31 มี.ค. เวลา 13:00 • ธุรกิจ

เผย 5 เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโฉมการใช้ชีวิตในยุค Aging Society

สำรวจ 5 เทคโนโลยีสำคัญในยุค Aging Society ที่จะช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ SME ที่อยากเติบโตในตลาดนี้
➡️ Content Highlight
  • เทรนด์ Aging Society กำลังเป็นเทรนด์สำคัญของโลก โดยคาดว่าภายในปี 2050 ประชากรสูงวัย (อายุ 60 ปีขึ้นไป) จะมีจำนวนมากกว่าเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
  • 5 เทคโนโลยีสำคัญที่จะเปลี่ยนชีวิตผู้สูงอายุให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น ประกอบด้วย Smart Home และ IoT เพื่อความปลอดภัย, Wearable Health Tech สำหรับติดตามสุขภาพ, Telemedicine บริการแพทย์ทางไกล, Virtual Reality เพื่อการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ และ AI และ Big Data เพื่อวิเคราะห์และพัฒนาบริการเฉพาะบุคคล
  • โอกาสทางธุรกิจสำหรับ SME ในสังคมผู้สูงอายุ คือ การพัฒนานวัตกรรมและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนกลุ่มนี้ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต ความสะดวกสบาย และการดูแลสุขภาพอย่างครอบคลุม
โลกของเรากำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ ประชากรอายุยืนยาวขึ้น เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว และแนวโน้มที่สำคัญที่สุดที่เรากำลังเผชิญ คือ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือ Aging Society โดยรายงานของกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ระบุว่า ภายในปี 2050 จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประชากรสูงวัย (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มีจำนวนมากกว่าเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี
ทั้งนี้ ผู้สูงอายุยุคใหม่ไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มที่ต้องพึ่งพาผู้อื่นเหมือนในอดีต พวกเขาเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ต้องการชีวิตที่มีคุณภาพ และเปิดรับเทคโนโลยีมากกว่าที่คิด ดังนั้น SME ที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ได้จะมีโอกาสเติบโตอย่างมหาศาล และในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจ 5 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ รวมถึงเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ SME ที่ต้องการเติบโตในยุค Aging Society
กลุ่มผู้สูงอายุในยุค Aging Society
➡️ เทรนด์ Aging Society คืออะไร และทำไมธุรกิจต้องให้ความสำคัญ?
เทรนด์ Aging Society หรือ สังคมผู้สูงอายุ คือ สังคมที่มีสัดส่วนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 ระบุว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้กำหนดให้ประเทศที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 10% ของประชากรทั้งหมด หรือประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่า 7% ถือว่าเป็น Aging Society หากประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนมากกว่า 14% จะเรียกว่า Aged Society และหากมากกว่า 20% จะเข้าสู่ Super-Aged Society
แนวโน้มนี้เกิดขึ้นจากการพัฒนาทางการแพทย์ที่ทำให้อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น และอัตราการเกิดที่ลดลง ส่งผลให้โครงสร้างประชากรเปลี่ยนไปอย่างถาวร ปัจจุบันหลายประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป ญี่ปุ่น และไทย กำลังก้าวเข้าสู่ Aging Society อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งมีผลต่อทุกภาคส่วน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี
➡️ รวม 5 เทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในยุค Aging Society
1. Smart Home และ IoT เทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะเพื่อชีวิตที่สะดวกสบาย
Smart Home หรือบ้านอัจฉริยะ เป็นหนึ่งในเทรนด์ Aging Society ที่ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้น โดยจะทำงานภายใต้เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านผ่านสมาร์ตโฟนหรือเสียง เช่น
  • ระบบแสงไฟอัตโนมัติที่ปรับตามการเคลื่อนไหว
  • ระบบล็อกประตูที่สามารถปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือหรือคำสั่งเสียง
  • เซนเซอร์ตรวจจับการล้มที่สามารถแจ้งเตือนครอบครัวหรือหน่วยฉุกเฉินได้ทันที
