5 เม.ย. เวลา 08:28 • ปรัชญา

ตายแล้วไปไหน?

-------------
มีคนถามท่านติช นัท ฮันท์ ว่า “คนเราตายแล้วไปไหน?”
ท่านตอบว่า ก้อนเมฆบนฟ้าไม่อาจเป็นเมฆตลอดไป ถึงจุดจุดหนึ่ง มันก็แปลงเป็นฝน หรือหิมะ หรือลูกเห็บ
มันไม่มีวันตาย มันเพียงแต่แปลงไปอยู่ในรูปอื่น
ท่านบอกยิ้มๆว่า ท่านเองก็จะไม่มีวันตายเช่นกัน
เพราะความตายเป็นเพียงการเปลี่ยนรูปเท่านั้น
ผม(วินทร์ เลียววาริณ) เขียนเรื่องสั้นนิยายวิทยาศาสตร์มา 40-50 เรื่อง ในบรรดาเรื่องสั้น
ไซไฟทั้งหมด มีเพียงเรื่องเดียวที่วนเวียนในหัวผมตลอด เป็นเรื่องที่ส่งแรงต่อชีวิตตัวเองมากที่สุด เพราะเรื่องนี้เป็นทั้งไซไฟและปรัชญาชีวิต
คือเรื่องสั้น "ภพสุดท้าย" ในชุด "เดือนช่วงดวงเด่นฟ้าดาดาว"
ในไซไฟเรื่องนี้ นักวิทยาศาสตร์ใช้วิทยาการใหม่ดึง ‘จิต’ ของตัวละครเอกไปใส่ในอณูของต้นถั่ว เมื่อถั่วต้นนั้นตาย อณูที่ประกอบเป็นต้นถั่วก็สลายแยก จิตเกาะไปกับอณูนั้นแล้ว ‘เกิดใหม่’ ในรูปใหม่ บางครั้งเป็นสิ่งมีชีวิต บางครั้งเป็นสิ่งไร้ชีวิต กลายเป็นส่วนหนึ่งของกุ้ง ปลา ต้นไม้ บ้าน ฯลฯ รูปแล้วรูปเล่า
จิตนั้นสามารถรับรู้ความรู้สึกของรูปใหม่ เดินทางเปลี่ยนรูปเปลี่ยนภพไปไม่สิ้นสุด จนเวลาของโลกยุติ โลกมนุษย์สิ้นสลายตามธรรมชาติของมัน จิตก็ยังคงเดินทาง เป็นธุลีดาวลอยล่องในดาราจักร เปลี่ยน ‘ภพ’ ไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งมันก็กลายเป็นรูปใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาว
แนวคิดของเรื่องสั้นเรื่องนี้ก็มาจากหลักพุทธ ที่มองว่าชีวิตเป็นเพียงการประชุมเข้าด้วยกันของธาตุต่างๆ เมื่อเลิกประชุม ชีวิตก็ยุติรูปนั้น ไม่มีอะไรซับซ้อน
เข้าใจดังนี้ก็จะไม่ฟูมฟายเมื่อเห็นความตาย เพราะมองความตายในอีกมุมหนึ่ง
หรืออาจมองได้ว่าจักรวาลไม่เคยมีความตาย มีแต่การกลายรูป
ในทางพุทธมีการบำเพ็ญกรรมฐานอย่างหนึ่งเรียกว่า "อสุภกรรมฐาน"
อสุภแปลว่า ซากศพ กรรมฐานหมายถึง อุบายทางใจ
อสุภกรรมฐาน แปลว่า กรรมฐานที่ยึดเอาซากศพเป็นอารมณ์ เพื่อให้เห็นความไม่เที่ยงของสังขาร
หลายคนได้ยินเรื่องนี้แล้วไม่อยากฟัง เพราะชวนแหวะ แต่ลองเปลี่ยนคำว่า ‘ซากศพ’ เป็น ‘กลุ่มอะตอม’ อาจทำให้รู้สึกขยะแขยงหรือน่ากลัวลดลง
คำว่าซากศพมีนัยของความสิ้นสุดเปลือกนอก เข้าสู่สภาวะเดิม เมื่อเข้าใจการเกาะเกี่ยวชั่วคราวเป็นกายหยาบของมนุษย์ ก็ทำให้เราลดความยึดมั่นถือมั่นลง
ทั้งอสุภกรรมฐานและการรวม-แยกของอะตอมก็มีหลักการเหมือนกันคือ ชีวิตเป็นการรวมกันและแยกกันของธาตุ เป็นวัฏจักร ทุกครั้งที่รวมกัน จะอยู่ในรูปใหม่
ในมุมมองนี้ ธรรมชาติจึงไม่มีการเกิดหรือการตาย มีแต่การเปลี่ยนรูป
เราทุกคนเป็น transformer แห่งจักรวาล
มองในมุมนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องยินดีเมื่อมีการเกิด
หรือเสียใจเมื่อมีการตาย
มันทำให้เราเข้าใจความตายใหม่
เราไม่เคยตาย เราแค่เปลี่ยนรูป
โฆษณา