ค่าฝึกอบรมและสัมมนาพนักงาน (สิทธิประโยชน์รายจ่ายทางภาษี) >>>
อย่างที่เราทราบกันดีว่า นิติบุคคล ที่มีการว่าจ้างพนักงานให้เข้ามาปฏิบัติงาน มักจะมีการจัดฝึกอบรมหรือพัฒนาศักยภาพของพนักงานของตนเอง เพื่อให้สอดคล้องและรองรับการเติบโตขององค์กร หรือ เป้าหมายขององค์กร ดังนั้น ประมวลรัษฎากรจึงได้กำหนดให้การฝึกอบรมพนักงานของนิติบุคคลได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มขึ้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาบุคลากร
โดยตามประมวลรัษฎากร ได้กำหนด การฝึกอบรมที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมจากที่ได้มีการจ่ายจริงอีก 1 เท่า ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทการฝึกอบรม ได้แก่
1.การฝึกอบรมจากหน่วยงานภายนอก (Public) เช่น มหาวิทยาลัย, นิติบุคคลภายนอกเป็นผู้จัดฝึกอบรม โดยจะต้องมีลักษณะเป็นการจัดฝึกอบรมเป็นการทั่วไป นิติบุคคลที่รับการฝึกอบรมที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะต้องมีการส่งพนักงานออกไปฝึกอบรมกับหน่วยงานภายนอก โดยมีเงื่อนไข เช่น การฝึกอบรมต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์กับกิจการ, เป็นการฝึกอบรมภายในประเทศ, มีหลักฐานใบเสร็จรับเงินที่จ่ายให้นิติบุคคลภายนอกเป็นผู้จัดฝึกอบรม, มีการจัดทำรายงานการฝึกอบรมตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด เป็นต้น
(รายละเอียดเชิงลึกเงื่อนไขอื่น ๆ ทั้งหมดสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ตาม ประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง การกำหนดสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมฝีมือแรงงานที่รับลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเข้าศึกษาหรือฝึกอบรม)
2.การฝึกอบรมจากหน่วยงานภายใน (In-house) เช่น การว่าจ้างวิทยากรจากภายนอก เข้ามาทำการฝึกอบรมหลักสูตรตามที่ นิติบุคคลผู้รับการฝึกอบรมสนใจ รวมถึง รายจ่ายอื่น ๆ เพื่อทำให้การฝึกอบรมบรรลุเป้าหมาย ได้แก่ ค่าเอกสารอบรม, ค่าอุปกรณ์หรือเครื่องมือประกอบการฝึกอบรม, ค่าอาหาร ระหว่างช่วงพัก หรือ อาหารกลางวัน เป็นต้น
โดยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมจะสามารถนำมาใช้หักค่าใช้จ่ายทางภาษีเพิ่มเติมได้เท่าไหร่จากที่จ่ายไปจริง จะต้องได้รับการพิจารณาจาก กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และออกหนังสือรับรองมาให้ ซึ่งโดยปกติส่วนใหญ่ในทางปฏิบัติหน่วยงานภายในที่ทำหน้าที่ติดต่อประสานงาน จะเป็น HR (ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ที่ดูแลด้านการฝึกอบรม)
(อ้างอิง พรฎ.ฉบับที่ 437 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 148)
ส่วนสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับรายจ่ายในการฝึกอบรมจากหน่วยงานภายใน แบบเป็นช่วง ๆ หรือ เป็นการกำหนดในแต่ละปี
เช่น การจัดฝึกอบรมสัมมนาภายในประเทศในจังหวัดท่องเที่ยวรอง จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมอีก 1 เท่า หรือ ในจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดท่องเที่ยวรอง อีก 0.5 เท่า ไม่ว่าจะเป็นค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าเดินทาง (ที่จ่ายให้บริษัทขนส่ง) หรือ ค่าบริการที่จ่ายให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์เพื่อการอบรมสัมมนา ที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ถึง 30 พฤศจิกายน 2567 และได้รับใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์กรณีจ่ายค่าขนส่ง เป็นต้น
(อ้างอิง พรฎ.ฉบับที่ 792 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568)
จะเห็นได้ว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับค่าฝึกอบรมและสัมมนาพนักงาน จะมีแบบกฎหมายที่ใช้ตลอดไป (แบบ Public และ แบบ In-house ตามข้อ 1 และข้อ 2) ส่วนสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับรายจ่ายในการฝึกอบรมแบบเป็นช่วง ๆ หรือ กำหนดในแต่ละปี จะเป็นแบบ In-house ซึ่งในส่วนนี้หากจะใช้สิทธิประโยชน์จะต้องมีการติดตามและ update กฎหมายภาษีกันในแต่ละปีนะคะ
#VIStylebyMooduang #สำนักงานกฎหมายภาษีสยามลอว์ #สิทธิประโยชน์ทางภาษี #ค่าฝึกอบรมและสัมมนาพนักงาน
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
