เมื่อวาน เวลา 06:45 • ความคิดเห็น
เราคิดว่าเราเป็นคนดีคนหนึ่งในสังคม เรากล้าจะบอกว่าเราเป็นคนดี ด้วยเหตุผลหลายประการ
1. เราเคยเป็นคนไม่ดีมาก่อน เคยประพฤติไม่ดีมาก่อน ทำให้เราสามารถจะตระหนักได้ว่า สิ่งนั้นดี สิ่งนี้ไม่ดี อย่าทำอีกนะ! เราเคยแกล้งเพื่อนให้เพื่อนต้องอับอายจนร้องไห้ เราเคยขโมยเงินจากกระเป๋าสตางค์พ่อ เพื่อเอาไปซื้อน้ำแข็งไส เราไม่ได้คิดว่านั่นคือการขโมย เพราะเราตะโกนบอกอาปาแล้ว แต่อาปาไม่ได้ยิน แกก็ดุเรา และบอกว่าคือการขโมย อย่าทำอีก เราเคยเถียงแม่ และเคยตะคอกใส่แม่ แล้วแม่ก็จะตีเราด้วยไม้ขัดฝาหม้อ มันเจ็บมาก มันทำให้เรารู้ว่า อย่าทำให้แม่โกรธ เพราะจะเจอทั้งนรกในชาตินี้ และชาติหน้า
2. เราเคยคบซ้อน เพราะเราไม่กล้าบอกว่าแฟนว่า เราทนอุปนิสัยของเขาไม่ไหวแล้ว เราจึงเริ่มโกหก โกเจ็ด และโกแปด เพื่อให้ได้คบกับคนใหม่ เพราะคนใหม่เอาใจเก่ง หล่อและอบอุ่นและจ่ายไม่อั้น จนเมื่อเราถูกคนใหม่นอกใจ เราก็เลยตระหนักได้ว่า นี่คือผลกรรมตามสนองอย่างแน่นวล! เราเคยได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมปี 54 เพิ่งซื้อบ้านหลังใหม่ รถคันใหม่ เราว่ายน้ำไม่เป็น ต้องนั่งเรือไปดูบ้าน ไหนจะต้องรับผิดชอบลูกน้อง เราแอบมีน้ำตาไหลพรากๆ เราเคยนอนป่วยในบ้านคนเดียว นอนน้ำตาไหล ตระหนักได้ว่า บาปกรรมคงซัดซ้ำๆ ไม่หยุด..
3. จากนั้นเราก็หันมาศึกษาด้านประวัติศาสตร์ศาสนาฮินดู พุทธเถรวาท มหายาน และพระไตรปิฎก อย่างจริงจัง ถึงขั้นเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่พม่า ไปอินเดีย ทำให้เราได้รู้จักบุคคลที่พึงเอาเป็นแบบอย่างในวัตรปฏิบัติ ก่อนนอนทุกคืนจะเข้าห้องพระเราหมั่นอาราธนาศีล 5 สวดธรรมจักรฯ สวดกรณียเมตตสูตร สวดมนตร์เสียงดังให้พ่อแม่ฟัง (ผ่านโถใส่กระดูก) นั่งสมาธิสม่ำเสมอ เราไม่ทานแอลฯ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ขโมยทรัพย์สินใคร ไม่ฉกฉวยสามี หรือแม้แต่แฟนคนอื่น หมั่นละคลายจากการเข้าไปยึดไปข้องเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ
เรื่องบริจาคสาธารณะกุศลเราไม่เป็นสองรองใคร
ช่วยเหลือผู้ยากไร้ เด็กพิการ เด็กกำพร้า บ้านไฟไหม้
บริจาคทั้งไทยทั้งเทศ
ถ้ามั่นใจว่าเป็นคนดีก็กล้าประกาศกันไปเลย!
จะเหนียมกันไปทำไหมเล่า!
..................................
แต่ที่เรารู้แน่ๆก็คือ
คนดีจำเป็นต้องมีสติปัญญาประกอบอยู่เสมอ
ซึ่งคำว่าสติปัญญา จะมีความหมายมากกว่าแค่ความฉลาด
โฆษณา