ธุรกิจ Aging Society ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ Smart Home สามารถพัฒนาโซลูชันที่เหมาะสมกับสังคมผู้สูงอายุได้ ไม่ว่าจะเป็นบริการติดตั้งและดูแลระบบ หรือการพัฒนาแพลตฟอร์มที่รวมการควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ในที่เดียว
2. Wearable Health Tech อุปกรณ์สวมใส่เพื่อติดตามสุขภาพ
Wearable Health Tech หรืออุปกรณ์สวมใส่เพื่อติดตามสุขภาพ เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเทคโนโลยีนี้ครอบคลุมอุปกรณ์หลายประเภท เช่น
  • นาฬิกาอัจฉริยะ (Smart Watch) ที่สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดระดับออกซิเจนในเลือด และแจ้งเตือนเมื่อพบความผิดปกติ
  • เครื่องช่วยฟังอัจฉริยะที่ปรับระดับเสียงอัตโนมัติและตัดเสียงรบกวนได้
  • แว่นตาอัจฉริยะที่ช่วยขยายภาพหรือแสดงข้อมูลแบบ AR เพื่อช่วยในการมองเห็น
ธุรกิจ SME ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดนี้ สามารถปรับตัวตามเทรนด์ Aging Society ด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น และเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มสุขภาพต่าง ๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเองได้สะดวก
บริการแพทย์ทางไกล เป็นหนึ่งในธุรกิจ Aging Society ที่น่าจับตามอง
3. Telemedicine บริการแพทย์ทางไกลที่เข้าถึงง่ายขึ้น
Telemedicine หรือบริการแพทย์ทางไกล เป็นโซลูชันที่ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลให้เสียเวลา โดยบริการที่เกี่ยวข้องจะประกอบไปด้วย
  • ระบบวิดีโอคอลปรึกษาแพทย์
  • AI วิเคราะห์อาการเบื้องต้นและให้คำแนะนำด้านสุขภาพ
  • การจัดส่งยาถึงบ้านตามใบสั่งแพทย์
สำหรับธุรกิจด้านสุขภาพ สามารถพัฒนาแพลตฟอร์มที่ให้บริการแพทย์ออนไลน์ และขยายบริการให้ครอบคลุมการติดตามสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง
4. Virtual Reality (VR) เพื่อการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ
Virtual Reality (VR) หรือเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง กำลังถูกนำมาใช้ในยุค Aging Society เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งในด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ เช่น
  • โปรแกรมกายภาพบำบัดเสมือนจริง ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถทำกายภาพได้จากที่บ้าน โดยมีการออกแบบโปรแกรมที่กระตุ้นการเคลื่อนไหวและปรับปรุงสมรรถภาพร่างกาย เช่น การฝึกสมดุลและการเคลื่อนไหวในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการฝึกแบบดั้งเดิม
  • การใช้ VR เพื่อจำลองสถานที่ท่องเที่ยวให้ผู้สูงอายุที่เดินทางลำบากได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ เช่น การเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ หรือธรรมชาติในรูปแบบเสมือนจริง ซึ่งช่วยลดความเครียดได้
  • การนำมาใช้ใน Reminiscence Therapy เพื่อกระตุ้นความทรงจำของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมหรือภาวะซึมเศร้า โดยการจำลองเหตุการณ์ในอดีต เช่น การเยี่ยมชมสถานที่หรือช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิต ซึ่งช่วยปรับปรุงสุขภาพจิตและลดอาการซึมเศร้า
ทั้งนี้ ธุรกิจ Aging Society สามารถพัฒนาแพลตฟอร์ม VR ข้างต้นสำหรับการดูแลผู้สูงอายุ หรือให้บริการเช่าอุปกรณ์เพื่อใช้ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและสถานพยาบาลก็ได้เช่นกัน
5. AI และ Big Data เทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ
AI (Artificial Intelligence) และ Big Data เป็นเทคโนโลยีสำคัญในยุค Aging Society ที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มผู้สูงอายุได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถนำมาใช้ในหลายมิติ เพื่อสร้างสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ผู้สูงวัยโดยเฉพาะ เช่น
  • AI วิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพเพื่อแนะนำการดูแลที่เหมาะสม
  • ระบบแนะนำผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคล เช่น อาหารเสริม เวชภัณฑ์ หรือแพ็กเกจท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงวัย
  • การใช้ Big Data เพื่อพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุ
AI และ Big Data ไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจเข้าใจความต้องการของผู้สูงอายุได้ดีขึ้น แต่ยังสามารถสร้างสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์พวกเขาได้อย่างแม่นยำ การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้จะช่วยให้ธุรกิจ SME ได้เปรียบเชิงการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสเติบโตในตลาด Aging Society ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้สูงอายุในยุค Aging Society มีความพร้อมในการเรียนรู้วิธีใช้เทคโนโลยี
➡️ Case Study: กรณีศึกษาธุรกิจไทย Sooksabuy (Thailand) Co., Ltd. กับเทคโนโลยีที่ช่วยผู้สูงวัยเลือกที่อยู่อาศัยได้อย่างแม่นยำ
Sooksabuy (Thailand) Co., Ltd. เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาแพลตฟอร์ม AI อัจฉริยะ สำหรับช่วยผู้สูงอายุในการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และสุขภาพของตนเอง โดยแพลตฟอร์มนี้ทำหน้าที่เป็น “สถาปนิกเสมือนจริง” ที่สามารถประเมินปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
  • ความสะดวกในการเดินทาง
  • การเข้าถึงสถานพยาบาล
  • สิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรกับผู้สูงวัย
  • ระบบ Smart Home ที่รองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ
Sooksabuy ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ และสามารถให้คำแนะนำบ้านพักหรือคอนโดมิเนียมที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยแก้ปัญหาสำคัญของผู้สูงอายุที่ต้องการบ้านพักที่ตอบโจทย์ทั้งด้านฟังก์ชันและสุขภาพ ลดความยุ่งยากในการค้นหาและช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
ผู้สูงอายุในยุค Aging Society มีความคล่องแคล่วในการใช้อุปกรณ์ดิจิทัล
➡️ บทสรุปและแนวทางสู่ความสำเร็จ
การเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุคือเทรนด์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ไม่เพียงแต่สังคมและเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึงเทคโนโลยีและการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีอย่าง Smart Home, Wearable Health Tech, Telemedicine, Virtual Reality และ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ และเปิดโอกาสใหม่ ๆ
สำหรับธุรกิจ SME ที่ต้องการเติบโตในยุคนี้ แต่การนำเทคโนโลยีข้างต้นมาประยุกต์ใช้ให้ได้ผลดีนั้นจำเป็นต้องมีการวางแผนที่ดี และการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจถึงโอกาสและความท้าทายต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีข้างต้นมาประยุกต์ใช้ให้ได้ผลดีนั้น SME จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
  • การทำความเข้าใจตลาดผู้สูงวัย เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ เทคโนโลยีช่วยเหลือ หรือที่อยู่อาศัยที่ออกแบบเป็นพิเศษ
  • นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น ระบบสมาชิกออนไลน์ การให้คำปรึกษาผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล หรือระบบ AI เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงวัย
  • ปรับกลยุทธ์การตลาด โดยใช้ช่องทางที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น LINE, Facebook และการตลาดแบบปากต่อปาก
  • สร้างความร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงพยาบาล หน่วยงานรัฐ หรือองค์กรพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัย
  • ออกแบบธุรกิจให้ยั่งยืน คำนึงถึงแนวโน้มในอนาคต และสร้างธุรกิจที่สามารถเติบโตไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร
การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและตอบสนองต่อความต้องการของสังคมสูงวัยด้วยแนวทางข้างต้น จะช่วยให้ SME ไม่เพียงแต่แข่งขันได้เท่านั้น แต่ยังส่งผลให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในตลาดที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วอีกด้วย
หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการปรับตัวสำหรับผู้ประกอบการ SME เมื่อโลกเข้าสู่ยุค Aging Society สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความเรื่อง ผู้ประกอบการ SME ปรับตัวอย่างไร เมื่อโลกกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ สู่การพัฒนาสินค้าและบริการตอบโจทย์ตลาด
ข้อมูลอ้างอิง
  • Immersive virtual reality in the promotion of health and well-being for people in residential aged care without cognitive impairment: A scoping review. สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 จาก https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC11055491/.
โฆษณา