นายกสิงคโปร์เตือนประชาชน
การประกาศเรื่องมาตรฐานภาษีเขย่าโลกระดับแผ่นดินไหวของสหรัฐเมื่อสองวันก่อนสะเทือนทุกประเทศอย่างรุนแรงระดับ 9 ริกเตอร์ หุ้นทุกตลาดตกกันอย่างหนัก ความปั่นป่วนเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า อาฟเตอร์ช็อคทยอยตามมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจีนก็ตอบโต้กลับอย่างรุนแรง เรื่องราวทั้งหมดเพิ่งเริ่มต้นและไม่รู้จะจบอย่างไรเลย
ข่าวในประเทศอื่นที่ผมพอเจอก็มีแต่เรื่องนี้ เมืองไทยดูจะยังมีข่าวเรื่องนี้น้อยกว่าประเทศอื่นๆ เลยด้วยซ้ำ ข่าวการเมือง ข่าวนักเลงตบหน้ากัน ยังยึดพื้นที่อยู่เยอะมาก ซึ่งก็คงเป็นธรรมชาติของชาวไทยเราที่ชอบอะไรเกี่ยวกับการเมืองและดราม่ามากกว่า ไม่ว่าเรื่องอะไร เราแบ่งสีได้ทุกเรื่องจนรวมกันซักเรื่องยังไม่ติด แต่ถ้าสแกนข่าวทั่วโลกจริงๆ เรื่องมาตรการภาษีเขย่าโลกนั้นรุนแรงและจะมีผลมากกว่าที่เราคิดเบื้องต้นมาก
ผมได้มีโอกาสฟังนายกสิงคโปร์ ลอว์เรนซ์ หว่อง (lawrence wong) ออกทีวีสื่อสารกับประชาชนชาวสิงคโปร์ราวกับว่าสงครามโลกกำลังจะเริ่ม
นายกหว่องเตือนประชาชนอย่างจริงจังมากให้เตรียมรับแรงกระแทกที่กำลังจะตามมา แม่น้ำที่เคยขึ้นลงตามปกตินั้นเปลี่ยนทิศไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เป็นภัยแห่งรัฐที่ชัดเจนมากๆ
ผมเลยคิดว่าในสถานะที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงกันและโดนผลกระทบเหมือนกัน เอาจริงๆ แล้วสิงคโปร์โดนน้อยกว่าไทยมากคือแค่ 10% เท่านั้นเอง แต่เขาอ่านเกมส์ไปไกลกว่านั้น ก็เลยอยากแปลคำปราศรัยของนายกสิงคโปร์มาให้ฟังกันครับ…
นายกหว่องกล่าวกับประชาชนสิงคโปร์ไว้ว่า…
“ พลเมืองสิงคโปร์ของผม..
ผมเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า โลกกำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่กำลังเป็นโทษกับชาติเล็กๆ ที่เปิดกว้างทางการค้าอย่างสิงคโปร์ หลายคนก็มีข้อสงสัยในมุมมองของผมอยู่ แต่ล่าสุด การประกาศ “วันแห่งเสรีภาพ” ของสหรัฐเรื่องภาษีก็ทำให้ไม่ต้องสงสัยกันอีกต่อไป
การประกาศดังกล่าวคือการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ยักษ์ของระเบียบโลก ยุคแห่งกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนของการค้าเสรีแห่งโลกาภิวัฒน์นั้นจบลงแล้ว เรากำลังเข้าสู่ยุคแห่งการกระทำตามอำเภอใจ ชาตินิยมและยุคแห่งความอันตราย หลายทศวรรษที่ผ่านมา สหรัฐเป็นเสาหลักแห่งการค้าเสรีของโลกมาโดยตลอด สหรัฐเป็นผู้นำให้เกิดการระบบการค้าที่มีกฎ กติกาชัดเจนหลายระบบ ซึ่งทำให้แต่ละประเทศสามารถมีการค้าที่เป็นประโยชน์ร่วม (win win) ได้
WTO (World trade organization) นำมาซึ่งเสถียรภาพที่มั่นคงและรุ่งเรืองทั้งโลกรวมถึงสหรัฐด้วย ระบบอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ สิงคโปร์และหลายชาติก็มีความพยายามจะช่วยกันปฏิรูปให้ระบบการค้าเสรีนั้นทันสมัยและดีขึ้นมาโดยตลอด แต่ที่สหรัฐประกาศล่าสุดไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นการละทิ้งระบบ WTO โดยสิ้นเชิงจากการประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ของแต่ละประเทศ
ถึงแม้ว่าสหรัฐจะประกาศมาตรการภาษีของสิงคโปร์อยู่ในระดับต่ำสุดคือ 10% ผลกระทบต่อสิงคโปร์อาจจะไม่มากในตอนนี้ แต่แรงกระแทกหลังจากนี้จะรุนแรงขึ้นมากเพราะถ้าแต่ละประเทศเลียนแบบสหรัฐ ไม่เอา WTO แล้วและตั้งกำแพงภาษีและการค้าตามใจชอบ หายนะจะตามมาโดยเฉพาะประเทศเล็กๆอย่างสิงคโปร์ ความเสี่ยงสูงมากที่สิงคโปร์จะถูกบีบอย่างหนักจนพินาศ
