เมื่อวาน เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“กอบศักดิ์” มอง สหรัฐฯ ขึ้นภาษี 2 เม.ย.นี้ คาดหวัง ไทย ได้รับผลกระทบน้อย

“กอบศักดิ์” มอง สหรัฐฯ ขึ้นภาษี 2 เม.ย.นี้ คาดหวัง ไทย ได้รับผลกระทบน้อย แนะ ! จับตาสถานการณ์ใกล้ชิด ชี้ ! ทองคำพุ่ง เหตุนักลงทุนกังวล สงครามการค้า
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐฯ เตรียมขึ้นกำแพงภาษี ในวันที่ 2 เมษายน 2568 นี้ โดยมองว่า หากประเทศไหนที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐ ก็มีความเสี่ยงที่สหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าสูงขึ้น โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียน เป็นภูมิภาคที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐสูง โดย ยุโรป ได้ดุลการค้าสหรัฐกว่า 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาเซียน ได้ดุลการค้าสหรัฐกว่า 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ซึ่งหากสหรัฐจะขึ้นภาษีประเทศที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐ ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ก็มองว่า สหรัฐจะขึ้นภาษีทุกภูมิภาคเท่ากัน ส่วนประเทศในอาเซียนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากขึ้นการขึ้นภาษีของสหรัฐ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย แต่ต้องติดตามความชัดเจนในรายละเอียดที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 เมษายนนี้
คาดว่า ไทย จะได้รับผลกระทบ แต่อาจจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าประเทศอื่น ซึ่งหากเทียบกับประเทศจีน ไทย ยังถือว่ามีความได้เปรียบ เพราะจีนถูกตั้งกำแพงภาษีจากสหรัฐมากกว่า
ดร. กอบศักดิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องการขึ้นภาษี สหรัฐ มีการจัดการ 3 ระดับ คือ
1. ระดับประเทศ เช่น เม็กซิโก แคนาดา และอียู
2. ระดับอุตสาหกรรม เช่น เหล็ก และยานยนต์
3. ระดับโรงงาน โดยเฉพาะจากจีนที่ย้ายฐานการผลิตมาที่อาเซียน
ซึ่งทั้งหมดจะนำไปสู่การตอบโต้ทางการค้าระหว่างประเทศ กรณีสหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กจากยุโรป จากนั้นยุโรปก็ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า Whisky จากสหรัฐ ดังนั้น ไทยต้องติดตามสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงต้องระมัดระวังผลกระทบทั้งจากทางตรงและทางอ้อมทางตรง โดยทางตรง คือ ผลกระทบจากการขึ้นภาษีต่อไทย ส่วนผลกระทบทางอ้อม ต้องจับตาการที่จีนส่งสินค้าไปยังสหรัฐไม่ได้ ทำให้สินค้าอาจไหลเข้ามาในอาเซียน โดยเฉพาะไทยเพิ่มขึ้น
ส่วนสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ถูกขึ้นภาษีไปก่อนหน้านี้ และมาตรการการขึ้นภาษีของสหรัฐที่จะเกิดขึ้น จะส่งผลต่อ GDP ไทยอย่างไรนั้น ดร. กอบศักดิ์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมหลักของไทย ที่ทำรายได้มากกว่า 300,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งสินค้าหลายอย่างไปที่สหรัฐ ดังนั้น ไทย ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากสหรัฐต้องการปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศเป็นหลัก รวมถึงต้องหาทางออก ด้วยการค้าขายกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน รวมถึงอินเดีย
นอกจากนี้ มาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐ ยังส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น ดร. กอบศักดิ์ มองว่า ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้น เพราะส่วนใหญ่คนกังวลเรื่องเงินดอลลาร์ และนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มหันไปลงทุนทองคำ มากกว่าธนบัตรดอลลาร์ เพราะกังวลความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความไม่แน่นอน ดังนั้น ขณะนี้จึงมีกระแสออกมาบอกว่าเริ่มขนทองคำกลับประเทศมากขึ้น หากเติมที่เมื่อก่อนคนจะเก็บทองคำไว้ที่สหรัฐมากกว่า
ส่วนกระแสเงินทุนเคลื่อนไหวมีความผันผวนมากน้อยแค่ไหน ดร. กอบศักดิ์ มองว่า ตอนนี้ตลาดทุนต้องทำใจ เนื่องจากตลาดต้องปรับตัว เพราะมีความไม่แน่นอนเชิงนโยบายสูง ดังนั้น แนะนำนักลงทุนให้ย้ายสินทรัพย์ไปในที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งรูปแบบนี้เป็นไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากนโยบายของทรัมป์มีความไม่แน่นอนและเพิ่งเริ่มต้น
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/economic/246004
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา