4 เม.ย. เวลา 08:57 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ยังไม่เคยดูแบบเป็นจริงเป็นจัง แต่ช่วงนี้ผมติดนวดมากครับ (อย่าเข้าใจผิดนะครับ)
1
ผมชอบไปแช่ออนเซ็น และนวดไทย ที่ Yunomori ครับ
พอได้ลองแล้ว ก็พบว่า นี่แหละความสุขของชีวิตที่ผมตามหาอยู่
มาแช่ออนเซ็น เสร็จแล้วกินนมเย็น ๆ และไปกินอาหารญี่ปุ่นอร่อย ๆ ต่อ (ราคาอาหารแพงใช้ได้เลย) จากนั้นก็ไปนวดไทยต่อสัก 2 ชั่วโมง
1
และปิดท้ายด้วยการไปนอนหลับสบาย ๆ ในห้องพักที่เค้ามีให้
มันเป็นกิจกรรมที่โคตรมีความสุข ที่เราสามารถทำได้ภายในแค่ 1 วันครับ
ผมเคยอยากจะไปลองใช้บริการของ Let’s Relax อยู่เหมือนกัน
กลับมาที่เรื่องหุ้น ผมรู้สึกว่า ผมได้ยินเสียงเชียร์หุ้นตัวนี้ อยู่บ่อยมาก อย่างน้อยก็ประมาณ 3 ปีได้ แต่ได้ยินเสียงเชียร์ดังที่สุด คือปีที่แล้ว
ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมอยู่ดี ๆ คนถึงมากาวหุ้นตัวนี้กันหนักมากขนาดนั้น อาจจะเพราะมีการ CV ในปีที่แล้ว หรือเป็นไปตามกระแสการท่องเที่ยวที่น่าจะสูงขึ้นได้อีก
แต่นั่นคือความคิดเห็นครับ และความคิดเห็นก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นความจริงเสมอไป
ผมว่าโมเดลธุรกิจของเค้าน่าสนใจ เค้าดูเก่งกว่าเจ้าอื่น ๆ (ผมไม่ได้รู้จักคู่แข่งของเค้าสักเท่าไร ก็ในที่นี่ ผมหมายถึง เค้าใหญ่กว่าเจ้าอื่นล่ะกัน) และผู้บริหารก็ดูเก่งดี
บริษัทนี้ก็ถือว่า Moat และ Durable Competitive Advantage ด้วย เช่น
- Strong Brand
- Medium Switching Cost (ถ้าเราซื้อเป็นแพ็คเกจยาว เราก็คงยังไม่เปลี่ยนไปใช้เจ้าอื่นสักพัก)
- ราคาและคุณภาพแบบนี้ พอแข่งขันได้ และเจาะกลุ่มคนมีกำลังซื้อสูง ๆ ได้
แต่ผมมองอีกมุม ผมก็คิดว่า มันก็เป็นธุรกิจที่เจาะกลุ่มเฉพาะกลุ่มอยู่เหมือนกัน และคู่แข่งในด้านการนวด ก็มีอยู่เยอะด้วย
ขอแตะธุรกิจออนเซ็นนิดนึง
ผมรู้สึกธุรกิจประเภท Onsen เนี่ย Scale ยากครับ มันไม่สามารถขยายสาขาไปได้เยอะ ๆ มันต้องเลือกพื้นที่ในการเปิด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีกำลังซื้อด้วย และผมว่า ตัว Service แบบนี้ มันก็กรองคนเข้ามาใช้บริการเป็นอย่างมาก
และคิดดูนะครับ คนไทยก็ส่วนใหญ่ขี้อาย หรือต่อให้เป็นต่างชาติ ก็มีพวกขี้อายเยอะอยู่เหมือนกัน
ดังนั้นคนที่พร้อมใจจะแก้ผ้า แล้วเข้าไปคลุกตัวอยู่ในห้องที่มีคนโป๊เปลือยเหมือนกันเป็นจำนวนมาก มันก็เป็นการฝืนความรู้สึกอยู่ไม่น้อยนะครับ
แน่นอน คนบางประเทศที่มีวัฒนธรรมอีกแบบนึง ก็อาจจะไม่อาย แต่คนที่อาย ก็มีจำนวนไม่น้อย
ผมเลยคิดว่า คนที่จะมาใช้บริการแบบนี้ ก็มีอยู่แล้ว แต่คงเป็นคนหน้าเดิม ๆ หรือที่มีวัฒนธรรมแบบที่รับกับกิจกรรมแบบนี้ได้ เพราะอย่างผมไปบ่อย ผมก็มีเจอคนหน้าเดิม ๆ ที่มาแช่อยู่เหมือนกัน
พูดถึงการขยายสาขา ผมว่ามันโคตรจำกัด ข้อได้เปรียบของธุรกิจแบบนี้ ผมว่า ใครที่มีทุน หรือมี Connection ดีกว่า ถ้าเห็นโอกาส ก็สามารถจะเป็น First Mover Advantage ได้ ซึ่งเจ้าอื่น ๆ ที่ช้ากว่า ก็แข่งสู้ไม่ได้แล้ว
แต่ข้อเสียก็คือ เมื่อคุณขยายไปเยอะแล้ว มันก็ยากที่จะขยายต่อไปได้เยอะ ๆ อีก
ทีนี้มาที่ ธุรกิจสปาพวกนวดบ้าง
ผมว่ามันก็มีคู่แข่งอยู่เยอะ ที่ราคาก็มีถูกกว่า แต่ก็นวดได้ดีมากเหมือนกัน เดี๋ยวนี้เค้ามีรับนวดตามบ้าน ตามโรงแรมแล้วครับ หรือถ้าเราผ่านข้างทาง เราก็คงเห็นพวกร้านนวดเพื่อสุขภาพมีอย่างเยอะเลย แล้วราคาก็ไม่แพง (นี่ยังไม่รวมพวกนวดโดยพริตตี้อะไรแบบนี้นะ)
