6 เม.ย. เวลา 15:39

ทบทวนสะท้อนคิด พัฒนาการของการค้าระหว่างประเทศในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา เรื่อง #การค้าเสรี กับ #มหามิตร

กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ผู้ประท้วงรวมตัวกันกว่า 1,400 จุด ทั้ง 50 รัฐ คนจำนวนนับล้านออกมาบนถนน แบบที่ไม่เกิดขึ้นบ่อย...
Reflections: พัฒนาการของการค้าระหว่างประเทศในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา
เมื่อมองย้อนกลับไปในเส้นทางของการศึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เราจะเห็นชัดเจนว่าหลักการพื้นฐานที่ครอบงำแนวคิดด้านการค้าตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา คือ #การค้าเสรี Free Trade อันเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ
ยุคแห่งความหวัง: การก่อตัวของระบบการค้าเสรี
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกเข้าสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ความร่วมมือระหว่างประเทศจึงมีความสำคัญมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการก่อตั้ง GATT (General Agreement on Tariffs and Trade) ในปี 1947 ที่ปูทางสู่ WTO (World Trade Organization) ในปี 1995 หรือการรวมกลุ่มของประเทศต่างๆ เช่น EU, ASEAN, APEC ที่ต่างมุ่งสู่การลดกำแพงภาษี และขจัดอุปสรรคต่อการค้าระหว่างกัน
แนวโน้มดังกล่าวถูกขับเคลื่อนด้วยแนวคิดจากฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลักดันอย่างแข็งขันในเวทีโลก ไม่ว่าจะเป็นในแง่นโยบาย เศรษฐกิจ หรือกฎเกณฑ์ด้านทรัพย์สินทางปัญญา
เป็นการกีดกันที่แอปแฝง Barriers in Disguise
แม้จะมีเป้าหมายเพื่อเปิดเสรี แต่ในทางปฏิบัติ #การกีดกันทางการค้า ไม่เคยหายไป มีแต่แปลงโฉมให้ซับซ้อนขึ้น การใช้ภาษีนำเข้าแบบเดิมอาจถูกแทนที่ด้วยมาตรการทางเทคนิค เช่น
- การกำหนดมาตรฐานสินค้าอย่างเข้มงวด
- การควบคุมสิทธิบัตร ทรัพย์สินทางปัญญา
- การอ้างเหตุด้านแรงงาน หรือสิ่งแวดล้อม เช่น แรงงานเด็ก หรือ carbon emissions
- การให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ผลิตในประเทศ
กระบวนการเหล่านี้ล้วนแฝงแนวโน้มชาตินิยมทางเศรษฐกิจ ซึ่งแม้จะไม่ขัดหลัก WTO อย่างชัดเจน แต่ก็สร้างแรงกดดันต่อประเทศกำลังพัฒนา
Turning Point: จากเสรีนิยมสู่ชาตินิยม
ปี 2025 กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าตกใจ เมื่อสหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจ ผู้นำการค้าเสรีกลับหันมาใช้นโยบาย Reciprocal Tariff อย่างเปิดเผย ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับตนเองอย่างชัดแจ้ง
นโยบายนี้ถือเป็นการกีดกันทางการค้าอย่างเปิดเผย แตกต่างจากแนวทางที่ใช้มาในหลายทศวรรษ เป็นสัญญาณว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคที่แนวคิด "ความมั่นคงทางเศรษฐกิจภายในประเทศ" เริ่มแซงหน้า "ความร่วมมือระดับโลก"
คำถามแห่งยุคสมัย
เรากำลังเผชิญกับคำถามสำคัญว่า:
- การค้าเสรียังมีอนาคตหรือไม่?
- การพึ่งพาเศรษฐกิจระหว่างกันกลายเป็นความเสี่ยงมากกว่าผลดีแล้วหรือ? อะไรคือความหมาย คำจำกัดความของคำว่า #มหามิตร ?
- ประเทศกำลังพัฒนาจะรักษาความสามารถในการแข่งขันได้อย่างไร เมื่อเงื่อนไขการค้าโลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง?
บทสรุป ณ เวลานี้ คงไม่พ้นเรื่องการปรับตัว
การเปลี่ยนแปลงในวันนี้อาจไม่ใช่จุดจบของการค้าเสรี แต่อาจเป็นการเข้าสู่รูปแบบใหม่ที่ต้องใช้ความยืดหยุ่น ความเข้าใจทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเจรจาอย่างชาญฉลาดมากขึ้นกว่าเดิม
การสะท้อนความเปลี่ยนแปลงของการค้าโลกในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ทำให้เราตระหนักถึงวงจรของความคิดทางเศรษฐกิจ แต่ยังเตือน ตอกย้ำให้เรารู้ว่า #ความร่วมมือ ไม่ได้เกิดจากหลักการเพียงอย่างเดียว หากแต่หมายถึงการกระทำ การลงมือทำอะไรบางอย่างร่วมกันเพื่อประโยชน์ของทั้งทุกฝ่าย โดยต้องอาศัยความไว้วางใจ และเจตจำนงร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
#การค้าเสรี
โฆษณา