11 เม.ย. เวลา 02:00 • นิยาย เรื่องสั้น
มหาวิทยาลัยโมนาช

จากบ้านหินกองสู่ Clayton #11/14

[------ที่นั่นเขาใช้เวลาว่างกันอย่างไรนะ------]
Clayton ที่ผมอยู่มีเนื้อที่ราว 7.7 ตารางกิโลเมตร ประชากรน่าจะราวหมื่นต้น ๆ ในตอนนั้น ที่นี่เป็นสถานที่ ๆ มีอุตสาหกรรมไฮเทคอยู่หนาแน่นที่สุดของรัฐ Victoria มีสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่สิบกว่าแห่ง ส่วนมากอยู่ใกล้กับ Monash U.
แต่ถ้าเทียบกับกรุงเทพฯ แล้วมันต่างกันลิบลับ ลองนึกภาพดูว่าถ้าคุณเดินออกมานอกบ้านในวันเสาร์-อาทิตย์ แล้วมองออกไปที่ถนนในซอยหน้าบ้านหรือถนนใหญ่ คุณแทบจะไม่เห็นแม้แต่รถหรือคนสักคน บางทีการมองหากระต่ายป่าหรือวัลลาบี้ยังง่ายกว่าซะอีก
Clayton suburb ที่ผมอยู่ ส่วนตัวเมือง Melbourne อยู่ด้านซ้ายบน
ในวันธรรมดาจะมีคนออกมาเดินทางทำงานบ้าง รถเมล์จะหยุดเดินรถประมาณ 6 โมงเย็น ส่วนรถ Taxi ต้องโทรเรียก แทบทุกบ้านจะมีรถยนต์เพราะหวังพึ่งรถสาธารณะได้ยาก อย่างน้อยก็ต้องมีจักรยาน คนทำงานล้างจานร้านอาหารก็จะขับรถเก๋งไปทำงาน
โทรทัศน์ก็ไม่มีรายการอะไรน่าดู ยังไม่ต้องพูดถึงว่าดูแล้วไม่ค่อยรู้เรื่องอีกต่างหาก
อินเทอร์เน็ตก็ไม่มีให้เล่นที่บ้าน ต้องไปเล่นที่ u. ซึ่งขณะนั้นการแชทหรือ email ก็ยังเป็นแบบข้อความหน้าจอดำ ๆ หรือเรียกว่าเป็น text mode ส่วน Browser สวยๆ อย่าง Netscape ก็เพิ่งออกมาตอนปี 2539
[------เรื่องกินเรื่องใหญ่------]
เมื่อมีเวลาว่าง ทางเลือกของพวกเราส่วนใหญ่อันดับแรกคือการหาของกิน ถ้าจะกินแบบเฝอร้านเวียดนาม ก็จะเป็นร้านที่ Springvale หรือถ้ามีเวลาพอก็จะเข้าเมืองไปกินที่ Food court ที่เราจะกินกันประจำที่ร้าน “อ๋อง” เจ้าของร้านไม่ใช่คนไทย แต่มีอาหารไทยพอใช้ได้ ราคาไม่แพง
ถ้ามีความพยายามเพิ่มขึ้น พวกเราก็จะไปกินที่ร้าน Thai Victoria Café ที่มีทีเด็ดที่ส้มตำ-ไก่ย่าง ลาบ แต่ต้องต่อรถรางไปอีกประมาณ 4 กม.จากสถานี Flinders Street อาหารก็จะแพงขึ้นมาหน่อย ควรกินกันหลายคนถึงจะคุ้ม
ร้านสีเหลือง คือ Thai Victoria Cafe เดิม ด้านบนเป็นภาพเมื่อปี 2023 กลายเป็นห้องร้างไปแล้ว
ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ เจ้าของร้านชื่อ "พี่สุ" อยู่เลขที่ 249 Victoria St. พื้นที่แถวนั้นเขาเรียก North Richmond จนพวกเราชินกับการชวนกันว่า "ไปกิน Richmond กันมั้ย" เป็นที่รู้กันว่าคือร้านนี้ ร้านนี้ดูจาก Google Map 2023 ร้างไปแล้ว