เราเตรียมคาดหวังได้เลยว่าจะมีการตอบโต้สหรัฐจากประเทศต่างๆ อย่างหนักหน่วง สิงคโปร์ตัดสินใจที่จะไม่ตอบโต้แต่ประเทศอื่นอาจจะไม่ได้ทำ แบบเรา แนวโน้มของสงครามการค้าเต็มรูปแบบมีสูงมาก ผลกระทบของภาษีที่สูงขึ้นทั่วโลกและความไม่แน่นอนของการตอบโต้ของแต่ละประเทศจะมีผลลบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจโลกแน่ มูลค่าการค้าโลกและการลงทุนจะหดหายและอัตราการเติบโตจะช้าลงอย่างมาก
สิงคโปร์จะโดนหนักกว่าชาติอื่นเพราะเศรษฐกิจเราขึ้นกับการค้าโลกกว่าใคร ครั้งสุดท้ายที่โลกเจออะไรแบบนี้นั้นคือช่วงปี 1930 ที่สงครามการค้านำไปสู่สงครามย่อยและในที่สุดก็กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สอง ไม่มีใครรู้เลยว่าสถานการณ์จะออกหน้าไหนในเดือนหรือปีที่จะถึง
แต่เราจะต้องมองด้วยตาที่ชัดเจนร่วมกันถึงภยันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลก สถาบันสำคัญของโลกอ่อนแอลงเรื่อยๆ มาตรฐานต่างๆก็ทยอยพังทลาย ประเทศหลายๆประเทศก็จะเริ่มเอาตัวเองรอดและเอาตัวเองเป็นหลักก่อน และจะใช้กำลัง ใช้แรงกดดันทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาตามที่ตัวเองต้องการ
นี่คือความจริงที่โหดร้าย เราก็จะต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น ต้องรีบสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายพันธมิตรของเราที่ยังมีแนวคิดคล้ายๆ กัน สิงคโปร์ยังพอได้เปรียบประเทศอื่นด้านทุนสำรอง ความสามารถในการทำงานร่วมกันและความมุ่งมั่นที่เรามี แต่เราต้องเตรียมรับแรงกระแทกจากวิกฤติที่กำลังจะมาถึง ความสงบและมั่นคงของโลกเดิมนั้นจะไม่กลับมาแน่ๆในระยะเวลาอันใกล้ เราคาดหวังไม่ได้แล้วว่ากฏระเบียบที่เคยช่วยปกป้องรัฐเล็กๆจะยังคงอยู่
ผมอยากจะแชร์เรื่องนี้กับทุกท่านเพื่อที่ทุกคนจะได้เตรียมตัวเตรียมใจ เพื่อที่เราจะได้ไม่ประมาท ไม่พลาดเพราะความไม่ใส่ใจ ความเสี่ยงครั้งนี้ชัดและแน่นอน เดิมพันก็สูงมาก หนทางข้างหน้าจะยากลำบากมากขึ้นมาก แต่ถ้าเรายังรวมพลังกันได้ สิงคโปร์ก็น่ายังรักษาตัวรอดได้ในโลกที่ปั่นป่วนและเละเทะนี้ได้ “
สิงคโปร์เขาเตือนกันระดับภัยพิบัติแห่งชาติกันแบบนี้ ยิ่งประเทศเล็ก ยิ่งโดนหนัก แล้วประเทศไทยนั้นอยู่ตรงไหนในเกมส์นี้ และจะรับมือภัยพิบัติระดับโลกแบบนี้กันอย่างไร แค่เบื้องต้นไม่ใช่เฉพาะแค่ส่งออกที่เป็นเส้นเลือดหลักของไทยจะอาการหนักแล้วคนค้าขายทั่วไปจะไม่กระทบ เพราะสินค้าที่เข้าสหรัฐไม่ได้จากประเทศต่างๆก็จะมาระบายแถวไทยในระดับที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่พูดถึงกำลังซื้อที่หดตัวอย่างหนักและรวดเร็ว และนักท่องเที่ยวที่หายไป เราไม่เคยเจออะไรกันแบบนี้มาก่อนแน่ๆ…
วิธีคิดที่ว่าไทยไม่เหมือนชาติใดในโลก มีวิถีแบบไทยๆเกรงว่าจะใช้ไม่ได้ในบริบทระดับนี้ สิงคโปร์เรียกร้องรวมพลังกันในชาติ ผู้นำเวียดนามตัดสินใจเด็ดขาดโทรคุยกับทรัมป์บอกว่าจะลดภาษีเป็นศูนย์เมื่อคืน ทุกประเทศมองสถานการณ์นี้อยู่ในระดับสงครามเต็มรูปแบบแล้ว
เมื่อเดือนที่แล้ว ช่วงที่มีข่าวว่าสหรัฐจะออกมาตรการทางภาษี ฮึ่มๆ กับจีนอยู่ มีผู้ถามผู้ใหญ่ในบ้านเมืองท่านหนึ่งในงานสัมมนางานหนึ่งว่า ไทยควรจะตอบโต้สหรัฐอย่างไรดี ท่านบอกว่า ไทยก็เหมือนยุง ตัวนิดเดียวในสายตาเขา คอยหลบให้ดีละกัน อย่าให้เขาเห็นแล้วรำคาญ… ดูท่าเราหลบไม่ทันแล้วในตอนนี้ โดนเข้าเต็มๆ กว่าใคร
เรากับสิงคโปร์ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ในมุมของมหาอำนาจ ฟังนายกสิงคโปร์ไว้ก็เหมือนไว้เตือนตัวเองเช่นกัน ว่าถ้าไม่รวมตัวกัน ผนึกกันให้ได้รอบนี้ มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน แก้ปัญหาของประเทศที่ควรจะต้องแก้อย่างจริงจังโดยเร็วและลดความคิดทางการเมืองลงทุกฝ่าย ภัยพิบัติระดับนี้จะมีผลมากกว่าที่เราคิดไปไกลมากแน่ๆ เลยนะครับ …
- 193
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
