เหตุผลที่นำสุนัขมาใช้งานทางทหาร
โดยทั่วไปสุนัขมีความฉลาด (Intelligence) เข้าใจคําพูดของมนุษย์และปฏิบัติตามได้ถูกต้องไม่น้อยกว่า 165 คํา เทียบเท่ากับเด็กที่มีอายุเท่ากับ 8 ขวบ สุนัขที่มีงานสำคัญ เช่น ทหาร ตำรวจ หรือหน่วยค้นหาและกู้ภัย มักจะมีคำศัพท์มากกว่าสุนัขที่ไม่ได้ฝึกทำงานประจำ สุนัขเหล่านี้อาจจำคำศัพท์ได้มากถึง 300 คำด้วยหากได้รับการฝึกฝนที่ถูกต้องและเข้มข้น
ลักษณะนิสัยที่มีความดุ (Aggression) กล้าหาญโดยสัญชาตญาณ (Instinctive courage) หวงแหนเขตแดนที่อยู่อาศัย (Territorial aggression) หวงแหนผู้เลี้ยงดูและทรัพย์สิน (Possessive) ชอบปกป้องคุ้มกัน (Protective) มีความซื่อสัตย์ (Loyalty) ทางด้านลักษณะทางกายภาพของสุนัขก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน สุนัขมีความแข็งแรง (Strength) คล่องแคล่ว (Agility) โดยมีแรงกัดเท่ากับ 230 - 250 PSI วิ่งได้เร็วเฉลี่ย 24 – 32 กิโลเมตร/ชั่วโมง นอกจากนี้สุนัขยังมีประสาทสัมผัส (Canine senses) ที่มนุษย์ไม่มี ได้แก่
(1) จมูก และการดมกลิ่น (Smell) กลิ่นเป็นประสาทสัมผัสที่โดดเด่นที่สุดของสุนัข สุนัขมีตัวรับกลิ่น และแยกกลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์ โดยภายในจมูกของสุนัขมีเซลล์รับกลิ่นที่เรียกว่า Olfactory cells ตั้งแต่ประมาณ 125 ล้านถึงเกือบ 300 ล้านตัว ขณะที่มนุษย์มีเพียง ๑๒ ล้านเซลล์ รูจมูกของพวกเขาเคลื่อนไหวได้ซึ่งช่วยให้กำหนดทิศทางของกลิ่นได้ และมีโครงสร้างกระดูกอยู่ภายในซึ่งมนุษย์ไม่มี ทำให้กลิ่นที่สูดดมเข้าไปสามารถผ่านชั้นกระดูกที่โมเลกุลของกลิ่นเกาะอยู่ได้
สุนัขมักหายใจเข้าและหายใจออกสั้นๆ หลายครั้ง เพื่อให้โมเลกุลที่ส่งกลิ่นสัมผัสกับเยื่อบุรับ กลิ่นได้ โมเลกุลเหล่านี้จะถูกละลายและดูดซึมโดยเซลล์ของเยื่อบุรับกลิ่นก่อนที่จะไปถึงเซลล์ประสาทซึ่งจะส่งข้อมูลไปยังสมอง สุนัขที่มีจมูกยาวจะมีประสิทธิภาพการทำงานดีกว่าสุนัขที่มีจมูกแบน นอกจากนี้สุนัขตัวใหญ่จะมีประสาทรับกลิ่นที่ดีกว่าสุนัขตัวเล็ก สุนัขบางสายพันธุ์อาจสามารถจดจำกลิ่นเก่าได้เป็นระยะเวลานานถึง 6 สัปดาห์ จึงเหมาะกับหน้าที่ค้นหาผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติ ค้นหาผู้สูญหาย และสะกดรอยติดตามผู้ต้องสงสัย
(2) หูและการได้ยิน (Hearing) สุนัขมีประสาทการได้ยินที่ไวมาก สุนัขสามารถได้ยินเสียงที่มีความถี่สูงและกว้างมาก คือ 62 - 45,000 Hz ขณะที่มนุษย์ได้ยินเสียงความถี่ในระดับเพียง 20 - 23,000 Hz และสุนัขยังมีกล้ามเนื้อ 17 มัดที่เคลื่อนไหวหูได้ในทุกทิศทาง
นอกจากนี้ยังสามารถเคลื่อนไหวหูข้างใดข้างหนึ่งได้ทีละข้าง โดยไม่ขึ้นกับหูข้างอื่น เพื่อดูดซับข้อมูลได้มากขึ้น และยังสามารถปิดหูชั้นในเพื่อกรองเสียงที่รบกวนได้อีกด้วย] การที่สุนัขสามารถได้ยินเสียงนอกเหนือระยะหูของมนุษย์ได้จึงช่วยเตือนภัยมนุษย์ให้ทราบจากภัยคุกคามจากธรรมชาติหรือมนุษย์ด้วยกันล่วงหน้าได้ และมีความเชื่อว่าพวกเขามองเห็นวิญญาณที่มนุษย์มองไม่เห็น จึงถูกใช้งานเป็นสุนัขเฝ้ายาม รักษาความปลอดภัย หรือดูแลฝูงปศุสัตว์
(3) ตา และการมองเห็น (Sight) สุนัขมองเห็นสีต่างจากมนุษย์ สุนัขรับรู้สีหลักสองสี ได้แก่ สีน้ำเงินและสีเหลือง ส่วนการมองเห็นในตอนกลางคืนของสุนัขจะดีกว่าของมนุษย์ เนื่องจากดวงตาของสุนัขมีเซลล์รูปแท่งมากกว่ามนุษย์มาก โดยเซลล์รูปแท่งจะมีความไวต่อรูปร่าง การเคลื่อนไหว และแสงสลัว สุนัขตรวจจับความเคลื่อนไหวของวัตถุต่างๆ ได้เร็ว และมองเห็นที่แสงสลัวได้ดีกว่ามนุษย์
สุนัขจะมีชั้นสะท้อนแสงอีกชั้นในดวงตาชื่อ “เทเพทัม ลูซิดัม” ซึ่งจะสะท้อนแสงกลับไปยังเซลล์รับแสงของดวงตา ไม่เพียงแต่ทำให้สุนัขมองเห็นในตอนกลางคืนได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ดวงตาดูเรืองแสงในที่มืดอีกด้วย สุนัขจึงสามารถนำทางได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาพลบค่ำ แต่ในสภาพที่แสงจ้ามนุษย์จะมองเห็นได้ดีกว่า เพราะดวงตาของมนุษย์จะมีเซลล์รูปกรวย 6 ล้านเซลล์ แต่ดวงตาของสุนัขมีเพียง 1.2 ล้านเซลล์เท่านั้น
อย่างไรก็ตามสุนัขมีระยะการมองเห็นที่กว้างกว่ามนุษย์ สุนัขมีระยะการมองเห็นประมาณ 240 องศา เทียบกับมนุษย์ที่มองเห็นได้เพียง 180 องศา เนื่องจากดวงตาของสุนัขจะอยู่ในตำแหน่งที่ไกลกว่าศีรษะ แต่สุนัขไม่ถนัดในการโฟกัสวัตถุในระยะใกล้ สุนัขสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในระยะประมาณ 20 ฟุต ซึ่งมนุษย์ที่มีสายตาปกติสามารถมองเห็นได้ในระยะทาง 75 ถึง 100 ฟุต
(4) ลิ้น และการรับรส (Taste) ประสาทสัมผัสด้านการรับรสนั้นเป็นประสาทสัมผัสเพียงด้านเดียวที่สุนัขด้อยกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆเนื่องจากสุนัขมีปุ่มรับรสค่อนข้างน้อยเพียง 1,700 ปุ่ม รวมทั้งประสาทการรับรส ค่อนข้างแย่เมื่อเทียบกับมนุษย์ซึ่งมีปุ่มรับรสถึง 9,000 ปุ่ม และโดยทั่วไปแล้วสุนัขจะชอบอาหารที่มีกลิ่นแรง เนื่องจากประสาทการรับรสของสุนัขมีการเชื่อมโยงกับการได้กลิ่น ทำให้สุนัขสามารถกินอาหารที่สัตว์อื่นรังเกียจได้ เช่นซากสัตว์ และสิ่งขับถ่าย
อย่างไรก็ตามสุนัขสามารถรับรู้รสชาติเค็ม รสเผ็ด รสหวาน รสอูมามิ รสขม และรสเปรี้ยว ได้เช่นเดียวกับมนุษย์ แต่อาจตอบสนองต่อแต่ละรสชาติเหล่านี้ต่างจากมนุษย์ เช่น สุนัขมีต่อมรับรสหวานเยอะ จะรับรสหวานได้ดี เชื่อกันว่าช่วยให้สุนัขสามารถหาพืชและผลไม้สุกเป็นอาหารตั้งแต่สมัยเป็นสุนัขป่าได้
สุนัขมีตัวรับรสเฉพาะที่ปรับให้เข้ากับเนื้อ ไขมัน และสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับเนื้อสัตว์ได้ดี เนื่องจากบรรพบุรุษของสุนัขประกอบด้วยเนื้อสัตว์เป็นหลัก นอกจากนี้สุนัขมีต่อมรับรสพิเศษที่ทำหน้าที่รับรสเฉพาะน้ำเท่านั้น ต่อมรับรสน้ำนี้อยู่ที่ปลายลิ้น ดังนั้นน้ำจึงอาจไม่ไร้รสชาติสำหรับสุนัข
(5) ผิวหนัง และการสัมผัส (Touch) สุนัขเป็นสัตว์ที่มีประสาทสัมผัสดีโดยเฉพาะบริเวณปลายจมูก ลิ้น ปาก และอุ้งเท้า ซึ่งมีประสาทรับสัมผัสอยู่มากจึงทำให้สุนัขสามารถรับความรู้สึกประสาทสัมผัสได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพดีกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ
ลูกสุนัขแรกเกิดอายุราว 1 - 21 วันที่ยังมองไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงใช้หนวดบ่งบอกถึงอุณหภูมิของสิ่งของหรืออาหาร ขนหรือหนวดบางๆ เหนือดวงตา บนปาก และใต้ขากรรไกรที่ด้านข้างของปาก หนวดเหล่านี้หรือที่เรียกว่าไวบริสเซมีความอ่อนไหวมาก จนเมื่อสุนัขเข้าใกล้สิ่งของสุนัขสามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงของกระแสลมได้นานก่อนที่จะสัมผัสสิ่งของนั้นจริงๆ
สุนัขมีตัวรับความรู้สึกในผิวหนังมากกว่าเราหลายเท่า ซึ่งทำให้สุนัขรับรู้การเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยในสภาพแวดล้อมรอบตัวมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าสุนัขสามารถรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ ดังนั้นจึงไวต่อการสั่นสะเทือนของโลก และบางครั้งสามารถทำนายพายุฝนฟ้าคะนองและแผ่นดินไหวก่อนที่มนุษย์จะทราบ
สุนัขสามารถเข้าใจสภาพจิตใจของมนุษย์ได้ รู้จักโรคบางชนิดได้แม้กระทั่งก่อนที่อาการจะปรากฎ รับรู้เมื่อผู้หญิงตั้งครรภ์ และอื่นๆ อีกมากมาย จากนิสัยโดยทั่วไป ประสาทสัมผัสพิเศษ และความแข็งแรงของสุนัข ทำให้มนุษย์ได้พัฒนาสายพันธุ์และฝึกสุนัขเพื่อใช้งานไม่ว่าจะเป็นการล่าสัตว์ การกีฬา และปฏิบัติการทางทหารตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาล
อ้างอิง
1. VCA Hospitals. (2025). How many words do dogs know?. Retrieved Feb 27, 2025, from https://vcahospitals.com/shop/articles/how-many-words-do-dogs-know
2. Dummies.com. (2008). "Understanding a Dog's Sense of Smell". Retrieved Feb 27, 2025, from https://web.archive.org/web/20080309123343/http://www.dummies.com/WileyCDA/DummiesArticle/id-5324.html
3. Hector Kitchen. (2010). "L'odorat chez les chiens : Secrets et capacités suprenantes". Retrieved Feb 28, 2025, from https://www.hectorkitchen.com/institute/astuces-chien/odorat-chien
4. www.lsu.edu. (2001) "Frequency Hearing Ranges in Dogs and Other Species". Retrieved Feb 27, 2025, from https://web.archive.org/web/20170810132541/https://www.lsu.edu/deafness/HearingRange.html
5. Condon, Timothy and Elert, Glenn (ed.). (2003). "Frequency Range of Dog Hearing". Retrieved Feb 27, 2025, from https://hypertextbook.com/facts/2003/TimCondon.shtml
6. Barber, A. L., Wilkinson, A., Montealegre-Z, F., Ratcliffe, V. F., Guo, K., & Mills, D. S. (2020). A comparison of hearing and auditory functioning between dogs and humans.Comparative : Cognition & Behavior Reviews, 15:45-94
7. Constance B. Vanacore. (2025). Senses in dog in Physical traits and functions. Retrieved Feb 28, 2025, from https://www.britannica.com/contributor/Constance-B-Vanacore/4098
8. Noddy M. (2024). Dogs Sense (III): Eyes- An Insight Into A Dog's Visual Senses. Retrieved Feb 28, 2025, from https://www.pawpetsindia.com/post/dogs-sense-iii-eyes-an-insight-into-a-dog-s-visual-senses
9. Caroline Coile, PhD. (2024). How Does Dog Eyesight Work? What Do Dogs See?. Retrieved Feb 28, 2025, from https://www.akc.org/expert-advice/health/what-do-dogs-see/
10. Horowitz, A. (2010). Inside of a Dog: What Dogs See, Smell, and Know. Retrieved Feb 28, 2025, from https://positively.com/dog-training/article/dog-science-taste
11. Caroline Coile, PhD. (2021). Accounting for Taste: What Do Dogs Find Most Delicious?. Retrieved Feb 28, 2025, from https://www.akc.org/expert-advice/nutrition/accounting-taste-probing-mysteries-dogs-find-delicious/
12. Positively.com.(2024). Touch is part of how your dog navigates her world, and interacts with everything, and everyone, in it. Retrieved Feb 28, 2025, from https://positively.com/dog-training/article/dog-science-touch
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
