30 มี.ค. เวลา 16:22 • ธุรกิจ

📍ปัญหาทางกฎหมายธุรกิจเพื่อผู้บริหาร EP 02

แนวทางการพิจารณาและปรับแก้ไขสัญญาจ้างทำของหรือสัญญาจ้างบริการเกี่ยวกับเงื่อนไขการบอกเลิกสัญญา
โดยทั่วไป ในสัญญาจ้างทำของหรือสัญญาจ้างบริการ (เช่น สัญญาจ้างทำของ สัญญาจ้างที่ปรึกษา สัญญาจ้างบริการออกแบบ ฯลฯ) มักปรากฏเงื่อนไขให้ผู้ว่าจ้าง (ผู้จ้าง) มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันทีเมื่อผู้รับจ้าง (ผู้ถูกจ้าง) กระทำผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ซึ่งการกำหนดเงื่อนไขในลักษณะ “บอกเลิกทันทีโดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้า” ย่อมทำให้ผู้รับจ้าง “เสียเปรียบ” อยู่บ้าง เนื่องจากเมื่อผู้จ้างประสงค์จะบอกเลิก ก็อาจกระทำได้เลยโดยไม่มีโอกาสให้ผู้รับจ้างได้แก้ไขหรือโต้แย้งข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม การจะตัดเงื่อนไขนี้ทิ้งไปทั้งหมดก็อาจไม่เหมาะสม เพราะในบางกรณีผู้จ้างต้องอาศัยหลักประกันหรือความอุ่นใจว่าหากผู้รับจ้างละเมิดสัญญาอย่างร้ายแรง ก็สามารถบอกเลิกได้ทันทีเพื่อปกป้องประโยชน์ของผู้จ้าง
ดังนั้น แนวทางที่ผู้รับจ้างอาจเสนอปรับแก้ข้อความหรือเพิ่มเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้สัญญามีความสมดุลและเป็นธรรมขึ้น (Fair Contract) มีได้หลายรูปแบบและหลายระดับความเข้มงวด ซึ่งอาจกล่าวโดยสรุปได้ ดังนี้
---
### 1. กำหนด “ระยะเวลาให้อีกฝ่ายแก้ไขข้อบกพร่อง” (Cure Period / Right to Remedy)
ให้จำแนกกรณีการผิดสัญญาเป็น 2 กลุ่ม หรือ 2 รูปแบบหลัก คือ
1. **การผิดสัญญาเล็กน้อยหรือไม่ร้ายแรง**
- ให้ผู้ว่าจ้างต้องมีหนังสือแจ้งเตือน (Notice) ให้ผู้รับจ้างแก้ไข (Remedy) ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม (เช่น 7 วัน / 15 วัน / 30 วัน เป็นต้น)
- หากผู้รับจ้างแก้ไขได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ผู้ว่าจ้างจะไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที แต่หากพ้นกำหนดแล้วยังไม่แก้ไขหรือแก้ไขไม่สำเร็จจึงจะมีสิทธิบอกเลิก
2. **การผิดสัญญาที่ร้ายแรง** (Material Breach หรือ Fundamental Breach)
- อาจระบุในสัญญาให้ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกได้ทันทีหากเป็นการผิดสัญญาอย่างร้ายแรง เช่น จงใจกระทำทุจริต กระทำความเสียหายต่อผู้ว่าจ้างอย่างรุนแรง เปิดเผยความลับทางการค้าสำคัญ หรือไม่สามารถปฏิบัติตามหน้าที่หลักในสัญญาจนก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง
- เนื่องจากกรณีเหล่านี้ถือว่าความเสียหายรุนแรงและไม่อาจเยียวยาได้ทันเวลา ผู้ว่าจ้างจึงควรมีสิทธิบอกเลิกทันทีเพื่อปกป้องประโยชน์ของตน
> **ข้อดี**
> - ทำให้ผู้รับจ้างมีโอกาสปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องก่อนสัญญาถูกเลิก
> - ผู้ว่าจ้างยังคงมีอำนาจบอกเลิกทันทีในกรณีร้ายแรงจริง ๆ
---
### 2. กำหนดเงื่อนไขหรือขั้นตอนการ “บอกเลิกสัญญา” ให้ชัดเจน
หากจะกำหนดสิทธิบอกเลิก “ทันที” โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ควรกำหนดขอบเขตสถานการณ์หรือเหตุอันสมควร เช่น
