8 เม.ย. เวลา 13:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ควีนส์

Your Friendly Neighborhood Spider-Man: ตัวตนที่ทำให้เราเป็นเรา

แน่นอนว่าสำหรับแฟนๆ ที่ชื่นชอบ
ในเรื่องราวของการ์ตูนคอมมิคจากมาร์เวล
จะต้องรู้จักหนึ่งในซูเปอร์ฮีโร่ที่โด่งดัง
และเป็นที่รู้จักมากที่สุดตลอดกาล
เฉกเช่น “Spider-man” ได้เป็นอย่างดี
ซึ่งเรื่องราวของฮีโร่คนนี้ก็ถูกนำมา
ดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และแอนิเมชั่นกัน
อยู่หลายเวอร์ชั่นเลยทีเดียว
ที่ไม่ว่าจะถูกนำมาสร้างกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
การผจญภัยของสไปเดอร์แมน
หรือปีเตอร์ พาร์คเกอร์คนนั้นๆ
ก็จะมีความน่าสนใจในแบบฉบับของตัวเองอยู่เสมอ
รวมถึงอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดอย่าง
“Your Friendly Neighborhood Spider-Man”
ที่สามารถเล่าเรื่องราวของหนุ่มน้อยปีเตอร์
หลังได้รับพลังแมงมุมอันน่ามหัศจรรย์
ที่นำไปสู่เส้นทางการเป็นฮีโร่สวมหน้ากาก
ได้อย่างมีเสน่ห์และน่าสนใจอีกครั้ง
โดยจักรวาลของแอนิเมชั่นชุดนี้
มีความใกล้เคียงกับเรื่องราวใน MCU มาก
เช่นมีการอ้างอิงถึงสนธิสัญญาโซโคเวีย
ข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ Civil War
แต่จะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างออกไป
โดยเฉพาะเหล่าบุคคลที่มีบทบาทสำคัญ
ในชีวิตของปีเตอร์ พาร์คเกอร์นั่นเอง
ซึ่งจุดเริ่มต้นในการได้พลังแมงมุมของปีเตอร์นั้น
เกิดขึ้นอย่างน่าพิศวงโดยไม่ทันตั้งตัว
ในวันธรรมดาๆ ที่ รร.มัธยมของเขา
ได้มี “Doctor Strange” โผล่ออกมา
จากประตูมิติพร้อมกับสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว
ที่มีลักษณะคล้ายกับ Symbiote
หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Venom
โดยหมอแปลกพยายามจะจับ
เจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้กลับไปยังสถานที่ที่มันจากมา
ทว่าหนุ่มน้อยปีเตอร์ที่บังเอิญอยู่ในเหตุการณ์
สุดแสนอันตรายก็ได้รับลูกหลงเข้า
ซึ่งไม่ใช่ลูกหลงที่มาจากการต่อสู้
แต่เป็นการถูกกัดโดยแมงมุมอาบรังสี
ที่หลุดออกมาจากประตูมิตินั้นด้วย
ไม่นานเขาก็เริ่มเรียนรู้ถึงพลังพิเศษที่เพิ่งได้รับมา
และตัดสินใจใช้มันพดุงความยุติธรรม
เป็นเพื่อนบ้านที่แสนดีให้กับคน
ในชุมชนย่านควีนส์ของเมืองนิวยอร์ก
ที่ในช่วงเริ่มต้นนั้นปีเตอร์ก็ได้ใช้
ความเป็นเด็กเนิร์ดของเขา
ในการสร้างชุดยิงใยขึ้นมา
ด้วยงบประมาณในแบบ
ที่เด็กมัธยมคนหนึ่งจะจัดหามาได้
แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้บังเอิญไปช่วยชีวิต
ทายาทมหาเศรษฐีแห่งเมืองนิวยอร์ก
จากการเกือบถูกรถชน ซึ่งทายาทที่ว่า
ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น “Harry Osborn”
ลูกชายเพียงคนเดียวของ “Norman Osborn”
เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่
อย่างออสคอร์ป อินดัสทรี่นั่นเอง
โดยในจุดนี้เองที่ได้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
ให้กับเส้นทางการเป็นสไปเดอร์แมนของปีเตอร์
เพราะหลังจากที่สไปเดอร์แมน
ได้ช่วยชีวิตแฮรี่ในวันนั้น
ทำให้ผู้เป็นพ่ออย่างนอร์แมน
เกิดความสงสัยในตัวฮีโร่นิรนามรายนี้
และอยากทำความรู้จักกับผู้มีพระคุณ
ที่ได้ช่วยชีวิตลูกชายของเขาเอาไว้ให้มากขึ้น
จึงพยายามใช้อำนาจเส้นสายทุกอย่างที่มี
ในการค้นหาตัวจริงของสไปเดอร์แมนมาให้ได้
และในที่สุดเขาก็ได้พบกับปีเตอร์
ซึ่งนอร์แมนได้เชื้อเชิญให้เด็กหนุ่มมาฝึกงาน
ที่บริษัทออสคอร์ปของเขา
โดยให้เหตุผลว่าเขาเห็นถึงศักยภาพ
และความเป็นอัจฉริยะในตัวเป็นอย่างมาก
แต่แท้ที่จริงแล้วเขาแค่อยากทำความรู้จัก
กับตัวตนของสไปเดอร์แมนให้ใกล้ชิดมากขึ้น
และเมื่อปีเตอร์ตัดสินใจมาฝึกงาน
ที่ออสคอร์ปตามคำเชื้อเชิญนั้น
นอร์แมนก็ได้เริ่มแผนการของเขา
ในการจับตาดูปีเตอร์เอาไว้
และหวังว่าปีเตอร์จะเผยตัวตนลับ
ของเขาออกมาในสักวันหนึ่ง
ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปในแบบที่นอร์แมนคิดจริงๆ
เมื่อมีอยู่วันหนึ่งที่ปีเตอร์แอบเปลี่ยนชุด
เป็นสไปเดอร์แมนแล้วมีกล้องวงจรปิด
ในบริษัทแอบจับภาพนั้นเอาไว้ได้
นอร์แมนจึงเอาหลักฐานมาแสดงให้ปีเตอร์ดู
เพื่อเค้นเอาความจริงจากเขา
โดยเสนอกับปีเตอร์ว่าหลังจากที่ปีเตอร์
ช่วยชีวิตลูกชายของเขาเอาไว้
ก็อยากตอบแทนบุญคุณนั้น
และอยากช่วยพัฒนาศักยภาพบางอย่าง
ในตัวสไปเดอร์แมนด้วยเทคโนโลยี
ที่เขามีจากออสคอร์ปอินดัสทรี่
ซึ่งปีเตอร์ก็ตอบตกลงรับข้อเสนอนั้นอย่างช่วยไม่ได้
เพราะในเมื่อนอร์แมนล่วงรู้ตัวตนเขาแล้ว
ก็ไม่มีเหตุผลที่ปีเตอร์จะต้องปกปิด
หรือปฏิเสธมันอีกต่อไป
โดยนอร์แมนได้ให้ทีมนักวิทยาศาสตร์ของออสคอร์ป
ช่วยกันพัฒนาชุดใหม่ให้กับสไปเดอร์แมน
ด้วยการเพิ่มเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไปในชุด
ให้ทั้งน่าเกรงขามและมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น
จนในที่สุดสไปเดอร์แมนโฉมใหม่ในเวอร์ชั่น
ที่ได้รับการอัปเกรดแล้วก็เริ่มออกปฏิบัติการ
ทำหน้าเป็นเพื่อนบ้านที่แสนดีอีกครั้ง
แต่ปีเตอร์ก็ได้มาพบกับความจริงที่ว่าชุดต่างๆ
ที่นอร์แมนจัดทำให้เขานั้น
ล้วนแล้วแต่มีความซับซ้อนและใช้งานยากเกินไป
จนทำให้เขาเจอกับปัญหา
ในการต่อกรกับเหล่าวายร้าย
มิหนำซ้ำชุดเหล่านี้ก็มีลวดลายสีสัน
ที่รู้สึกว่ามันขัดกับตัวตนไอ้แมงมุม
ในแบบที่เขาจินตนาการเอาไว้
อยู่มาวันหนึ่งปีเตอร์ก็ได้รับมอบหมาย
