้ตลอดทั้งบทความ)​ของ GoW ยังไม่ถูกสำรวจอย่างดีนัก อาจเป็นส่วนที่ผู้เล่นไม่เคยเข้าไปสัมผัสมันเลยก็ได้ แม้ผู้เล่นจะรู้จักและเข้าไปในโลกกรีกหรือโลกนอร์สแล้วก็ตาม แต่มันเป็นเพียงส่วนของจักรวาลที่แท้จริงยิ่งใหญ่กว่านั้น ทว่า มันเป็นอย่างไรกัน?
แผนภูมิแห่งสัจจะจักรวาล(?)
เราทำแผนภูมิขึ้นมาโดยอิงจากจิตรกรรมฝาผนังในเกม GoW 2018[๑] กับคำพูดของผู้กำกับ[๒]​ จากแผนภูมินี้แสดงจักรวาลที่แท้จริงว่าไม่ไร้รูปร่าง (Shapeless)​ แต่เป็นทรงกลม และไม่ว่างเปล่า/โปร่งแสง เป็นจักรวาลที่มีกายา (Cosmo-Body) ซึ่งก็คือผืนน้ำที่สามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัส
เนื่องจากการเกิดขึ้นและการขยายของอาณาจักร/จักรวาลเทพ​ มหาสมุทรจำต้องแผ่ขยายกว้างไกลถึงโลกเทพต่าง ๆ ซึ่งอยู่ต่างดินแดน/ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์เองด้วยเช่นกัน​ จึงหมายความว่าเส้นเขตแดนที่เป็นอาณาจักร/จักรวาลของเทพจะอยู่ห่างออกจากกัน โดยทะเลของจักรวาลแม่ทำหน้าที่เสมือนเส้นเขตแดนขนาดใหญ่กั้นระหว่างอาณาจักร/จักรวาลเทพไว้
เราอธิบายได้ดีถ้าบอกว่าจักรวาลที่แท้จริงก็เหมือนกับโลกของเรา ดินแดนก็คล้ายกับทวีป และในทวีปก็ประกอบไปด้วยประเทศที่มีความเชื่อทางศาสนาต่างกัน ทันทีที่เราย่างเท้าเข้าไปในประเทศนั้น ๆ ก็พบกับความเชื่อจำเพาะและทวยเทพที่มีอำนาจเหนือประเทศ(อาณาจักร/จักรวาล)​ของเขา เช่นกัน เมื่อเราถอยกลับมา ตัวเราควรจะยืนอยู่บนทวีปหรือกำลังออกจากประเทศ ซึ่งเทียบได้ว่ากลับมายืน ณ จักรวาลแท้จริงอีกครั้ง
ในเกมไม่มีภาพชัดเจนว่าจักรวาลที่แท้จริงเป็นอย่างไร จักรวาลที่แท้จริงมีเทพปกครองหรือไม่ แล้วถ้ามีเป็นเทพตามตำนานของอะไร หรือเทพที่นิยามใหม่หมดจดหรือเทพที่อยู่ในจักรวาลแท้จริงคือผู้พัฒนาเสียเอง และจักรวาลดังกล่าวเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และใครเป็นผู้สร้าง จักรวาลแท้จริงเต็มไปด้วยปริศนา เดี๋ยวเราจะอธิบายเรื่องนี้ในส่วนท้าย ก่อนอื่น มีสิ่งที่เทียบเคียงได้กับจักรวาลแท้จริง มันคือต้นไม้แห่งโลกของนอร์สและมิติในอาณาจักรระหว่างอาณาจักร ซึ่งเราควรทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้ด้วย
Yggdrasil & Realm between Realms
ต้นไม้แห่งโลก ตามระบบความเชื่อนอร์ส มันโยงใยถึงกันระหว่างอาณาจักรทั้ง 9 มันมีมาก่อนการกำเนิดจักรวาลนอร์สเสียอีกซึ่งเหมือนกับในเกม มันมีมิติกาล-เทศะของตัวเอง ต้นไม้โลกยังคงทำหน้าที่หล่อเลี้ยงอาณาจักรทั้ง 9 ไปในตัวด้วย ในทางกายภาพ ภายในต้นไม้โลกแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปไม่มีที่สิ้นสุด
ตามรูปในวิหาร Týr เทพสงครามและการเดินทาง ซึ่งในมือของเขาถือหินแห่งความเป็นเอกภาพ หากเขาใช้สิ่งนี้ เขาจะสามารถเยี่ยมชมวิหารเทพอื่น ๆ* ได้ตามที่ Mimir กล่าวไว้ เรื่องนี้บอกโดยนัยกับผู้เล่นว่า ภายในต้นไม้โลก มีมิติที่เรียกว่าอาณาจักรระหว่างอาณาจักร แม้กิ่งก้านมันทอดยาวกว้างไกลแค่ไหน อนุภาคของต้นไม้ก็ยังไปถึงเพียงอาณาจักรทั้ง 9 เท่านั้น แต่เมื่อใช้ร่วมกับหิน อาจนำพาผู้ใช้ไปสู่วิหารเทพอื่นได้(โลกอื่น ๆ ตามสัญญาลักษณ์เทพเจ้า)
เราควรต้องขอบคุณโลกของเทพเจ้านอร์สที่ดันมีเทคโนโลยีอะไรเช่นนี้ที่ดูเหมือนจะพาไปวิหารเทพต่าง ๆ ได้ ซึ่งในโลกเทพเจ้ากรีกไม่มีเทคโนโลยีอะไรแบบนี้ ขณะที่คำขอบคุณยังไม่ทันหาย ก็เกิดคำถามแทรกมาว่า ต้นไม้แห่งโลกเป็น 'ส่วน'​ ของจักรวาลแท้จริงหรือไม่? เพราะหากว่ากันตามเนื้อผ้า จักรวาลแท้จริงควรเป็นสิ่งที่สูงกว่ามิติอื่น ๆ และน่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อนทุก ๆ อาณาจักรของเทพ ต้นไม้โลกก็เกิดขึ้นก่อนอาณาจักรเทพนอร์สมีอยู่แถมยังมีมิติที่สูงกว่าด้วย ชวนให้คิดว่าสองสิ่งเป็นส่วนเดียวกันหรือไม่
เราอาจต้องวางความเกี่ยวข้องกันของทั้งสองลง เพราะลำพังมิติอาณาจักรระหว่างอาณาจักรในต้นไม้ แม้ดูเหมือนกิ่งของมันจะแผ่ไปไม่สิ้นสุดแต่ก็จำกัดเพียงแค่อาณาจักร 9 แห่งเท่านั้น มิไปถึงยังวิหารเทพอืน ๆ ได้ในทางกายภาพ ซึ่งก็หมายความว่ามันจะไม่อยู่ระนาบเดียวกันด้านกายภาพของจักรวาลแท้จริงนั่นเอง แต่ด้านของมิติ มีโอกาสหากขณะที่เราถือหินเอกภาพอาจไปโผล่วิหารเทพเจ้าอื่นได้
พูดให้เข้าใจง่าย อาณาจักรระหว่างอาณาจักรมีสถานะเป็นมิติมากกว่าเป็นพื้นที่แห่งกายภาพที่เชื่อมกับจักรวาลแท้จริง RbRs ทำหน้าที่เหมือนรู​หนอน ทั้งการไปมาระหว่างอาณาจักรทั้ง 9 และสามารถมุดรูหนอนข้ามวิหารเทพอืนได้
สองสิ่งนี้มีลักษณะประมาณนี้ จักรวาลแท้จริงสามารถเดินทางจากดินแดนหนึ่งไปอีกดินแดนหนึ่งเพื่อเข้าสู่จักรวาลของเทพผ่านทางกายภาพ(ทางเรือ)​เท่านั้น ไม่มี RbRs รูหนอน ฯลฯ ข้ามไปดินแดนอื่นได้ ส่วนต้นไม้โลก มีอยู่ในจักรวาลนอร์สเท่านั้น สามารถทะลุไปมาภายใน 9 อาณาจักร แต่หากใช้พร้อมกันหินแห่งเอกภาพจะร่นระยะทางข้ามไปอีกดินแดนหนึ่ง(เข้าสู่อีกจักรวาลเทพอื่น)​ผ่านมิติของ RbRs แต่ RbRs จะไม่สามารถเข้าถึง/มีอยู่/ปรากฏออกมา/เชื่อมกับจักรวาลแท้จริงเลย เพราะเป็นมิติที่อยู่ในต้นไม้เท่านั้น
เรื่องที่เราควรกลับมาคิดอีกหนซึ่งน่าปวดหัวยิ่งกว่าคือ จักรวาลแท้จริงเนี่ย มันเชื่อมโลกเทพต่าง ๆ ทางกายภาพแบบไหน แล้วจักรวาลแท้จริงมันเชื่อมส่วนไหนของโลก/อาณาจักรเทพเจ้าเหล่านี้ หมายถึงว่า ในโลกกรีกมีทั้งแผ่นดินที่เป็นเทือกเขาโอลิมปัส โลกมนุษย์ ยมโลก ท้องสมุทร และโลกแห่งความตาย และโลกนอร์สมีตั้ง 9 อาณาจักร ซึ่งจักรวาลแท้ ๆ มันเชื่อมโลก/อาณาจักรตรงส่วนไหนกัน?
จักรวาลที่เชื่อมถึงกัน
เราควรเข้าใจโครงสร้างโลกของกรีกก่อนเป็นอันดับแรก โลกของกรีก(หมายถึงจักรวาลโดยนัย)​มีลักษณะแบนราบ มีเทือกเขาโอลิมปัสเป็นจุดสูงสุดและมียมโลกอยู่ใต้ แต่ก็มีสิ่งที่เรียกว่าฐานของโลกที่ Atlas แบกโลกแบน ๆ นี้ไว้อยู่ใน Tartarus ให้อารมณ์เหมือนกับแผ่นดิสก์ที่วางซ่อน ๆ กันเป็นชั้น ๆ
ขณะโลกแห่งความตายมีสถานะกึ่งมิติทับซ่อนระหว่างโลกมนุษย์กับยมโลก ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงว่าโลกมนุษย์คือแผ่นดิสก์ชั้นบน โลกแห่งความตายคือกระดาษ A4 ที่กั้นกับยมโลกซึ่งคือแผ่นดิสก์ชั้นล่าง ส่วนข้างใต้แผ่นดิสก์คือฐานโลกหรือ Tartarus ที่เป็นดินแดนที่กักขังพวกเทพ Titan
ส่วนโลกของนอร์สมีอยู่ร่วมกันทั้ง 9 อาณาจักร มี Midgard อยู่ตรงกลางเป็นถิ่นฐานของมนุษย์ ลักษณะของมันเหมือนดินแดนที่แผ่ราบ มีมิติเฉพาะเจาะจงมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์และเวลาของตัวเองแยกจากอาณาจักรอื่น ๆ ให้เรานึกภาพว่าการอยู่ร่วมกันของอาณาจักรทั้งหลายก็เหมือนกันต้นไม้เลย
โครงสร้างของต้นไม้เริ่มต้นจากรากคือ Helheim อาณาจักร​หลังความตาย Niflheim​ อาณาจักรรกร้างที่ปกคลุมด้วยหมอกว่ากันว่าเป็นที่ที่ยัก Ymir ปรากฏตัวที่แรกหลังช่วงเวลา Ginnungagap เกิด Muspelheim อาณาจักรแห่งเปลวเพลิงไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากนักไฟ Surtr
กิ่งก้านของลำต้นส่วนล่าง Svartalfheim ก่อนเคยเป็นอาณาจักรของดาร์คเอลฟ์ต่อมาเป็นอาณาจักรของคนแคระด้วย Midgard อาณาจักรของมนุษย์ที่ Kratos และ Atreus อาศัยอยู่ด้วย ลำต้นส่วนบน Vanaheim อาณาจักรของเหล่าเทพ Vanir เป็นแหล่งของเวทมนตร์ทั้งหลายด้วย Alfheim อาณาจักรของไลท์เอลฟ์พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ Jotunheim อาณาจักรทีเต็มไปด้วยน้ำแข็งเป็นที่อยู่อาศัยของยักษ์ Jötnar บนยอดไม้ Asgard อาณาจักรเหล่าเทพ Aesir และนักรบหญิง Valkyries
แม้ไม่มีข้อมูลประจักษ์พอว่าจักรวาลแท้จริงเชื่อมกับโลก/อาณาจักรของเทพต่าง ๆ ส่วนใด จากสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้คือคำบอกเล่าในเกมกับเรื่องราวในนิยายที่บอกเราว่า Kratos เดินทางออกจากโลกกรีกผ่านทางเรือ[๓​]​ ก่อนที่เขาจะมาบรรจบลงที่โลกนอร์ส เขาไปเยือนโลกอียิปต์มาก่อนตามคอมมิค