1. **ระบุประเภทการผิดสัญญาที่ชัดเจน**
- เช่น การไม่ชำระเงิน/ค่าบริการ/ค่าสินค้า การไม่ส่งมอบงานตามกำหนด การเปิดเผยข้อมูลอันเป็นความลับ การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ฯลฯ
- และระบุว่าหากเป็น “การกระทำที่ไม่สามารถเยียวยาได้ (Irreparable)” หรือ “ส่งผลเสียหายรุนแรงและทันที” จะมีสิทธิบอกเลิกได้ทันที
2. **ระบุวิธีแจ้งหรือ “หนังสือบอกเลิกสัญญา”**
- ให้มีขั้นตอนว่าเมื่อต้องการบอกเลิกต้องทำอย่างไร เช่น ต้องส่งเป็นเอกสารหนังสือบอกเลิกลงวันที่ชัดเจน ส่งด้วยไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ อีเมลอย่างเป็นทางการที่ระบุในสัญญา ฯลฯ เพื่อให้เป็นหลักฐานที่แน่ชัด
3. **ควรกำหนด “สาระสำคัญประกอบการบอกเลิกสัญญา”**
- ได้แก่ ระบุวันที่จะมีผลเป็นทางการของการเลิกสัญญา (Effective Date of Termination)
- รายละเอียดเหตุแห่งการผิดสัญญา
- บทสรุปการชำระเงิน ส่วนงานที่ทำไปแล้ว หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภาระผูกพันของทั้งสองฝ่ายหลังเลิกสัญญา
> **ข้อดี**
> - ป้องกันความสับสนหรือการฟ้องร้องในภายหลัง ผู้ว่าจ้างก็จะไม่เสียเปรียบเพราะมีหลักฐานว่ามีการบอกเลิกอย่างถูกต้อง และผู้รับจ้างก็ไม่ถูกเอาเปรียบเกินไป
---
### 3. กำหนดการ “ชดเชย” หรือ “ค่าเสียหาย” และการเคลียร์บัญชีในกรณีบอกเลิก
เพื่อให้เป็นธรรมหากต้องมีการเลิกสัญญา อาจกำหนดเงื่อนไขการเคลียร์ค่าใช้จ่าย เช่น
- **หากผู้รับจ้างทำงานไปแล้วบางส่วน** ผู้ว่าจ้างต้องจ่ายค่าแรง/ค่าตอบแทนสำหรับงานส่วนนั้นตามความเป็นจริง
- **หากผู้รับจ้างเป็นฝ่ายผิดสัญญาอย่างร้ายแรง** ก็อาจกำหนดให้ผู้ว่าจ้างไม่ต้องชำระค่าจ้างเพิ่มเติม (หากงานนั้นเสียหาย หรือไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้) หรือให้ผู้รับจ้างต้องคืนเงินมัดจำ (ถ้ามี)
- **หากผู้ว่าจ้างเป็นฝ่ายบอกเลิกโดยไม่มีเหตุอันสมควร** (ไม่ได้เกิดจากความผิดของผู้รับจ้าง) อาจต้องมีการจ่ายค่าเสียหายหรือค่าชดเชยส่วนหนึ่ง เพื่อไม่ให้ฝ่ายผู้รับจ้างเสียเปรียบเกินไป
การกำหนดให้ชัดเจนเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าตอบแทน หรือค่าเสียหายเอาไว้ล่วงหน้า จะป้องกันข้อโต้แย้งและลดความเสี่ยงการฟ้องร้องในอนาคต ทั้งยังทำให้ทั้งสองฝ่ายรับรู้ถึงผลทางกฎหมายและเศรษฐกิจหากต้องเลิกสัญญา
---
### 4. รูปแบบการปรับแก้เงื่อนไขในสัญญาที่อาจเสนอได้ (ตัวอย่าง)
1. **ให้สิทธิบอกเลิกสัญญาทันที “เฉพาะกรณีผิดสัญญาร้ายแรงเท่านั้น”**
- กำหนดนิยาม “การผิดสัญญาร้ายแรง” ให้ชัดว่าเป็นอย่างไร
- กรณีทั่วไปที่ไม่ใช่ร้ายแรง ให้แจ้งเตือนเพื่อแก้ไขก่อน
2. **ให้มี “ระยะเวลาในการเยียวยา (Cure Period)”** สำหรับทุกกรณีผิดสัญญา ยกเว้นบางกรณี (อย่างร้ายแรงจริง ๆ)
- ต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมกำหนดเวลาที่แน่นอน ผู้รับจ้างมีสิทธิแก้ไข
- หากแก้ไขไม่สำเร็จภายในเวลาที่ตกลง ผู้จ้างเลิกสัญญาได้ทันที
3. **ให้มีการไกล่เกลี่ย/เจรจา** เป็นขั้นตอนก่อนการบอกเลิกในบางกรณี