จากนอร์แมนให้ไปคุ้มกันตึกออสคอร์ป
ที่ดูเหมือนว่ามีใครบางคนสามารถ
เจาะระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไป
ขโมยบางอย่างภายในนั้นออกมาได้
และในที่สุดสไปดี่ก็ได้พบกับฮีโร่อีกคน
ในเมืองนิวยอร์กแห่งนี้นามว่า “Daredevil”
ซึ่งในตอนนั้นเด็กหนุ่มยังไม่รู้ถึง
เจตนาที่แท้จริงของบุคคลลึกลับรายนี้
และมองว่าเขามีเจตนาที่ไม่ดี
ในการบุกเข้ามายังตึกออสคอร์ปอย่างแน่นอน
ทั้งคู่จึงเกิดการต่อสู้กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดย Daredevil พยายามจะอธิบาย
กับปีเตอร์ว่าเขานั้นไม่ได้มี
เจตนาร้ายแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการ
นำข้อมูลลับบางอย่างออกไป
เผยแพร่สู่สาธารณชนเท่านั้น
เพราะความเป็นจริงแล้ว
ออสคอร์ปอินดัสทรี่แห่งนี้มีความลับ
อันแสนชั่วร้ายปกปิดเอาไว้
และไม่ได้เป็นองค์กรที่ทำ
คุณงามความดีให้สังคมอย่างที่ปีเตอร์เข้าใจ
ก่อนที่ปีศาจแห่งเฮลส์ คิทเช่น
จะสามารถเอาชนะไปได้
ด้วยประสบการณ์ที่เก๋าเกมมากกว่า
จากนั้นปีเตอร์ก็ได้กลับไปทบทวน
ถึงสิ่งที่ Daredevil ได้บอกกับเขา
และพยายามค้นหาความจริง
เกี่ยวกับออสคอร์ปอินดัสทรี่
โดยในขณะนั้นเองนอร์แมน
ได้ซุ่มทดลองทำโปรเจคลับบางอย่าง
กับทีมนักวิทยาศาสตร์ของออสคอร์ป
ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่จะพลิกโฉมโลก
ไปอย่างสิ้นเชิงหากเขาทำสำเร็จ
และผลงานที่ว่านั้นก็คือการสร้างประตูมิติ
ที่จะสามารถข้ามไปยังโลกอื่นที่เชื่อว่า
จะทำให้มนุษยชาติได้ค้นพบกับทรัพยากรใหม่ๆ
ในขณะที่นอร์แมนพยายามเปิดประตูมิติให้สำเร็จ
ดอกเตอร์ สเตรนจ์ ก็ได้โผล่มา
กลางห้องทดลองอย่างไม่คาดคิด
โดยเขาได้ขอให้นอร์แมน
อย่าเปิดประตูมิตินี้เด็ดขาด
เพราะมันอาจนำมาซึ่งสิ่งมีชีวิตจากต่างโลก
ที่เราไม่ทราบถึงความอันตราย
แต่นอร์แมนก็ไม่สนใจคำเตือน
เพราะความโลภที่เขาต้องการ
จะทำให้สำเร็จ และเชื่อว่า
มันจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
ที่ทำให้ออสคอร์ปอินดัสทรี่
ก้าวข้ามบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำรายอื่นๆ อย่างไร้ที่ติ
ในที่สุดประตูมิติก็ได้เปิดออก
และมันก็นำมาซึ่งสิ่งมีชีวิตสุดแสนสะพรึง
อย่างที่ ดอกเตอร์ สเตรนจ์ เตือนไว้จริงๆ
ปีเตอร์ที่อยู่ในเหตุการณ์จึงตระหนักได้แล้วว่า
นอร์แมนและออสคอร์ปอินดัสทรี่
ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด
จึงสวมชุดเป็นสไปเดอร์แมนอีกครั้ง
ที่ในคราวนี้มันคือชุดสไปเดอร์แมน
ในแบบที่ทุกคนคุ้นเคย
และเป็นสไปเดอร์แมนในแบบ
ที่เขาอยากจะเป็นจริงๆ
โดยปีเตอร์ได้ร่วมมือกับจอมเวทย์สูงสุด
ในการขับไล่เจ้าสิ่งมีชีวิตต่างโลกนี้
กลับไปยังมิติของมัน
ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยมาก่อน
เพราะมันก็คือเจ้า Symbiote
หรือ Venom ที่โผล่มาในตอนแรก
จนเขาถูกแมงมุมอาบรังสีกัด
ทำให้ได้รับพลังแมงมุมมา
ปีเตอร์จึงเข้าใจได้ทันทีว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหมือน
กับลูปเวลาที่วนเวียนไม่รู้จบสิ้น
ซึ่งในท้ายที่สุดสไปเดอร์แมน
และ ดอกเตอร์ สเตรนจ์ ก็สามารถ
ร่วมมือกันขับไล่เจ้า Symbiote
กลับไปยังมิติของมันจนได้
อย่างแทบเอาชีวิตไม่รอด
และทำให้ออสคอร์ปอินดัสทรี่
จะต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
หลังจากความล้มเหลวในครั้งนี้แน่นอน
โดยหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาสู่สภาวะปกติ
ดอกเตอร์ สเตรนจ์ ก็ได้พูดกับปีเตอร์
เพื่อเป็นการขอบคุณ ซึ่งหนุ่มน้อยที่รู้ว่า
หมอแปลกเป็นมหาจอมเวทย์
จึงพยายามถามเกี่ยวกับอนาคต
และชะตาชีวิตของเขา
ว่าจะต้องพบเจอกับอุปสรรค
หรือประสบความสำเร็จยังไงบ้าง
เพราะหากบอกเขาได้
มันก็อาจทำให้สามารถเตรียมตัว
รับมือกับสิ่งที่จะต้องเผชิญได้ดียิ่งขึ้น
ก่อนที่ ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ จะบอกว่า
เขาคงไม่สามารถช่วยปีเตอร์ในเรื่องนั้นได้
เพราะหากบอกอนาคตให้รู้
สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นบางอย่าง
ก็อาจมีชะตาลิขิตที่เปลี่ยนแปลงไป
อย่างที่ไม่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตามเขาก็เชื่อว่า
ปีเตอร์จะพร้อมรับมือกับทุกอย่าง
ที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตการเป็นฮีโร่
โดยไม่ต้องพึ่งพลังเวทย์มนต์ใดๆ ของเขาเลย
พร้อมเข้าประตูมิติจากไป
ทิ้งให้หนุ่มน้อยปีเตอร์ได้ครุ่นคิด
ถึงบทเรียนที่พยายามมอบให้เขา
และนั่นก็เริ่มทำให้ปีเตอร์ตระหนักได้แล้วว่า
การที่ ดอกเตอร์ สเตรนจ์ ไม่ยอมบอก
ให้เขาล่วงรู้ถึงอนาคตของตัวเอง
รวมถึงบอกว่าเขาจะพร้อมเผชิญ
ทุกอย่างที่จะเข้ามานั้น
ก็หมายถึงการที่ตัวเขาได้เรียนรู้
เติบโตในการเป็นปีเตอร์ พาร์คเกอร์
และสไปเดอร์แมนที่ดี เข้มแข็งขึ้นอยู่เสมอ
เพราะไม่ว่าข้อผิดพลาด
หรือปัญหาแบบไหนที่เขาได้พบเจอ
ก็ล้วนแล้วแต่เป็นบทเรียนที่สอน
ให้กลายมาเป็นตัวเขาในวันนี้ต่อไป
ไม่ว่าจากนี้จะต้องเผชิญกับอุปสรรค
หรือวายร้ายที่สุดแสนอันตรายแค่ไหน
ทุกสิ่งก็จะหล่อหลอมให้ปีเตอร์ พาร์คเกอร์
และสไปเดอร์แมนเติบโต แข็งแกร่งขึ้น
ในแบบที่ควรจะเป็น และไม่ว่าอะไร
ที่พุ่งผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา
ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตาม
มันล้วนแล้วนำมาซึ่งตัวตน
ที่ทำให้เราเป็นเรา,,, 🕸️🕷️
เขียนโดย: แอด A มิตรสหายที่แสนดีจากดาวอันไกลโพ้น
โฆษณา