ส่วนในนิยายจะเล่าว่า ขณะที่ Kratos หลับอยู่ เขาได้ฝันร้าย(หรือเป็นความทรงจำ?)ว่า เขาล่องเรือมาจนพบกับหมาป่าตัวใหญ่สามตัวซึ่งรุมกัดเขา โดยมี'สตรีลึกลับ'​บงการหมาพวกนี้ เขาสู้จนสุดตัวแต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้จนสลบไปและถูกหมาลากมาที่ Midgard อีกข้อมูลหนึ่ง ภาพฝาผนังในวิหารของ Týr แสดงให้เห็นว่า เขาเดินทางข้ามวิหารเทพอื่นโดยเรือเช่นกัน ฉะนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่า มหาสมุทรที่เชื่อมจักรวาลแท้จริงกับโลก​/อาณาจักรของเทพต่าง ๆ
หากมหาสมุทรของจักรวาลแท้จริงเชื่อมกับโลก/อาณาจักร น้ำทะเลควรต้องบรรจบที่โลก/อาณาจักรที่มีมนุษย์อยู่อาศัยหรือไม่? เราลองวิเคราะห์จากข้อมูลที่มี โดยเริ่มจากโลกกรีกตามด้วยอาณาจักร Midgard
Athens ในเกม เป็นทั้งเมืองหลวงและโลกของมนุษย์ในเวลาเดียวกัน หลังจาก GoW3 น้ำได้หนุนสูงเหนือ Athens เฉียดยอดเขา Olympus ตัว Kratos ออกจากโลกกรีกได้ก็โดยเรือ หลักฐานอีกชิ้นหนึ่งคือการรุกรานของชาวเปอร์เซีย**จากเกม GoW:CoO ที่กรีฑาทัพโดยเรือยกพลขึ้นบกที่ชายฝั่ง Attica รอบ Athens เลยมีความน่าจะเป็นว่า มหาสมุทรจากจักรวาลแท้จริงเชื่อม Athens อันเป็นศูนย์กลางของโลกมนุษย์ในเทพกรีก
ในส่วนที่ควรจะเชื่อมจักรวาลแท้จริงกับโลกนอร์สควรเป็น Midgard ตามที่คุณ Cory Bar​long ว่า อาณาจักรมนุษย์นี้ก็คือ Scandinavia​ นั่นเอง หากเราวิเคราะห์จากนิยายข้างต้นด้วยแล้ว การที่ Kratos โผล่ Midgard เป็นประสงค์ของสตรีลึกลับนางนี้ ซึ่งแฟน ๆ เกมคาดว่าเป็น Faye ภริยาในอนาคตของเขา
เรื่องสำคัญที่ต้องไม่ลืมว่าเธอมีญาณทิพย์เห็นอนาคต ในความเห็นของผู้เขียน เธออาจรับรู้ว่า สักวันจะมีเรือจากแดนไกลแล่นเข้าใกล้ Midgard และเขาคนนั้นจะนำความหวังมาสู่ดินแดนนี้ เธอจึงเลือกปักหลักรอเขาที่ Midgard หาใช่ปกปิดตัวตนจากเทพ Aesir เพียงประการเดียวไม่
มีข้อสังเกตอีกหนึ่งอย่างที่น่าจะสมเหตุสมผลหากว่า Midgard จะเป็นดินแดนที่เชื่อมกับมหาสมุทรจากจักรวาลแท้จริง นั่นเป็นเพราะวิหารของ Týr ประดิษฐานที่ Midgard ใจกลางทะเลสาบแห่งเก้า ซึ่งไม่ใช่เหตุผลเพียงว่าเป็นอาณาจักรที่อยู่ตรงกลางเท่านั้น แต่อาจเป็นเหตุผลของการเดินเรือไปยังดินแดนต่าง ๆ ของ Týr ด้วยก็เป็นได้
และภาพฝาผนังในวิหาร Týr[๔​]​ ก็ยังแสดงให้เห็นอีกว่า Týr น่าจะเยือนโลก/อาณาจักรที่เป็นของมนุษย์ สังเกตได้จากเครื่องแต่งกายของพวกเขาเสมือนกับชุดพื้นเมืองใส่กันทั่วไปในท้องถิ่น​ โดยสรุปแล้ว ทะเลอาจเป็นตัวเชื่อมดินแดนต่าง ๆ เข้ากับโลก/อาณาจักรของมนุษย์ในตำนานเหล่านั้น
สเกลอำนาจแห่งจักรวาล
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจพอทราบแล้วว่าจักรวาลของ God of War เป็นอย่างไร ส่วนนี้จะขยายความเข้าใจเกี่ยวกับอำนาจระดับจักรวาล พร้อมวิเคราะห์การเกิดขึ้นของตำนานเทพเจ้าต่าง ๆ ผู้เขียนจะไล่เลียงจากสูงสุดไปสู่ต่ำสุด ดังนี้
อำนาจระดับจักรวาลแท้จริง
จักรวาลแท้จริง
อาจเป็นจักรวาลแม่ของทุกจักรวาลของตำนานเทพเจ้าที่ดำรงอยู่ มีมหาสมุทรแพร่กว้างไปถึงดินแดนต่าง ๆ อันมีโลกของเทพตั้งอยู่มากมาย จักรวาลแท้จริงไม่รู้ว่าใครหรือสิ่งใดสร้าง แต่คาดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ทรงภูมิปัญญากว่าเทพเจ้าทุกองค์สร้างขึ้นมา หรือหากไม่เป็นเช่นนั้นก็อุบัติขึ้นมาตามธรรมชาติ
เทพี Athena แห่งกรีก(และเทพ Thoth แห่งอียิปต์?)
พวกเขาเป็นพลังงานที่เทียบเท่ากับจักรวาลแท้จริง โดยเฉพาะ Athena เธอสามารถเทเลพอร์ตไปยังนอร์ส​และอียิปต์ได้
หน้ากากกับรอยแยกแห่งการสร้างสรรค์​
สิ่งประดิษฐ์ลึกลับที่ไม่ได้มาจากตำนานนอร์สและก็ไม่รู้มาจากที่ใด แต่ใครก็ตามที่สวมใส่หน้ากากและมองที่รอยแยก จะเห็นถึงพลังแห่งการสร้างสรรค์​และเข้าถึงความรู้อันไร้ขีดจำกัด มีทฤษฎีจากช่อง The Midgard Chronicler คิดว่า สิ่งพวกนี้สามารถมองจักรวาลที่แท้จริงที่ถูกสร้างสรรค์โดยสิ่งภูมิปัญญากว่า Odin ก็เป็นได้​
วิเคราะห์อำนาจระดับจักรวาลแท้จริง โดยสามารถวิเคราะห์ได้สองแนวทาง
อันแรก
ตามทฤษฏีช่อง YouTube ชื่อ The Midgard Chronicler คิด จักรวาล​แท้จริงของเกมน่าจะถูกสร้างจากผู้สร้างที่นามว่า Demiurge​ Demiurge ในศาสนาโบราณจริง ๆ ของกรีก คือผู้สร้างจักรวาลทางวัตถุขึ้นมาให้ผู้คนอยู่อาศัย ขณะเดียวกัน ผู้สร้างก็สร้างสรรค์จักรวาลของตำนานเทพต่าง ๆ ขึ้นด้วย ทว่า จักรวาลทั้งหมดนี้เป็นของปลอมแถมยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งมนุษย์และรวมถึงเทพเจ้าติดอยู่ในจักรวาลของตนออกไปไม่ได้ ฉะนั้น Kratos ควรเป็นพระผู้ช่วยให้รอดแก่มวลมนุษย์ ปลดปล่อยพวกเขาให้พบจักรวาลที่เป็นของจริงผ่านความหวัง
อันที่สอง
ตามความคิดของผู้เขียน จักรวาลแท้จริงอุบัติขึ้นตามธรรมชาติ แต่โน๊ตไว้ว่า ธรรมชาติในที่นี้คือพระเจ้า กล่าวคือ เป็นพระเจ้าที่ไม่ใช่รูปแบบบุคคลหรือบางสิ่งทรงภูมิหรือจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นพระเจ้าในรูปแบบธรรมชาติซึ่งอยู่ในทุกสรรพสิ่ง ขณะเดียวกัน อาณาจักร/จักรวาลของเทพก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและขยายออกไปเรื่อย ๆ อย่างเป็นรูปธรรม(ในฐานะกายภาพจับต้องได้) เป็นเพราะจักรวาลแท้จริงเอื้อให้เกิดขึ้นโดยไม่ได้กำหนดให้เป็น
เหตุนี้ ชะตาของ Kratos ถูกกำหนดให้อาณาจักร/จักรวาลเทพทั้งหลายชะลอตัวและหดกลับคืนสู่กฎของธรรมชาติในทางนามธรรม(ในฐานะจิตวิญญาณความเชื่อความศรัทธา)​ หรือพูดอีกอย่างคือ ปลดปล่อยอาณาจักร/จักรวาลเหล่านี้ออกจากกฎของเทพเจ้านั่นเอง
อำนาจระดับอาณาจักร/จักรวาลของเทพ
อาณาจักร/จักรวาลของตำนานเทพ
ณ อาณาจักร/จักรวาลเทพต่าง ๆ มีกาลเวลา มีพื้นที่ มีดวงอาทิตย์ มีดวงจันทร์ มีเวทมนตร์ มีผู้คน มีสัตว์อสูร และมีอำนาจภายในขอบเขตของจักรวาลตัวเอง มีมหาเทพเป็นดั่งประมุข​ของจักรวาล
ภายในมิติอาณาจักรระหว่างอาณาจักรของต้นไม้แห่งโลก มีลักษณะเป็นสถานที่เชิงมิติ อำนาจถูกกำจัดด้วยกิ่งไม้ที่แตกออกเพียงแค่อาณาจักรทั้ง 9 เท่านั้น​
วิหารเทพกรีกหลัง GoW3 จักรวาลนี้คงอยู่ได้ด้วยตัวของมัน แม้แทบไม่เหลือเทพเจ้า​อยู่แล้วก็ตาม ไม่แน่ชัดว่าเหตุใดมันจึงยังคงอยู่ได้ แต่คาดว่า Kratos ได้ปลดปล่อยความหวังมาสู่ดินแดนนี้ ผู้คนเลยมีความหวังโดยที่ไม่บูชาเทพเจ้าอีก
เทพเจ้าตายแล้วไปไหน?
ถ้าจะว่า หากเราตายในโลกเทพกรีก เราจะตกนรกไปยมโลก หรือเลวร้ายกว่านั้น ดวงวิญญาณอาจถูกนำพายังโลกแห่งความตาย หากเราตายในโลกนอร์ส เราจะไปอยู่ที่ Helheim และหากเราตายเยี่ยงวีรชนเราจะไปที่ Valhalla ความตายทั้งหมดนี้ไม่ขึ้นกับความเชื่อในบุคคล แต่ขึ้นอยู่ว่าบุคคลประทับอยู่ตำนานใด แต่มีคำถามใหญ่ ๆ ว่า ทั้งเทพกรีกที่ถูกสังหารไปแล้วหลังโลกล่มสลาย และเทพนอร์สที่ตายไปใน Ragnarök พวกเขาไปที่ไหน? เทพี Athena หลังจากตายแล้วเธอไปไหนหรือเธอคืออะไร? แล้วถ้าเราตายลงในจักรวาลแท้จริงซึ่งไร้ตำนานใด ๆ เราจะลงเอยที่ไหน?
ในเกมไม่บอกอะไรมากนัก สิ่งที่บอกเป็นนัยคือ Odin หมกมุ่นกับการตายของเทพที่จะติดอยู่ระหว่างในโลกคนเป็นกับโลกคนตาย เพราะเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาจึงพยายามขวนขวายความรู้นั้นจากหน้าการแห่งการสร้างสรรค์ ซึ่งในตอนจบ Atreus ทำลายหน้ากากและกักวิญญาณเอาไว้ แต่สุดท้ายวิญญาณเขาก็ถูก Sindri ทำลายลง ทำให้ไม่มีวิญญาณไป Helheim หรือ Valhalla
Zeus ต่อสู้กับ Kratos และถูก Blade of Olympus เสียบทะลุร่าง แต่วิญญาณเขากลับลุกขึ้นมาอีกครั้งและส่งให้ Kratos จมอยู่ในวังวนความผิดบาปของตัวเอง ทว่า วิญญาณของ Pandora ก็ชี้ทางให้เขาและพบกับการให้อภัยความผิดบาปและปลดปล่อยความหวังออกมา เมื่อฟื้นคืนขึ้น เขาเข้าไปอัด Zeus จนความกลัวพวยพุ่งพร้อมกับร่างระเบิดออกมา
กษัตริย์แห่งทวยเทพทั้งสองสิ้นพระชนม์ชีพ เราได้เห็นถึง Concept เรื่องวิญญาณ มันคือการเปลี่ยนสถานะและเปลี่ยนภพภูมิ ตราบใดที่ยังคงมีวิญญานอยู่ ความตายก็เป็นแค่การเปลี่ยนผ่าน หากว่าวิญญาณได้ถูกทำลาย จะถือว่าขัดขบวนการการเปลี่ยนผ่านของตำนานเทพนั้น ๆ กล่าวคือ ไม่มีวิญญานไปอยู่ในภพใดได้อีก ฉะนั้น ความตายของเหล่าเทพกรีกและเทพบางองค์ของตำนานนอร์สจึงเป็นความตายโดยสมบูรณ์ เป็นความตายที่ถูกลบไปจากจักรวาล
ยกเว้นกรณีเทพี Athena ความตายของเธอเลื่อนขั้นสู่ภพภูมิที่สูงกว่า ช่วยให้เธอเข้าถึงพลังอย่างที่ไม่เคยมีในอาณาจักร/จักรวาลของเทพกรีก อาจเทียบได้กับพลังแห่งการสรรค์สร้างจักรวาลแท้จริงหรือนั่นแหละคือสิ่งที่เธอเป็นอยู่รึไม่ หากว่าใช่ เราควรนิยามเธอว่าได้บรรลุสู่การตรัสรู้ถึงพลังแท้จริงที่อยู่ในสรรพสิ่ง หรือพระเจ้าแท้จริงซึ่งคือธรรมชาติอย่างที่เราวิเคราะห์ข้างต้น
สุดท้าย ถ้าตาย ณ ท้องทะเลของจักรวาลแท้จริงจะเกิดภาวะสูญญากาศของกระบวนการหลังความตาย เหมือนข้างต้นของเทพที่ถูกทำลายดวงวิญญาณ มันหมายความว่า เมื่อตายจะไม่เกิดการเปลี่ยนผ่านใด ๆ วิญญาณไม่มีอยู่หรือว่างเปล่า กรณีนี้คล้ายกับการกระโดดออกจากมิติของ RbRs ถ้าเราไม่มีหินเอกภาพ มิติที่นอกเหนือนี้จะลบเราทั้งกายภาพและวิญญาณออกไปจากสารบบนั่นเอง
ในขณะที่เขียนเรื่องราวของจักรวาล GoW ก็พบว่าข้อมูลบางอย่างภายในเกมไม่ได้ปูเรื่องราวไว้เผื่อภาคต่อ มันจึงมีความขัดแย้งกันอยู่บางส่วน แต่การซอฟต์รีบูตเสมือนการตั้งไข่ให้เป็นมากกว่าแค่เกมภาคต่อ มันคือการลงหลักปักฐานในฐานะเป็นจักรวาลวิทยา แต่แม้ตอนนี้ ความลับใหญ่ ๆ ก็ยังคลุมเครือ ซึ่งรอวันเปิดเผยในภาคถัดไป
งานเขียนชิ้นนี้อาจถูกมองว่ามาเร็วก่อนเวลาอันควร สำหรับผู้เขียนมองว่า หากเรื่องราวที่สรุปรวมปริศนาทั้งหมดไว้แล้ว การเขียนเมื่อเวลานั้นคงหมดเสน่ห์ลงกว่าช่วงโอกาสนี้อักโข ผู้เขียนหวังว่างานชิ้นนี้จะให้ข้อมูล แนวคิด ข้อโต้แย้ง ทั้งในหลายช่วงเวลากับผู้รับสารทุกท่าน