ผมเลยคิดว่า Customer Segment ของ SPA ก็น่าจะเจาะไปที่พวกกลุ่มมีกำลังซื้อ และนักท่องเที่ยว ซึ่งนั่นคือความฉลาดในการเลือกตลาดของเค้า เพราะเค้าสามารถคิดราคาบริการแพง จากกลุ่มพวกนี้ได้
แต่มองลึกไป ก็จะพบว่า ธุรกิจเค้ามันก็ผูกอยู่กับการท่องเที่ยวเหมือนกัน อย่างในช่วงโควิดนี่ชัดเจนเลย และอย่างล่าสุด ที่ประเทศเรามีข่าวดังระดับโลก จนทำให้คนหวาดกลัวการมาเที่ยวประเทศไทย ก็ส่งผลมากอยู่นะครับ
โดยรวม ๆ ผมก็เชื่อว่า ธุรกิจนี้ดูดีจัง รู้ Position ว่า ตัวเองจะเข้าไปเล่นที่ไหน มีกลยุทธ์การทำธุรกิจ การเปิดสาขาตามสถานีรถไฟ ทำให้ง่ายแก่การเข้าถึง งบการเงินก็ดี เก็บเงินได้เร็วด้วย
แต่ข้อสงสัยก็คือ การผูกอยู่กับท่องเที่ยว ถ้าท่องเที่ยวมีปัญหาอีก (ซึ่งหลัง ๆ มันคาดการณ์ยากจังเลย ไอ้ที่เคย Forecast ไว้ พอมีข่าวอะไรเกิดขึ้นมาใหม่อีก ภาพก็ต้องเปลี่ยนอีก) งบก็อาจจะแย่เป็นระยะ ๆ
และการเติบโตแบบ Double Digit ในระยะยาว ที่ผมว่า ถึงจุด ๆ นึง การเจาะ Segment แบบนี้ ที่มีกำลังซื้อ พื้นที่การเปิดสาขา ก็จะเหลือน้อยลงไปมาก
แล้วถ้าวันนั้นกลุ่มตลาดมีกำลังซื้อเริ่มตัน ทางบริษัทจะลงมาแข่งกับตลาดล่างด้วยหรือไม่ แล้วจะแข่งได้ด้วยหรือป่าว จะกล้าทำราคามาสู้ไหม ทำแล้วจะทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์เสียหรือป่าว ถ้าสร้างเป็นแบรนด์ใหม่ จะเวิร์คไหม
อ่ออีกอย่าง การเปิดสาขา ก็ต้องกลัวการ cannibalize ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา อาจจะรับมือกับเรื่องนี้ได้ แต่อนาคตล่ะ ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ คุณไม่ใช่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อแบบ 7-11 นะ ที่เปิดกระจุกใกล้กันมาก ก็ไม่ค่อยจะเห็นมัน Cannibalize กันสักเท่าไร
พอเขียนมาถึงตรงนี้ ผมก็ยังคิดว่า มันเป็นธุรกิจที่ดูดีนะ แต่จะลงทุน เราก็ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าด้วย
ผมว่าก่อนหน้านี้ ราคามันก็ไม่ได้ถูกเลย แล้วยิ่งถ้ามีคนส่วนมาก ชื่นชอบหุ้นตัวนี้ด้วย แบบนี้ผมว่าเราต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันมีโอกาสที่จะมีคนที่รู้อะไรบางอย่างมากกว่าเรา มาแข่งในเกมเดียวกับเราด้วยครับ
ถ้าเราไม่ได้มี Edge เหนือพวกเค้า ผมว่าเราเสียเปรียบมาก
การที่เราได้รับรู้เรื่องหุ้นบางตัวจากคนอื่น ผมว่า มันก็บอกเป็นนัย ๆ อยู่บ้างเหมือนกันนะว่า กว่าเรื่องนี้จะมาถึงเรา กว่าเราจะได้รู้ มันก็น่าจะมีอีกหลายคนที่รู้มาก่อนเราแล้ว และหลายคนก็น่าจะรู้มากกว่าเรา
ยิ่งถ้าราคาหุ้นแพงจนดูสะท้อนความคาดหวังไปพอสมควรแล้วด้วย ผมว่า วิธีที่ง่ายที่สุด ที่เราควรทำ คือการนั่งทับมือตัวเองไว้ก่อนครับ
แล้วแสวงหา ธุรกิจดี ๆ ที่มีโอกาสในการเติบโตดี ที่ไม่ค่อยมีใครจะสนใจ และราคาก็ไม่ได้แพงด้วย ผมว่าแบบนี้ Play Safe และสบายใจกว่ากันเยอะ
แต่นั่นหมายความว่า คุณจะต้องมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยว เข้มแข็งมากนะ เพราะคุณกำลังทำในสิ่งที่สวนทางกับคนส่วนใหญ่ครับ
ผมเรียกแนวทางนี้ว่า "มาจากทางสายเปลี่ยว"
ซึ่งเป็นชื่อหนังสือที่เขียนโดย Herman Hesse และหนังสือเล่มนี้ ผมได้ซื้อไว้ เพื่อเตรียมไปให้กับพี่โจ ลูกอีสาน ในรอบหน้าที่ผมจะไปหาดใหญ่ด้วยครับ เพื่อเป็นการตอบแทนที่พี่เค้าเคยให้ความรู้ และเป็นต้นแบบที่ดีให้กับผมครับ
โฆษณา