6 เม.ย. เวลา 06:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

กว่าจะเป็น “Walmart” อาณาจักรธุรกิจรายได้สูงสุดในโลกต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี

เปิดเส้นทางอาณาจักรร้านค้าปลีกรายใหญ่ “Walmart” ที่ปัจจุบันครองตำแหน่งบริษัทรายได้สูงที่สุดในโลกต่อเนื่องเกิน 10 ปี!
ถ้าบ้านเรามี เซเว่น อีเลฟเว่น เป็นอาณาจักรร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ หรือมีกลุ่มเครือเซ็นทรัลเป็นอาณาจักรศูนย์การค้า ที่โลกฝั่งตะวันตกเอง ก็มีอาณาจักรร้านค้าที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน และทุกคนต้องรู้จัก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ นั่นคือ “วอลมาร์ต” (Walmart)
วอลมาร์ตเป็นเครือร้านค้ารายใหญ่ที่ถือกำเนิดขึ้นในสหรัฐฯ ปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 10,700 สาขาทั่วโลก โดยเกินครึ่งอยู่ในสหรัฐฯ และที่เหลืออยู่ในอีก 18 ประเทศ
Walmart ร้านค้าปลีกรายใหญ่จากสหรัฐฯ
จุดกำเนิดของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ คือชายที่ชื่อ “แซม วอลตัน” ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นผู้เปลี่ยนโฉมธุรกิจร้านค้าในสหรัฐฯ ไปตลอดกาล
เชื่อมั่นในของที่ถูก
แซม วอลตัน เกิดเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 1918 ที่เมืองคิงฟิชเชอร์ รัฐโอคลาโฮมา ในครอบครัวที่ทำฟาร์ม แต่การทำฟาร์มไม่ได้สร้างรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัว
ต่อมา แซมเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยฝึกนายทหารสำรอง เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมิสซูรี และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี 1940
3 วันหลังจากสำเร็จการศึกษา แซมเริ่มทำงานเป็นพนักงานฝึกงานฝ่ายการจัดการให้กับ J.C. Penney ซึ่งเป็นเครือห้างสรรพสินค้าสัญชาติอเมริกันชื่อดังในยุคนั้นที่ดำเนินกิจการในสหรัฐฯ และปวยร์โตริโก
จากนั้นในปี 1942 ขณะอายุ 24 ปี แซมได้ลาออกจาก J.C. Penny เพื่อเข้าร่วมกองทัพสหรัฐฯ ไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเขาเข้าร่วมกองทัพสหรัฐฯ ในหน่วยข่าวกรองของกองทัพบก โดยดูแลความปลอดภัยในโรงงานผลิตเครื่องบิน
แต่งงานกับ เฮเลน รอบสัน ในปี 1943 และเมื่อปลดประจำการในปี 1945 สองสามีภรรยาและได้ย้ายไปที่รัฐอาร์คันซอ
แซมเคยเล่าไว้ในหนังสือที่เขาเขียนเอง “Sam Walton, Made in America: My Story” ว่า เขาได้เรียนรู้ตั้งแต่ยังเด็กว่า การช่วยหาเลี้ยงครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขาในฐานะเด็ก ๆ ที่จะเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ เขาตระหนักในขณะที่รับราชการในกองทัพว่า เขาต้องการเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกและทำธุรกิจของตัวเอง
หลังออกจากกองทัพ แซมจึงได้ใช้เงินเก็บและเงินสนับสนุนจากพ่อตา เช่าร้านขายของเบ็ดเตล็ด Ben Franklin ในเมืองโรเจอร์ส รัฐอาร์คันซอ โดยดำเนินการภายใต้รูปแบบธุรกิจที่ไม่ค่อยเหมือนใครในยุคนั้น นั่นคือ “เน้นขายของถูก”