อ้างอิงและเชิงอรรถ
*ชิ้นส่วนรูปฝาผนังที่ Týr ถือหินแห่งเอกภาพและวิหารเทพต่าง ๆ ในโถงทางเดินของห้องแห่งความลับของ Odin กับรูปฝาผนังที่ Týr เดินทางไปที่วิหารเทพกรีกด้วยเรือซึ่งอยู่ภายในวิหารของ Týr ชวนสับสนว่าตัวเขาจะเดินทางด้วยเรือไปเพื่ออะไรในเมื่อมีหินเอกภาพที่สามารถไปวิหารใดก็ได้ที่ง่ายกว่า ตรงจุดนี้ผู้เขียนตั้งสมมติฐานไว้ 2 ทฤษฎี
1. หินแห่งเอกภาพอาจเพียงแค่สามารให้ Týr มองเห็นวิหารเทพอื่น ๆ ได้จากในมิติอาณาจักรระหว่างอาณาจักร หรือยิ่งกว่านั้นเล็กน้อยอาจเป็นเหมือนเข็มทิศที่บอกว่าวิหารเทพอืน ๆ อยู่ที่ใด แต่หินมิได้พาเขาวาร์ปไปวิหารเหล่านั้น ซึ่งเขาก็ยังคงต้องเดินทางด้วยเรืออยู่ดี
2. เขาเคยไปวิหารเทพอื่น ๆ มาก่อนด้วยเรือและอาจสร้าง Mystic Gateway หรืออะไรทำนองนี้ทิ้งไว้ภายในวิหารเทพอื่นที่เขาเคยเยือนเพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้กับหิน ซึ่งหินแห่งเอกภาพยังคงทำหน้าที่พาเขาวาร์ปไปลงจอดที่ประตูมิติโดยตรง
**ชาวเปอร์เซียอาจไม่มี/ไม่ได้มาจากอาณาจักร/จักรวาลของพวกเขา แต่อาณาจักรเปอร์เซียเป็นส่วนหนึ่งของโลกกรีกก็เป็นได้ ถึงกระนั้น มีข้อสังเกตจากคำพูดของกษัตริย์เปอร์เซียที่ว่า เขาจะนำศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการล้างบาปมาแก่ชาวสปาร์ตัน เป็นการอ้างถึงศาสนาโซโรอัสเตอร์ ซึ่งก็มีเทพเจ้าของพวกเขาเช่นกัน หมายความว่าพวกเขามีวิหารเทพที่มาจากอาณาจักร/จักรวาลเป็นของตัวเอง ในบทความของผู้เขียนเลยขอสรุปเป็นว่า ชาวเปอร์เซียมาจากโลกเปอร์เชียเสียมากกว่า
อ้างอิง
DGA GAMING
The Cosmology of God of War
The Midgard Chronicler
How Do God of War Mythologies Co-Exist?
เชิงอรรถ
[๑]​
ภาพฝาผนังปริศนา​จากเกม God of War 2018
[๒​]​
Cory Bar​long กล่าวทำนองว่า ตำนานเทพเจ้าต่าง ๆ ในเกมเหมือนกับกลุ่มของกาแล็คซี่ที่แผ่กระจายออกไปทั่วจักรวาล มีต้นกำเนิดทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง แต่ทั้งหมดอยู่ร่วมในโลกใบเดียวกัน คำกล่าวนี้พูดซ้ำหลายงานเกมและบทสัมภาษณ์สื่อเกมต่าง ๆ อย่าง GDC 2019, BGS 2019, IGN โดยช่อง DGA GAMING ได้คำพูดของเขาไว้ สามารถรับชมได้จากลิงค์อ้างอิงด้านบน
[๓​]​
ภาพบานพับในศาลเจ้าแห่งสุดท้ายของ Jötnar ที่ถูกวาดใหม่โดย Faye จากเกม God of War: Ragnarok
[๔​]
ภาพฝาผนังในวิหารของ Týr​ ที่ถูดวาดโดยคนแคระเพื่อเป็นเกียรติแด Týr จากเกม God of War 2018
กราฟิก: confleckz
เขียน: เบอร์ตองไรท์เตอร์
โฆษณา