11 เม.ย. เวลา 04:15 • นิยาย เรื่องสั้น
มหาวิทยาลัยโมนาช

จากบ้านหินกองสู่ Clayton #8/14

[------สอบ IELTS ครั้งที่สอง------]
ผมเรียนระดับ General อยู่ราว 3 เดือนก็มีการสอบ IELTS
การสมัครสอบทำที่ไหนจำไม่ได้แล้ว แต่เวลาสอบต้องไปสอบที่สถาบันสอบของเขา คือ Hawthorn-Melbourne English Language Center อยู่เกือบใจกลางเมืองห่างจาก Clayton ราว 30 กม. ต้องขึ้นรถไฟไปลงสถานี Auburn หรือเปล่าไม่รู้แล้วเดินไปนิดเดียว
มันเป็นการสอบที่น่าตื่นเต้นสำหรับผม เพราะต้องเจอกับผู้สอบต่างชาติเก่ง ๆ ที่เราจะถูกเปรียบเทียบในการประเมินคะแนนด้วย และผมก็เพิ่งเรียนชั้น General มาเพียง 3 เดือนเท่านั้น
แล้วผลที่ได้ก็ตามคาดคือการสอบครั้งที่สองครั้งนี้ไม่ผ่าน ผมหาใบคะแนนสอบไม่ได้ คิดว่าน่าจะได้ 5.5 ที่ยังไม่พอเข้าโมนาชได้
[----ทุ่มเทกับ IELTS ครั้งต่อไป------]
หลังจากนั้นไม่นานผมก็เลื่อนไปเรียนที่ชั้น EAP 1 – English for Academic Purpose เป็นหลักสูตรเตรียมสอบ IELTS หรือพวกที่สอบได้แล้วแต่ต้องการเตรียมภาษาให้แน่นก่อนที่เข้าเรียนจริง
EAP แบ่งเป็น 2 ห้อง ๆ ละประมาณ 20 คน คือ EAP 1 – EAP 2 ห้องผมจะมีคนไทย 4 คน คือ ผม, อ้อ-ณัฐดา, สโนว์-ดวงพร, เปิ้ล-พรรณรายณ์
นักเรียน EAP 1 ถ่ายกับมอรีน
การเรียน EAP นั้นเข้มข้นไม่เฮฮาเหมือนช่วงเรียน General ในห้องจะมีแต่คนเก่ง เช่น พวกเวียดนามนี่มาเกือบครบเลย ที่เหลือก็คละกัน พวกนี้หลายคนเป็นนักเรียนทุน
รูปนี้ไม่เกี่ยวกับผม แต่ผมทึ่งในฝีมือคนวาด คือ ปู-ศิริกุล ที่เขาเรียนก่อนหน้าผม 1 เทอม ตอนที่ผมเรียน EAP 1 ปู ก็เรียน MBA อยู่
ช่วงนี้ผมก็จะมีคนที่สนิทเพิ่มขึ้นก็คือ Ami Ek เหมือนที่บ้านจะรวย เขาจะสนิทกับ แบ๋ม, แก้ว, ต้า ด้วย ผมไปเที่ยวและไปกินข้าวที่บ้านเขาบ่อยเพราะบ้านเขาจะอยู่ริมถนน Wellington ตรงข้าม U. ซึ่งไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่
ห้อง Ami อยู่ชั้นสอง ตึกหลังนี้ ริมถนน Wellington ค่อนไปทางสี่แยก
Ami Ek เช่าอยู่บ้านเดียวกับ “ราหะดี” ดาวร้ายย้อนยุคที่หัวใส่น้ำมันเยิ้ม ผอมสูง ชอบใส่รองเท้าหนังหัวแหลม เป็นลูกนายพลทหาร มาเรียนขับเครื่องบิน ไม่ได้เรียนที่โมนาช เขาลือกันว่ารวยมากจากการที่เคยไม่อยากซักกางเกงในแล้วใช้วิธีโยนของเก่าทิ้งแล้วซื้อกางเกงในใหม่มาใส่แทน
ถ่ายกับ Ami
ช่วงสามเดือนที่เรียน EAP พวกเราต้องทุ่มเททั้งในชั้นและการฝึกฝนเองที่บ้าน สิ่งที่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับนักเรียนไทยทุกคนจะเป็นส่วนของ Writing หรือบางคนจะพ่วงส่วนของ Speaking มาด้วยที่เป็นจุดบอด
สำหรับผม แม้จะอ่านมติชนและดูทอฝันกับมาวิน แต่ส่วนของ Speaking ก็พอจะถูไถได้พอใช้ ผมจึงเน้นฝึกแต่เรื่อง Writing โดยปัญหาของผมก็คงเหมือนคนอื่นก็คือ “เวลา” ที่มันสั้นเกินไปที่จะเขียนทัน
ชั้นเรียน EAP จะมีการทดสอบ IELTS หลาย ๆ ครั้งเพื่อให้พวกเราคุ้นชินกับการสอบจริง ส่วนของ Writing ยากตรงที่ว่าเราต้องเขียนบทความสั้น ๆ ให้มีโครงสร้างและเนื้อหาที่ดี ในเวลาสั้นๆ ตัวอย่างเช่น :
Some people think that zoos are all cruel and should be closed down. Others however believe that zoos can be useful in protecting wild animals.
Discuss both opinions and give your own opinion.