ในระหว่างทำธุรกิจร้าน Ben Franklin แซมมุ่งเน้นการทำให้ร้านของเขาสามารถแข่งขันได้โดยการซื้อสินค้าราคาถูกและนำมาขายในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ในทางทฤษฎี แม้ว่าจะมีอัตรากำไรที่ต่ำกว่า แต่จะได้ความต้องการที่สูงขึ้นและปริมาณการขายที่สูงขึ้น ซึ่งสามารถชดเชยกันได้
แนวคิดของแซมได้รับการพิสูจน์อย่างรวดเร็วว่าถูกต้อง เพราะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าจาก 105,000 ดอลลาร์เป็น 250,000 ดอลลาร์ในช่วง 5 ปีที่เขาทำร้าน Ben Franklin
ในปี 1950 หลังจากที่ไม่สามารถต่อสัญญาเช่ากับ Ben Franklin ได้ แซมจึงเปิดร้าน “Walton’s 5&10” ซึ่งเป็นร้านขายสินค้าราคาถูก ในเมืองเบนตันวิลล์ รัฐอาร์คันซอ ซึ่งปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์วอลมาร์ต
สุดท้ายในวันที่ 2 ก.ค. 1962 แซมได้เปิดร้าน “Wal-Mart Discount City” ในเมืองโรเจอร์ส รัฐอาร์คันซอ โดยชื่อวอลมาร์ตได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “FedMart” ซึ่งเป็นเครือห้างสรรพสินค้าราคาถูกที่ก่อตั้งโดย โซล ไพรซ์ ในปี 1954
แซมเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจาก โซล ไพรซ์ นักธุรกิจที่ยอดเยี่ยมซึ่งก่อตั้ง FedMart ขึ้นในซานดิเอโกเมื่อปี 1955 ผมชอบชื่อ FedMart ของโซลมาก จึงตัดสินใจใช้ชื่อ ‘วอลมาร์ต’”
Wal-Mart Discount City ได้รับการยอมรับว่าเป็นร้านค้าวอลมาร์ตสาขาแรกอย่างเป็นทางการ
แซม วอลตัน ชายผู้สร้าง Walmart ขึ้นมากับมือจากศูนย์
เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของการค้าปลีก
ภายในสิ้นปีแรกของการเปิดร้าน แซมได้เปิดร้านสองร้านภายใต้แบรนด์วอลมาร์ต ได้แก่ ร้านแห่งแรกที่โรเจอร์ส และอีกร้านหนึ่งในเมืองแฮร์ริสัน
รากฐานความสำเร็จของวอลมาร์ตนั้นมาจากแนวคิดการเลือกตั้งร้านในเมืองที่ไม่ใช่เมืองใหญ่ ออกแนวชานเมืองหรือชนบท ซึ่งเขามองว่าเป็นพื้นที่ที่กำลังเติบโตและมักไม่ได้รับบริการจากผู้ค้าปลีกรายใหญ่อื่น ๆ
นั่นคือโอกาสที่แซมตั้งใจจะใช้ประโยชน์ และเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยในปี 1967 วอลมาร์ตมีสาขาเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 20 สาขาทั่วอาร์คันซอ สร้างรายได้รวม 12.7 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงปีต่อมา แซมเปิดวอลมาร์ตนอกอาร์คันซอเป็นครั้งแรก ที่เมืองแคลร์มอร์ รัฐโอคลาโฮมา และเมืองไซเคสตัน รัฐมิสซูรี
ปี 1969 แซมได้จดทะเบียนวอลมาร์ตเป็นบริษัทอย่างเป็นทางการในชื่อ Wal-Mart Stores, Inc. และได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอีก 1 ปีต่อมา โดยเงินที่ระดมทุนมาได้ก็นำไปใช้ในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จนในปี 1972 บริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
ณ ปี 1980 วอลมาร์ตมีพนักงาน 21,000 คนจากร้านค้า 276 สาขาใน 10 รัฐทั่วสหรัฐฯ และทำยอดขายต่อปีได้ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
กลยุทธ์เด่นที่ทำให้วอลมาร์ตประสบความสำเร็จนอกจากเรื่องของทำเลที่ตั้งในช่วงแรกแล้ว ยังอยู่ที่การควบคุมราคาสินค้า โดยการสร้างคลังสินค้าให้อยู่ใกล้กับร้านค้าให้มากที่สุด เพื่อทำให้การจัดจำหน่ายง่ายและมีต้นทุนถูกกว่า