ส่วนร้านข้างๆ เลขที่ 247 เดิมเป็นเอเยนต์ขายตั๋วเครื่องบินชื่อ Worldvision Travel ที่ผมเคยซื้อตัวกลับ 18 ธันวาคม 37 บินกลับไทยพร้อม จอย-ชนกวรรณ และ รัตน์-รัตนา ตอนปี 2003 ก็กลายเป็นร้านขายของชำ
ในโอกาสพิเศษ เช่น เลี้ยงวันเกิด เราก็จะไปกินร้านอาหารไทยในตัวเมืองที่สถานที่หรู ราคาก็แพงขึ้นไปอีก ความอร่อยก็พอใช้ได้
ที่จริงพวกน้อง ๆ ส่วนมากเขาจะกินอาหารฝรั่งได้เขาก็จะมีตัวเลือกมากกว่านี้
สำหรับผมนอกจากอาหารไทยที่พูดถึงก็จะมีอาหารญี่ปุ่นด้วย ร้านที่กินบ่อยน่าจะอยู่ใน Chadstone Shopping Center เป็น sushi bar เล็กๆ ที่ผมชอบมิโซซุปและชาเขียวข้าวคั่วเป็นพิเศษ
ชื่อร้านอะไรจำไม่ได้ อาจจะเป็น "เจ้าพระยา" หรือ "พาทีไทย"
[------ดูหนังดูละคร------]
กิจกรรมที่นิยมทำอีกอย่างคือการดูเช่าวิดีโอมาดู ถ้าเป็นเรื่องละครหรือหนังไทยก็มักจะเช่าที่ร้านลาวเจริญที่ Springvale แต่ถ้าเป็นหนังฝรั่งก็จะมีร้านให้เช่าที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ Clayton Shopping Center ซึ่งผมก็เช่ามาดูบ่อย ๆ ดูเหมือนว่าส่วนมากเราจะดูวิดีโอกันมากกว่าความบันเทิงอย่างอื่น
มีโรงหนังทันสมัยชื่อ Hoyts อยู่ที่ Chadstone Shopping Center และมีโรงหนังที่อื่นด้วยในเมือง แต่ก็จำไม่ได้เลยว่าชื่อโรงอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง มีโรงหนังอยู่ที่ Waverley Gardens Shopping Center ด้วยที่เคยไปดู
หนังที่ดูที่จำได้มี Bad Boys, The Mask of Zoro, Clear and Present Danger, Muriel’s Wedding, True Lies, With Honor, My Father the Hero, Die Hard with a Vengeance, Crimson Tide, Tommy Boy, The Quick and the Dead, Under Siege 2, Judge Dredd, The Net, Daylight, Glimmer Man, Eraser
ตั๋วหนังราคา $6.50 เรื่อง Eraser ที่โรงหนัง Hoyts Chadstone Shopping Center
หนังแต่ละเรื่องค่าตั๋วประมาณ 6 AUD
มีหนังดังในตอนนั้นที่ไม่ได้ดูคือ The Adventures of Priscilla: Queen of the Desert
[-----กีฬา-----]
ตั้งแต่ที่เราเรียนภาษาที่นอมันบี้ เราก็สามารถใช้บริการของโมนาชได้ หนึ่งในบริการนั้นคือ Sports and Recreation Center ที่มีสระว่ายน้ำ, สนามแบดฯ, สนามเทนนิส, ห้อง squash, สนาม Australian rules football
ตอนนั้นที่นี่ชื่อ Sports & Recreation Center ภาพเมื่อปี 2023 เปลี่ยนเป็นชื่อ Monash Sport ดูจากภายนอกส่วนนี้ยังเหมือนเดิม เป็นทางเดินลงที่เราเข้าไปตีแบดฯ
พวกผมจะเล่นแบดฯ กับ เทนนิสกันบ่อย สนามแบดฯ จะมีคนใช้มากกว่าสนามเทนนิสทำให้บางครั้งเราต้องรอคิวหรือยกเลิกการเล่น
ช่วงนั้นผมเล่นเทนนิสจนผอมดำ  ภาพหลังเป็นสนามเทนนิสที่ข้างสนามเป็นห้องที่เคยจัดงาน meeting Mitr Siam ตอนกลางคืน
ข้างสนามเทนนิสก็เป็นห้องจัดงานเลี้ยงที่เราเคยใช้เป็นที่จัดงาน Mitr Siam ด้วย ส่วนด้านหลังของศูนย์กีฬานี้มีลานและเตาบาบีคิวที่พวกเราเคยใช้ด้วยเหมือนกัน
[------เรื่องเที่ยวเราไม่ท้อ------]
เรื่องเที่ยวก็เป็นเรื่องยาวที่น่าเล่าเหมือนกัน มีทั้งเที่ยวระยะใกล้ และระยะไกล
[------เดินเล่นใกล้ ๆ------]
การเที่ยวระยะใกล้มักจะเน้นเที่ยวเพื่อกินเพื่อชอปปิ้ง หรือจะเรียกว่าเดินเล่นก็ได้ ได้แก่การไปเดินเล่นในเมืองเพื่อหาของกินหรือของใช้, เที่ยว St. Kilda beach – Luna Park, QVM ที่คล้ายๆ กับตลาดนัดจตุจักร ที่เรามักไปซื้อของฝากกลับเมืองไทย ที่นี่ละลายทรัพย์พวกเราไปเยอะ, ร้าน Country Road, Timberland, Dr.Martin, Crown Casino, David Jones, Nine West, MYER,…
ที่เดินเล่นในเมือง - ภาพสุดท้ายถ่ายใน U. of Melbourne
[------เที่ยวไกลบ้าง------]
พวกมิตรสยามเคยชวนกันไปเที่ยวทะเล ดูโรงงานแก้ว, โรงงานไวน์
ตอนไปเที่ยวทะเลก็มีเรื่องให้ผมประหลาดใจ เกิดจากเช้าวันที่ 18 มีนาคม 38 พวกมิตรสยามจัดไปเที่ยวทะเล เราก็นัดรวมพลกันที่หน้า Recreation Center
ขณะที่พวกเราทยอยกันมา แก้ว-ฑิติพร เกิดมงคล ก็ชวนให้ผมเดินไปรับเพื่อนต่าง u. ที่มาจากในเมือง แก้วชวนเขาไปเที่ยวด้วย เพื่อนคนนี้รู้จักกันบนเครื่องบิน เขานัดเจอกันที่ bus loop
พอเดินไปเจอ อ้าวว!!! กลายเป็น “พี่หนู” คนที่ไปเที่ยวสิงคโปร์กับพวกผมตอนปี 36 ทำไมบังเอิญอย่างนี้ และที่ bus loop ผมก็บอกให้พี่หนูฟังว่าตอนที่ไปเที่ยวสิงคโปร์นั้นผมแกล้งเนียนว่าเป็นรุ่นน้อง ไม่คิดว่าจะได้มาเฉลยจนได้
ไปๆ มาๆ “หนู” ก็สนุกสนานกลมกลืนไปกับเกมสนุก ๆ เพี้ยน ๆ ที่เราเล่นกันระหว่างทาง พวกสาว ๆ เล่นเกมกันแม้แต่ช่วงที่มีการพักซ่อมรถก็ยังไปเล่นกันข้างถนนไม่ยอมหยุด
พวกที่ไปส่วนมากจะเป็นคนไทย มีฝรั่งนิดหน่อย และเกาหลีอีกสี่ห้าคน เช่ารถตู้กันไปสองคัน คันนึงเป็นฝรั่ง-เกาหลีและผู้มีอายุ “โย่ง” เป็นคนขับ และคันที่สองเป็นสาววัยรุ่นทั้งคันยกเว้น “โท-สกล” คนขับ ตอนแรกผมนั่งอยู่คันแรกมันก็เซ็ง ๆ ไม่สนุก พอได้โอกาสก็เปลี่ยนไปคันที่สอง เล่นกันมันมาก
เราแวะดูโรงงานทำแก้วสวย ๆ ที่น่าประทับใจขั้นตอนการทำ และก็แวะโรงงานไวน์ มีให้ชิมฟรี ก็ถูกใจหนุ่ม ๆ กัน สักพักก็แวะกินข้าวกลางวันที่ Lake Entrance ระยะทางจากโมนาชมายัง Lake Entrance ราว 300 กม. ที่นั่นลมแรงมาก ก็ได้เดินดูทะเลแถวนั้น ถ่ายรูปกัน ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
ลมแรงที่ Lake Entrance
แล้วเราก็เข้าที่พัก จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ที่พักเป็นตู้รถพ่วงหลายตู้ และมีครัวกลางแจ้ง
พอถึงที่พักพวกหนุ่ม ๆ ก็เตรียมเตา สาว ๆ ก็เตรียมอาหาร พวกที่ว่างงานก็เล่นวอลเลย์กันบ้าง เล่นบาสฯ บ้าง ผมก็ไปนั่งด้วย ก็ได้คุยกับสาวเกาหลี
คุยไปคุยมาสาวก็บอกว่า เขาชอบหนุ่มไทย.... ตาย ๆ ๆ ๆ ๆ ก็ตอนพักเที่ยงอยู่นอมันบี้พวกเธอสาว ๆ เกาหลีก็หยอกกันด้วยวิชาเทควันโด้ เตะกันพึ่บพั่บ ๆ แล้วมันจะขายออกไหมล่ะ
แต่ที่จริงแล้วก็มีข้อยกเว้นนะ นั่นคือ “หนุ่ม” เจ้าของ Windows 95 ที่หน้าตาเหมือนเกาหลีมากที่สุดในบรรดาหนุ่มไทยนั้น สามารถพิชิตใจสาวเกาหลีได้ แต่ก็ต้องเลิกกันภายในเวลาไม่กี่เดือน
เราค้างคืนกันที่นี่
สาวๆ แม่ครัวที่นำโดยสาวไทยก็นั่งพื้นทำกับข้าวกัน ผมไปช่วยปอกมะละกอ อาหารวันนั้นมี ส้มตำ, ยำวุ้นเส้น, BBQ ไก่ เล่นเกม กินเหล้ากัน แล้วก็แยกกันไปนอนในเวลาที่ไม่ดึกเท่าไหร่ เพราะข้างนอกอากาศหนาวมากอยู่นานไม่ไหว
ตื่นเช้ามารีบกินไข่ต้ม ขนมปังแล้วออกเดินทางไปแหลม Wilsons Promontory อีกราว 300 กม. ที่นี่สวยมาก
เล่นตี่จับกันที่ Wilsons Promontory
พอจะเดินทางต่อก็มีเรื่องตื่นเต้นคือโทลืมกุญแจไว้ในรถ ต้องติดต่อให้เจ้าหน้าที่ Ranger มาช่วยงัดกระจกเปิดประตูรถได้ กลับถึงบ้าน 4 ทุ่ม
[------เที่ยว GOR - Great Ocean Road------]
ผมได้ไป GOR สองรอบ ไปเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ทั้งสองครั้ง ไปด้วยรถเก๋ง 1 คัน และเป็นการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองทั้งสองครั้ง
ครั้งแรกโท-สกล เป็นคนขับกาแลนท์ซิกม่าสีอิฐพาเจ๊หมวย-วราภณ์ พีสาวของเปิ้ล-พรรณรายณ์ ที่มาเยี่ยมจากเมืองไทย ไปกัน 4 คน
GOR กับสองพี่น้องเทียนแสงอุทัย
ครั้งที่สอง เมย์-สันทนา ขับซูซูกิสวิฟท์สีเหลือง พาโอปอล์และเควิน เพื่อนจากเมืองไทยไปกัน 4 คนเหมือนกัน
ระหว่างทางก็โล่ง ๆ อากาศเย็น ข้างทางมีความธรรมดาบ้าง สวยถึงสวยมากบ้าง พวกเราแวะจุดถ่ายรูปที่จุดมหาชนที่เป็นซุ้มคร่อมถนนอยู่ แวะดู Twelve Apostles และค้างคืนที่เมือง Port Campbell และก็เที่ยวเหมือนกันทั้งสองครั้ง
แต่... เที่ยวอะไรจะวิเศษเท่าได้ไปสัมผัสหิมะ
โฆษณา