2 เม.ย. เวลา 00:46 • ครอบครัว & เด็ก

ออกจากความกลัว

มัทธิว 1:1-25 TH1971
[1] หนังสือลำดับพงศ์ของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด ผู้สืบตระกูลเนื่องมาจากอับราฮัม [2] อับราฮัมมีบุตรชื่ออิสอัค อิสอัคมีบุตรชื่อยาโคบ ยาโคบมีบุตรชื่อยูดาห์และพี่น้องของเขา [3] ยูดาห์มีบุตรชื่อเปเรศกับเศราห์เกิดจากนางทามาร์ เปเรศมีบุตรชื่อเฮสโรน เฮสโรนมีบุตรชื่อราม [4] รามมีบุตรชื่ออัมมีนาดับ อัมมีนาดับมีบุตรชื่อนาโชน นาโชนมีบุตรชื่อสัลโมน [5] สัลโมนมีบุตรชื่อโบอาสเกิดจากนางราหับ โบอาสมีบุตรชื่อโอเบดเกิดจากนางรูธ โอเบดมีบุตรชื่อเจสซี
[6] เจสซีมีบุตรชื่อดาวิดผู้เป็นกษัตริย์ ดาวิดมีบุตรชื่อซาโลมอนเกิดจากนางซึ่งแต่ก่อนเป็นภรรยาของอุรียาห์ [7] ซาโลมอนมีบุตรชื่อเรโหโบอัม เรโหโบอัมมีบุตรชื่ออาบียาห์ อาบียาห์มีบุตรชื่ออาสา [8] อาสามีบุตรชื่อเยโฮชาฟัท เยโฮชาฟัทมีบุตรชื่อโยรัม โยรัมมีบุตรชื่ออุสซียาห์ [9] อุสซียาห์มีบุตรชื่อโยธาม โยธามมีบุตรชื่ออาหัส อาหัสมีบุตรชื่อเฮเซคียาห์ [10] เฮเซคียาห์มีบุตรชื่อมนัสเสห์ มนัสเสห์มีบุตรชื่ออาโมน อาโมนมีบุตรชื่อโยสิยาห์
[11] โยสิยาห์มีบุตรชื่อเยโคนิยาห์กับพวกพี่น้องของท่าน เกิดเมื่อคราวต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยยังกรุงบาบิโลน [12] ครั้นต้องถูกกวาดไปยังกรุงบาบิโลนแล้ว เยโคนิยาห์ก็มีบุตรชื่อเชอัลทิเอล เชอัลทิเอลมีบุตรชื่อเศรุบบาเบล [13] เศรุบบาเบลมีบุตรชื่ออาบียุด อาบียุดมีบุตรชื่อเอลียาคิม เอลียาคิมมีบุตรชื่ออาซอร์ [14] อาซอร์มีบุตรชื่อศาโดก ศาโดกมีบุตรชื่ออาคิม อาคิมมีบุตรชื่อเอลีอูด [15] เอลีอูดมีบุตรชื่อเอเลอาซาร์ เอเลอาซาร์มีบุตรชื่อมัทธาน มัทธานมีบุตรชื่อยาโคบ
[16] ยาโคบมีบุตรชื่อโยเซฟ สามีของนางมารีย์ พระเยซูที่เรียกว่าพระคริสต์ก็ทรงบังเกิดมาจากนางมารีย์นี้
[17] ดังนั้นตั้งแต่อับราฮัมลงมาจนถึงดาวิดจึงเป็นสิบสี่ชั่วคน และนับตั้งแต่ดาวิดลงมา จนถึงต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยยังกรุงบาบิโลน เป็นเวลาสิบสี่ชั่วคน และนับตั้งแต่ต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยยังกรุงบาบิโลน จนถึงพระคริสต์เป็นสิบสี่ชั่วคน
[18] เรื่องพระกำเนิดของพระเยซูคริสต์เป็นดังนี้ คือมารีย์ผู้เป็นมารดาของพระเยซูนั้น เดิมโยเซฟได้สู่ขอหมั้นกันไว้แล้ว ก่อนที่จะได้อยู่กินด้วยกันก็ปรากฏว่า มารีย์มีครรภ์แล้วด้วยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ [19] แต่โยเซฟคู่หมั้นของเขาเป็นคนมีธัมมะ ไม่พอใจที่จะแพร่งพรายความเป็นไปของเธอ หมายจะถอนหมั้นเสียลับๆ
[20] แต่เมื่อโยเซฟยังคิดในเรื่องนี้อยู่ ก็มีทูตองค์หนึ่งของพระเป็นเจ้า มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันว่า <<โยเซฟบุตรดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของเจ้าเลย เพราะว่าผู้ซึ่งปฏิสนธิในครรภ์ของเธอเป็นโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ [21] เธอจะประสูติบุตรชาย แล้วเจ้าจงเรียกนามท่านว่า เยซู เพราะว่าท่านเป็นผู้ที่จะโปรดช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขา>>
[22] ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะของพระเป็นเจ้า ซึ่งตรัสไว้โดยผู้เผยพระวจนะว่า [23] ดูเถิด หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล (แปลว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเรา)
[24] ครั้นโยเซฟตื่นขึ้นก็กระทำตามคำซึ่งทูตของพระเจ้าสั่งนั้น คือได้รับมารีย์มาเป็นภรรยา [25] แต่มิได้สมสู่กับเธอจนประสูติบุตรชายแล้ว และโยเซฟเรียกนามของบุตรนั้นว่าเยซู
เพราะชีวิตเราไม่ได้ขึ้นกับตัวเองกำหนด จะอยู่หรือตายเป็นพระเจ้าผู้กำหนดครับ ความกลัวมาจากการที่ไม่เชื่อกับความจริงนี้จึงพยายามจะรับผิดชอบกับชีวิตตัวเอง ความกลัวก็จะไม่มีวันจบสิ้น อย่างการกลัวจะถูกคนอื่นหลอก ถ้าเชื่อความคิดนี้ก็จะเริ่มหาวิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้ตนนั้นถูกหลอกและนั่นคือถูกหลอกแล้ว ถูกหลอกว่าชีวิตขึ้นกับตัวเองกำหนดได้
แต่ถ้าเชื่อพระเจ้าเชื่อพระคัมภีร์ไบเบิ้ล มนุษย์เราตายไปแล้ว ร่างกายที่กำลังดำเนินให้เห็นอยู่ขณะนี้กำลังถูกควบคุมด้วยพระเจ้าหรือไม่ก็มารซาตาน กับคนของพระเจ้าก็จะติดตามคริสตจักรกับพระคำภีร์ไบเบิ้ล ส่วนคนบาปหรือคนที่ยังอยู่ใต้อำนาจของมารฯ ก็จะติดตามความคิดหรืออารมณ์ความรู้สึกของตนซึ่งกับผู้คอยควบคุมในจิตใจก็คือมารซาตานนี้ครับ
