สุนัขทหารหุ่นยนต์ สามารถทดแทนสุนัขทหารที่มีชีวิตจริงๆได้หรือไม่?
มนุษย์วิวัฒนาการมาเพื่อการหากินในเวลากลางวัน ในทางกลับกัน บรรพบุรุษของสุนัขมักจะล่าเหยื่อในที่แสงน้อย มนุษย์กับสุนัขจึงใช้ความสามารถต่างสายพันธุ์ ต่างสปีชีส์เข้ามาเติมเต็มซึ่งกันและกัน ต่อจากนั้นมามนุษย์ยังคิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ อำนวยความสะดวก เพื่อให้ก้าวข้ามขีดความสามารถของสิ่งมีชีวิต
ปัจจุบันทั้งสหรัฐและจีนต่างคิดค้นพัฒนาหุ่นยนต์สุนัขอย่างต่อเนื่อง โดยสุนัขหุ่นยนต์สามารถปฏิบัติภารกิจที่เสี่ยงอันตรายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความสูญเสียทางกายภาพ (Resistance to Hazardous Environments), ทำงานได้ไม่ต้องพักเพราะไม่มีความเหนื่อยล้า (Durability and Endurance), ควบคุมระยะไกลได้ (Remote Control Capability), สามารถติดตั้งอาวุธเสริม, ตรวจจับวัตถุระเบิด, รายงานข้อมูลได้แบบเรียไทม์ ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีกัมมันตรังสี อุณภูมิติดลบ หรือสูงมากได้ดี
ภาพ : สุนัขหุ่นยนต์หน่วยสืบราชการลับกำลังลาดตระเวนบ้านพักของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ Mar-a-Lago ที่มา : รอยเตอร์: คาร์ลอส บาร์เรีย
สิ่งที่สุนัขหุ่นยนต์ปฏิบัติงานแทนสุนัขที่มีเลือดเนื้อไม่ได้คือ สุนัขทหารปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีความซับซ้อนกว่าได้ (Adaptability in Complex Situations), มีการพิสูจน์กลิ่นที่แม่นยำกว่า (Superior smell detection), การตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วโดยสัญชาตญาน (Instinctual awareness), การปฏิบัติการจิตวิทยาพิเศษ และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสุนัข (Emotional Bond with Handlers)
สุนัขทหารในฐานะมาสคอต (Mascot) ช่วยปลอบโยน และเรียกขวัญกำลังใจให้เหล่าทหารได้ กองทัพต่างประเทศยังเชื่อว่า "การใช้เวลาอยู่กับสุนัขทหารสามารถบรรเทาความเครียดของทหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
อนาคตสุนัขหุ่นยนต์อาจพัฒนาให้ทำงานแทนสุนัขทหารจริงในบางภารกิจ เพื่อลดความสูญเสียและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังไม่สามารถแทนที่สุนัขจริงได้ทั้งหมด
สุนัขสงครามได้ก้าวหน้ามาไกลตั้งแต่สมัยก่อน ไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนผ่าน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยี ไปอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือ “สุนัขทหารยังคงจงรักภักดีต่อกองทัพที่พวกเขารับใช้”
ภาพ : เจ้าหน้าที่ทหารกับสุนัขปฏิบัติงานในสถานการณ์ตกถล่มหลังเหตุแผ่นดินไหวที่กรุงเทพมหานคร ปี ค.ศ. 2025 ที่มา : จ่าเนส ComCam Wardog กรมการสัตว์ทหารบก
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