จากตัวอย่างข้างบน แม้แต่ให้เราเขียนเป็นภาษาไทยบางทีก็ยังคิดไม่ออก ต้องเป็นคนที่ผ่านโลกมาพอสมควรถึงจะพอมีไอเดียที่จะเขียนอะไรลงไปได้ เวลาที่ต้องเขียนให้เสร็จคือ 1 ชั่วโมง ตอนหัดเขียนแรก ๆ นี่ผมเขียนไม่ทันเลย
และถ้าเขียนไปผิดทิศทางนี่อาจจะได้ 0 คะแนน
ผมเคยเจอตอนทดสอบในชั้นเรียน โดยเขาให้ออกความเห็นเกี่ยวกับ sound quality กับเรื่อง commuter ซึ่ง sound ตัวแรกหมายถึง well, healthy ผมก็ใส่วิญญาณโปรแกรมเมอร์ไปอธิบายถึง “เสียง” ที่มาจาก sound card ในคอมพิวเตอร์
ส่วนหัวข้อ commuter ผมก็ดันไปอวดฉลาดเขียนบอกว่าว่าอาจารย์เขียนโจทย์ผิด ที่ถูกต้อง ๆ เป็น computer แล้วก็บรรยายเป็นวรรคเป็นเวรอย่างมั่นใจ
ผมออกมาคือได้คะแนน 0 ทั้งสองหัวข้อ ไม่ว่าจะเขียนได้สละสลวยน่าเชื่อถือแค่ไหนก็ตาม
[------ร้อนแรกที่ Clayton------]
ในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนั้นเป็นฤดูร้อนสลับกับเมืองไทย อากาศที่นั่นจะร้อนแบบแห้ง ๆ อุณหภูมิต่ำสุดในตอนกลางคืนน่าจะราว 15 องศาเซลเซียส แล้วไปร้อนมากในตอนกลางวันที่เคยถึง 40 องศา
Hargrave-Andrew Library ตอนหน้าร้อน ที่อากาศร้อนแห้งจนหญ้าตายเกือบหมด
การที่อากาศแห้งทำให้สนามหญ้าแต่ละบ้านแห้งตาย มีการประกาศทางทีวีขอให้ประชาชนงดรดน้ำสนามหญ้าเพื่อเป็นการประหยัดน้ำด้วย
ช่วงนั้นผมทั้งเรียนหนักแล้วก็ยังเล่นเทนนิสหนักด้วย ผมเล่นหนักจนทั้งผอมทั้งดำ พอกลับมาก็มีเพื่อนที่เมืองไทยทักว่าเอ็งไปเรียนเมืองนอกหรือไปทำนามา
มีอยู่เย็นหนึ่งต้นเดือนธันวาคม 37 หลังจากเดินไปส่งแบ๋ม ผมก็เดินกลับบ้านที่ถนน Morton ระหว่างทางกลับบ้านผมก็เห็นพวกฝรั่งที่ส่วนมากจะเป็นนักศึกษาที่อยู่แถวนั้นพากันเดินออกมารับลมตามริมถนน Wellington มีผู้ชายหลายๆ คนใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ และก็ถอดเสื้อเดิน ถ้าเป็นเมืองไทยนี่มันไม่ปกติแล้ว
แล้วผมก็ได้มีประสบการณ์ใหม่ ผมก็เอากับเขามั่ง ถอดเสื้อยืดออกเดินทำเนียนไปกับพวกเขา เดินไปจนถึงทางเลี้ยวเข้าถนน Morton แล้วผมก็ใส่เสื้อกลับเหมือนเดิม กลัวเจอคนไทยไง ถนนนั้นคนไทยหลายคน
[-----สอบ IELTS ครั้งที่สาม-----]
ผมได้เข้าสนามสอบจริงอีกครั้งที่ Hawthorn เป็นการสอบ IELTS ครั้งที่สามของผมในวันที่ 14 ธันวาคม 37 คราวนี้ผมมั่นใจมากกว่าเดิมเพราะเตรียมพร้อมในตอนเรียน EAP มาอย่างเต็มที่
พอได้ทำสอบจริงผมก็คิดว่าทำพอใช้ได้ มีลุ้นอยู่นะ
16 ธันวาคม 37 ผมก็ได้รับผลสอบ IELS แจ้งมาทางไปรษณีย์ว่า คะแนนรวมผมได้ 6.0 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ขั้นต่ำที่โมหนาดจะรับพอดี แต่.........
ผลสอบ IELTS ครั้งที่ 3
ข้อกำหนดของโมหนาดนอกจากจะต้องได้คะแนนรวม 6.0 แล้ว คะแนนส่วนย่อยต้องได้ไม่ต่ำกว่า 6.0 ด้วย
คะแนนที่ผมได้ก็คือ Reading 8, Writing 5, Listening 6.5, Speaking 5
มึนตึ้บเลย เพราะครั้งที่แล้ว Speaking ผมได้ 6 ทั้งๆ ที่ผมมาเรียนที่นี่ 6 เดือนแล้ว และผมรู้สึกว่าผมพูดดีขึ้นด้วยซ้ำ
ผลสอบ IELTS ครั้งที่ 3 ขยายผลให้ดูง่าย
ผมคิดว่าสาเหตุที่ผมได้ Speaking แค่ 5 น่าจะเป็นเพราะการตัดสินคะแนนถูกกำหนดด้วยความรู้สึกของคนตัดสินเพียงคนเดียวและยังมีคนที่เก่ง ๆ มาเปรียบเทียบด้วย และข้อสอบก็ไม่ได้เป็นแบบปรนัยที่มีข้อถูกข้อผิดชัดเจน
ผมโทร.กลับไปที่ Hawthorn บอกเขาว่าอยากให้เขาพิจารณาตรวจข้อสอบของผมใหม่ เขาก็ให้ผมเขียนคำร้องเป็นจดหมาย ผมก็เขียนจดหมายไป รออีกราว 1 สัปดาห์ ทาง Hawthorn ก็ตอบยืนยันผลสอบเดิม
ว้าวุ่นละทีนี้ .........
โฆษณา