- เหมาะกับงานที่มีความซับซ้อน หรือมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจระยะยาว ต้องการรักษาความร่วมมือ
- เมื่อเจรจาไม่สำเร็จหรือไม่มาเจรจา จึงจะบอกเลิก
4. **ใส่เงื่อนไขเรื่อง “การคืนเงินมัดจำ/ค่าใช้จ่าย” หรือ “ชดเชยความเสียหาย”** ให้ครอบคลุมทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
- เพื่อรักษาสิทธิของผู้จ้างและผู้รับจ้างให้เท่าเทียมกัน
---
### 5. สาระสำคัญที่ไม่ทำให้ผู้จ้างเสียเปรียบ
แม้จะปรับแก้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมขึ้น แต่ผู้จ้างก็ไม่ควรสูญเสียความคุ้มครองที่จำเป็น โดยการกำหนดสาระสำคัญ (Key Elements) เช่น
1. **ระบุชัดว่า หากผิดสัญญาร้ายแรง หรือเกิดความเสียหายที่ไม่อาจเยียวยา** (Irreparable Harm) ผู้จ้างมีสิทธิบอกเลิกทันที
2. **กำหนดให้ผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบค่าเสียหายกรณีทำให้เกิดความเสียหายต่อกิจการ/ชื่อเสียงของผู้จ้าง**
3. **ให้ผู้จ้างสามารถระงับการจ่ายเงินที่เหลือ หรือริบเงินมัดจำได้** (ถ้ามีเงื่อนไขสนับสนุนให้ทำได้ตามกฎหมาย) ในกรณีที่พบว่าผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานต่อได้จริงหรือทำความเสียหายร้ายแรง
4. **กำหนดวิธีการหรือขั้นตอนการรับส่งงาน/ข้อมูล/ทรัพย์สินคืน** เมื่อสัญญาสิ้นสุด เพื่อให้ผู้จ้างสามารถดำเนินงานต่อได้โดยไม่ชะงัก
เมื่อกำหนดเงื่อนไขเหล่านี้ในสัญญา ผู้จ้างจะยังคงมีสิทธิและเครื่องมือในการปกป้องผลประโยชน์ของตน ในขณะเดียวกันผู้รับจ้างก็ได้รับโอกาสแก้ไขข้อบกพร่อง และไม่ถูกบอกเลิกโดยไม่เป็นธรรม
---
### สรุป
- **การกำหนดสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที** เมื่อผู้รับจ้างผิดสัญญา อาจเป็นเงื่อนไขที่เข้มงวดและทำให้ผู้รับจ้างเสียเปรียบได้
- **รูปแบบการแก้ไข** ที่พบบ่อยคือการเพิ่มกลไก “แจ้งเตือนและให้โอกาสแก้ไข” (Cure Period) ก่อน การระบุการผิดสัญญาที่ “ร้ายแรง” ไว้ชัดเจนว่ากรณีใดจึงบอกเลิกทันทีได้ และการกำหนดขั้นตอน/เงื่อนไขการบอกเลิกเพื่อไม่ให้ขาดความชัดเจน
- **สาระสำคัญ** ควรพูดถึงขั้นตอนแจ้งเตือน วิธีส่งหนังสือบอกเลิก ระยะเวลามีผล สภาพลูกหนี้/เจ้าหนี้ภายหลังการเลิกสัญญา การส่งมอบงานหรือชดใช้ค่าเสียหาย ฯลฯ เพื่อคุ้มครองทั้งสองฝ่าย
โดยสรุปแล้ว การปรับแก้สัญญาเพียงเล็กน้อยเพื่อให้เกิดความสมดุลของสิทธิและหน้าที่ – กล่าวคือ ผู้ว่าจ้างยังคงอำนาจบอกเลิกได้หากเป็นกรณีร้ายแรง ขณะเดียวกันผู้รับจ้างมีโอกาสชี้แจงหรือเยียวยา – จะช่วยป้องกันข้อพิพาทและทำให้ทุกฝ่ายปฏิบัติงานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
> **หมายเหตุ:** ควรปรึกษาทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสัญญา เพื่อตรวจสอบถ้อยคำและเงื่อนไขให้ถูกต้องตามกฎหมายไทยและเหมาะสมกับบริบทของธุรกิจแต่ละประเภทก่อนลงนามสัญญาเสมอ
#การบอกเลิกสัญญา
#ตรวจสอบนิติกรรมสัญญา
#ค่าเสียหายอันเกิดจากการบอกเลิกสัญญา
#ระงับข้อพิพาททางคดี
#ปรึกษาทนายความคดีบอกเลิกสัญญา
#ทนายความธัชกรทองยศภูมิ
#thachakornlaw
โฆษณา