เมื่อร้านค้าเติบโตขึ้น ความปรารถนาของแซมก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากจะนำแนวทางและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาสู่การค้าปลีกแล้ว เขายังทดลองใช้รูปแบบร้านค้าใหม่ ๆ เช่น Sam's Club เปิดแห่งแรกในปี 1983 และ Walmart Supercenter เปิดในปี 1988
นั่นทำให้ในปี 1990 วอลมาร์ตกลายเป็นผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และเริ่มขยายสาขาไปต่างประเทศ โดยเปิดร้านแรกนอกสหรัฐฯ ในเม็กซิโกเมื่อปี 1991
ด้วยความกล้าหาญของแซมในการเสนอสินค้าราคาถูก ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของเขาในการให้บริการและส่งต่อคุณค่าที่ช่วยให้บุคคล ธุรกิจ และประเทศประสบความสำเร็จ ทำให้เขาได้รับเหรียญแห่งอิสรภาพจากประธานาธิบดี จอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช ในปี 1992 แต่ยังไม่ทันทีแซมจะได้เห็นวอลมาร์ตประสบความสำเร็จในตลาดโลกเต็มตัว เขาก็ได้จากไปเสียก่อนในปีเดียวกัน ขณะอายุ 74 ปี
แม้สิ้นแซมไปแล้ว แต่ลูกชายคนโตของเขาและทายาทได้กลายมาเป็นประธานคณะกรรมการของวอลมาร์ต ซึ่งยังคงนำพาวอลมาร์ตไปสู่ความรุ่งเรือง ทั้งการเปิดสาขาต่างประเทศเพิ่มเติมในสหราชอาณาจักร เยอรมนี จีน และแคนาดา
ในปี 1999 วอลมาร์ตเติบโตจนยังกลายเป็นนายจ้างเอกชนรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และของโลกด้วย และยังคงรักษาตำแหน่งนั้นมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยจำนวนพนักงานทั่วโลกมากถึง 2.1 ล้านคน!
Walmart เป็นธุรกิจที่มีรายได้มากที่สุดในโลก
กฎการทำธุรกิจ 10 ข้อของ แซม วอลตัน
แซม วอลตัน เชื่อว่า การดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้นอาศัยกฎง่าย ๆ เพียง 10 ข้อ และกฎเหล่านี้ได้ช่วยให้วอลมาร์ตกลายเป็นผู้นำระดับโลกในปัจจุบัน ได้แก่
1. มุ่งมั่นกับธุรกิจของคุณ
เชื่อมั่นในธุรกิจของคุณมากกว่าใคร ๆ หากคุณรักงานของคุณ คุณจะทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ทุกวัน และในไม่ช้าทุกคนรอบตัวก็จะรับรู้ถึงความหลงใหลในตัวคุณเหมือนติดเชื้อ
2. แบ่งปันผลกำไรของคุณกับเพื่อนร่วมงานทุกคน และปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนหุ้นส่วน
ในทางกลับกัน พวกเขาจะปฏิบัติต่อคุณเหมือนหุ้นส่วน และเมื่อรวมกันแล้ว คุณทุกคนก็จะทำผลงานได้เกินความคาดหวังสูงสุด
3. สร้างแรงบันดาลใจให้กับหุ้นส่วนของคุณ
เงินและความเป็นเจ้าของเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ตั้งเป้าหมายที่สูง ส่งเสริมการแข่งขัน
4. สื่อสารทุกสิ่งที่ทำได้กับหุ้นส่วนของคุณ
ยิ่งพวกเขารู้มากเท่าไร พวกเขาก็จะเข้าใจมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งพวกเขาเข้าใจมากขึ้นเท่าไร พวกเขาก็จะใส่ใจมากขึ้นเท่านั้น เมื่อพวกเขาใส่ใจ ก็ไม่มีอะไรหยุดพวกเขาได้
5. ชื่นชมทุกสิ่งที่เพื่อนร่วมงานของคุณทำเพื่อธุรกิจ
ไม่มีอะไรจะทดแทนคำพูดที่จริงใจและเหมาะสมเพียงไม่กี่คำได้อีกแล้ว คำพูดเหล่านี้ฟรี ไม่ต้องลงทุน แต่มีค่ามหาศาล
6. เฉลิมฉลองความสำเร็จของคุณ
อย่าจริงจังกับตัวเองมากเกินไป ผ่อนคลายบ้าง แล้วทุกคนรอบตัวคุณจะผ่อนคลายลง สนุกไปกับมัน แสดงความกระตือรือร้นอยู่เสมอ ทั้งหมดนี้สำคัญและสนุกกว่าที่คุณคิด และมันหลอกคู่แข่งได้จริง ๆ