ดังนั้นกับชีวิตทุกเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้ตอบสนองตามอารมณ์ความรู้สึกตัวเองอีกต่อไป แต่ตามพระคำครับ ถ้าโยเซฟติดตามอารมณ์ความรู้สึกและสถานการของตนไปก็ได้แต่ฆ่ามารีย์ กับการพยายามจะเป็นคนดีของเขาเอง การพยายามจะจัดการชีวิตตามวิธีการของเขาไม่ได้ช่วยให้มารีย์รอดเลยแต่กำลังจะฆ่ามารีย์ เช่นเดียวกัน ผู้คนมากมายก็ยังไม่เคยได้รู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังฆ่าทำลายผู้คนกับการพยายามด้วยตัวเองมี่จะเป็นคนดี จะไม่ฆ่าทำร้ายใคร
เพราะมารซาตานผู้ควบคุมจิตใจมนุษย์เขาต้องการจะฆ่าทำลายผู้คนโดยใช้มือมนุษย์และมนุษย์เราก็ไม่มีกำลังความสามารถมากพอที่จะไปขัดขืนอะไร ก็ได้แต่ต้องจบลงที่ฆ่าทำลายกันอย่างที่เราเห็นในสังคมทุกวันนี้ครับ ไม่ว่าจะพยายามตั้งใจดีสักแค่ไหนก็ได้แต่จบลงที่ฆ่าทำลายซึ่งกันและกัน เพราะถูกมารซาตานควบคุมให้ไปทิศทางนั้น เหมือนเครี่องจักรที่ถูกวางโปรแกรมล้อคเอาไว้ มนุษย์หลุดพ้นออกมาเองไม่ได้ครับกับการฆ่าทำลายซึ่งกันและกัน
พระเจ้าจึงได้ส่งพระเยซูลงมายังโลกเพื่อช่วยมนุษย์เราครับ ผ่านทางคนของพระเจ้ากับพระคำความจริงก็สามารถช่วยให้ผู้คนสามารถหลุดพ้นออกจากการล่อลวงของมารซาตานได้อย่างที่โยเซฟได้รับจากทูตสวรรค์ของพระเจ้าตอนนี้ครับ
มารซาตานก็กำลังใช้จิตสำนึกดีชั่วล่อลวงผู้คน ทำให้ผู้คนเชื่อจิตสำนึกแทนเชื่อพระเจ้า หรือพระคำ หลายคนตอนอ่านพระคัมภีร์ฯ จึงเข้าใจผิดไปทั้งหมด เพราะเข้าใจตามจิตสำนึกตัวเองไม่ได้เข้าใจตามความจริงจากจิตใจของพระเจ้า
ตอนที่คนใหม่มาที่คริสตจักรใหม่ๆ หลายคนก็มาด้วยความระแวงกับคนของพระเจ้ากลัวจะถูกหลอก ในขณะที่ตนก็กำลังถูกมารซาตานหลอกอยู่แล้ว ถ้ายังเชื่อวางใจกันเองต่อไปก็เหมือนคนตาบอดจูงนำคนตาบอดก็ได้แต่ตกเหวตายไปด้วยกัน แต่ถ้าเชื่อพระคำก็จะย้ายมาเข้าข้างคริสตจักรก็จะสามารถรอดได้ครับ
กับสิ่งที่ผมได้คิดกับการแจ้งลำดับพงศ์พันธ์ของมนุษย์ไว้ล่วงหน้าในพระคัมภีร์ฯแบบนี้ ทำให้มนุษย์เราได้รู้ชัดเจนกับที่มาที่ไปของตน ตอนไปอ่านรายละเอียดก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นกับแผนการของพระเจ้าในการช่วยมนุษย์ให้ได้หลุดพ้นออกจากความบาปยังไง ได้เห็นถึงสิ่งที่พระเจ้าพึงพอใจจนต้องนำมาบันทึกไว้อย่างชื่อของผู้หญิงสี่คน เธอพิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่นยังไงพระเจ้าจึงต้องบันทึกชื่อของเธอลงในลำดับพงศ์พันธ์พระเยซู ซึ่งปกติจะบันทึกแต่เฉพาะผู้ชาย ไม่นับผู้หญิง
ตอนที่ได้เข้าไปศึกษาต่อกับเรื่องราวชีวิตของเธอแต่ละคนก็ช่วยให้ได้เข้าใจกับจิตใจของพระเจ้าที่ต้องการจะจูงนำจิตใจเราให้ไปทิศทางนั้นแบบนี้ครับ
ตอนที่ได้เห็นวิธีคิดของโยเซฟและพระเจ้าทำงานกับเขายังไงเพื่อให้หันกลับมาก็ช่วยให้ผมรู้สึกสบายใจ เพราะถึงแม้มีมารซาตานที่คอยล่อลวงตลอดเวลาแต่ก็มีพระเจ้าที่คอยช่วยให้หันกลับออกมาตลอดเวลาด้วยเช่นกัน
ก่อนได้มารู้จักกับพระเยซู ผมเบื่อมากกับชีวิตนับตั้งแต่เริ่มคิดจริงจัง หลังจากเห็นภัยพิบัติหลายเรื่องเกิดกับคนในครอบครัว จนพ่อแม่น้องต้องเสียชีวิตและพิการก่อนวัยอันควร ไม่รู้จะปกป้องตัวเราเองยังไง จะมีเงินหรือไม่มีมันก็ไม่ได้ปกป้องได้จริงครับผมเห็นแบบนั้น คนจนคนรวยก็เหมือนกันทั้งหมด เลยไม่รู้ว่าจะดิ้นรนหาสะสมทรัพย์สมบัติมากมายไปทำไม ต้องแย่งชิงกันด้วย ได้มาก็ต้องเครียดกับการดูแลรักษาไม่ให้มันหายไปอีก คือได้มันมาเป็นภาระเพิ่ม แต่ตัวเองก็ยังกังวลกลัวตายเหมือนเดิมอีกอยู่ดี
พอได้กลับมารู้จักพระเยซู มันเป็นเรื่องอะไรที่เป็นมหาพรเป็นคุณเป็นโชคดีสำหรับมนุษย์เรามากๆ เลยครับผมรู้สึกแบบนั้นนะ เหมือนเราสามารถจะโยนภาระหนักทั้งหมดที่แบกมาตลอดชีวิตออกไปได้เลย กับทุกสิ่งก่อนหน้าที่ผมเคยพยายามเก็บมันไว้เพื่อความปลอดภัยของชีวิตตัวเองนี้ครับ ตอนนี้มองแล้วกลายเป็นภาระเป็นขยะเป็นเนื้อร้ายพาหะนำโรคมาสู่เราไปเลยแบบนี้ครับ
ก็มองเห็นหลายคนรอบตัวที่มาคริสตจักรแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะปล่อยวางชีวิตให้กับพระเยซู ยังขยักขย่อนกล้าๆกลัวๆเหมือนเหยียบเรือสองแคม แต่ถ้าได้ฟังพระคำจากคริสตจักรไปเรื่อยๆ มันจะเริ่มเห็นความน่ากลัวของสิ่งต่างๆของโลกนี้ซึ่งตอนนั้นมันก็ได้แต่ต้องปล่อยต้องทิ้งเท่านั้นครับ
ส่วนมากหลายคนมาที่โบสถ์ก็เพราะมุ่งหวังให้เนื้อหนังได้รับการตอบสนองอยู่ดีกินดีก่อน ไม่ได้สนใจเรื่องจิตวิญญาณหรือความรอดนิรันดร์ยังไง แต่พระคำจากคริสตจักรก็สามารถจูงนำทีละนิดๆ ให้เห็นว่าจิตวิญญาณคือสำคัญที่สุด การติดตามพระคำคือสำคัญจำเป็นที่สุด เนื้อหนังไม่มีประโยชน์แบบนี้ครับ
หลายคนก็ดีใจตอนได้รู้ว่าพระเยซูรับความผิดบาปไปให้ทั้งหมดแล้ว บริสุทธิ์ชอบธรรมแล้วในสายพระเนตรพระเจ้า แต่ยังไม่กลัวกับการตามความคิดยังชอบสนุกกับเนื้อหนัง สุดท้ายต้องเจอกับเรื่องร้ายแบบหนักๆ ถึงจะกลัวและกลับใจมาหาพระเจ้าได้จริงๆ ก็เลยได้เข้าใจว่าทำไมพระเจ้าจะต้องให้เราได้เจอกับภัยพิบัติด้วย เพื่อจะได้สติฉุกคิดและหันกลับมาหาพระเจ้านี้ครับ
โฆษณา