7. รับฟังทุกคนในบริษัทของคุณ
และคิดหาวิธีทำให้พวกเขาพูดคุยกัน หากต้องการลดความรับผิดชอบในองค์กรของคุณ และเพื่อบังคับให้เกิดความคิดดี ๆ ขึ้นภายในองค์กร คุณต้องฟังสิ่งที่เพื่อนร่วมงานของคุณพยายามบอกคุณ
8. ทำทุกอย่างให้เกินความคาดหวังของลูกค้า
ให้สิ่งที่พวกเขาต้องการ และมากกว่านั้นอีกเล็กน้อย แก้ไขข้อผิดพลาดทั้งหมดของคุณ และอย่าหาข้อแก้ตัว แต่ลงขอโทษ ยืนหยัดอยู่เบื้องหลังทุกสิ่งที่คุณทำ
9. ควบคุมค่าใช้จ่ายของคุณให้ดีกว่าคู่แข่ง
นี่คือจุดที่คุณจะสามารถค้นพบข้อได้เปรียบในการแข่งขันได้เสมอ คุณอาจทำผิดพลาดหลายครั้งแต่ยังคงฟื้นตัวได้หากคุณดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ หรือคุณสามารถเป็นคนเก่งแต่ยังคงต้องเลิกกิจการหากคุณไม่มีประสิทธิภาพมากเกินไป
10. ว่ายทวนกระแสน้ำ
ลองไปทางอื่น ไม่สนใจความคิดแบบเดิม ๆ หากทุกคนทำแบบเดียวกัน มีโอกาสดีที่คุณจะพบช่องทางของตัวเองได้หากเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม
Walmart เน้นขายสินค้าราคาถูกเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกค้า
บริษัทที่มีรายได้มากที่สุดในโลกต่อเนื่องเกิน 10 ปี
วอลมาร์ตนั้นไม่ใช่เพียงบริษัทที่มีพนักงานมากที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังครองตำแหน่งบริษัทที่มีรายได้มากที่สุดในโลกด้วย และไม่ใช่เพิ่งได้ แต่อยู่ในตำแหน่งนี้มานานมากกว่า 10 ปีติดต่อกันแล้ว! โดยตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา วอลมาร์ตอยู่ในตำแหน่งนี้มาตลอด
โดยในปีงบประมาณ 2024 วอลมาร์ตมีรายได้รวม 648.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (เกือบ 2.2 หมื่นล้านบาท) ซึ่งจากการจัดอันดับของ Fortune Global 500 นี่คือบริษัทที่ทำรายได้มากที่สุดในโลกเป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน
ส่วนอันดับที่ 2 เป็นของ แอมะซอน (Amazon) ทำรายได้ไป 574.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.94 หมื่นล้านบาท) ส่วนบริษัทดังขวัญใจใครหลายคนอย่าง แอปเปิล (Apple) นั้น อยู่ในอันดับที่ 7 จากรายได้ 383.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 1.3 หมื่นล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม เฉพาะไตรมาสที่ 4/2024 เป็นครั้งแรกที่แอมะซอนมีรายได้ต่อไตรมาสแซงหน้าวอลมาร์ตสำเร็จในรอบ 12 ปี โดยรายงานรายได้ 187.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.36 พันล้านบาท) มากกว่ารายได้ของวอลมาร์ตซึ่งอยู่ที่ 180.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.12 พันล้านบาท)
ตั้งแต่ปี 2012 วอลมาร์ตได้รับการยกย่องให้เป็นผู้สร้างรายรับสูงสุดรายไตรมาส โดยได้รับตำแหน่งนี้หลังจากแซงหน้ายักษ์ใหญ่ด้านน้ำมันอย่าง Exxon Mobil
เรียกได้ว่า นี่คือการเดินทางจากร้านขายของราคาถูกในเมืองเล็ก ๆ ที่วิวัฒนาการจนกลายเป็นอาณาจักรร้านค้าปลีกหมื่นล้านที่ยังไม่มีใครแซงหน้าได้ และมันเกิดขึ้นจากฝีมือของชายที่ชื่อว่า “แซม วอลตัน”
ประวัติธุรกิจ Walmart
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/245736
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา