Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Right Style by Bom+
•
ติดตาม
7 เม.ย. เวลา 05:28 • การเมือง
ดีลลับ
เพื่อรักษาอิทธิพลในซีเรีย รัสเซียจำเป็นแสดงให้ระบอบปกครองใหม่ภายใต้อัล-ชารา อดีตผู้นำ HTS เห็นว่าจะยึดมั่นในนโยบายสนับสนุนรัฐและอธิปไตยของซีเรีย ต่อต้านการก่อการร้าย ปฏิเสธลัทธิอาณานิคมใหม่ และแก้ไขข้อขัดแย้งโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญจากวัลไดซึ่งมีความเชื่อมโยงกับเครมลินกล่าว ในขณะเดียวกันรัสเซียต้องพร้อมที่จะเดินนโยบายระหว่างประเทศด้วยความยืดหยุ่น ผู้เชี่ยวชาญกล่าวเสริม [1]
แม้ว่าในช่วงแรกจะมีความรู้สึกมองโลกในแง่ร้ายเกี่ยวกับอิทธิพลที่มีมายาวนานต่อเนื่องของรัสเซียในซีเรียหลังจากการล่มสลายของระบอบปกครองของอัสซาด ซึ่งสะท้อนให้เห็นในรายงานข่าวกรองและบันทึกเชิงนโยบาย แต่กองกำลังรัสเซียยังคงควบคุมฐานทัพเรือในทาร์ทัสและฐานทัพอากาศคไมมิมอยู่ (ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวว่ารัสเซียได้เริ่มถอนยุทโธปกรณ์ออกจากฐานทัพของตนผ่านทางเรือไปบ้างแล้ว)
ตามที่นักวิชาการด้านตะวันออกกลาง อิบราฮิม อิบราฮิมอฟ กล่าวรัสเซียอาจยังรักษาที่มั่นฐานทัพทั้งสองแห่งไว้ได้ในที่สุด แม้ว่าจะอยู่ในรูปแบบ “ลดสเกลลง” ก็ตาม หรือไม่ก็อาจรักษาฐานทัพเรือไว้ที่ทาร์ทัสและยอมสละฐานทัพอากาศคไมมิม เขากล่าว [2]
1
2
เครดิตภาพ: Bloomberg
“ตุรกี” ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักรัฐบาลซีเรียชุดใหม่ ได้ผลักดันให้มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว นิโคไล ซูคอฟ นักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบันเศรษฐกิจโลกและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเมื่อไม่นานนี้เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยงานด้านการทูตเชิงวัฒนธรรมที่ได้รับทุนจากรัฐบาลรัสเซียในซีเรียกล่าว
ในทางกลับกันคาดว่ามอสโกจะต้องช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกทำลายจากการโจมตีทางอากาศของรัสเซียขึ้นมาใหม่ จัดหาเชื้อเพลิงและอาหาร และช่วยฟื้นฟูระบบการดูแลสุขภาพของซีเรีย เป็นการแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้รัสเซียซึ่งเคยช่วยรัฐบาลของอัสซาดพิมพ์เงินสกุลประจำชาติของซีเรีย ได้กลับมาจัดส่งธนบัตรที่ใช้ในสมัยอัสซาดปกครองซีเรียแบบชั่วคราวเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ปูตินโทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดีอาเหม็ด อัล-ชาราแห่งซีเรีย เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการเงินภายในประเทศให้ก่อน โดยธนบัตรชุดที่สองถูกส่งถึงกรุงดามัสกัสเมื่อต้นเดือนมีนาคม [3]
เครดิตภาพ: Reuters
เรื่องการจัดหาเชื้อเพลิงก็เป็นหนึ่งในหัวข้อที่สำคัญที่สุดในการประชุมระหว่างผู้เจรจาของรัสเซียกับประธานาธิบดีคนใหม่ของซีเรีย
วิกฤตการณ์ด้านเชื้อเพลิงของซีเรียเริ่มขึ้นเมื่อธันวาคม 2024 หลังจากอัสซาดถูกขับไล่และการขนส่งน้ำมันจากอิหร่าน ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดแห่งหนึ่งของอัสซาด “ถูกระงับ” เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการขาดแคลนเชื้อเพลิงอย่างรุนแรงสำหรับรัฐบาลซีเรียชุดใหม่ “แม้ว่าซีเรียจะมีแหล่งน้ำมันจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่นอกเหนือการควบคุมและมีอิทธิพลของรัฐบาลกลางซีเรีย”
ผู้ค้าและเจ้าของเรือทั่วโลกยังคงระมัดระวังเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรซีเรียของชาติตะวันตก แม้ว่าก่อนหน้านี้สหภาพยุโรปจะยอมผ่อนปรนข้อจำกัดและสหรัฐฯ เสนอการยกเว้นสำหรับความต้องการสำหรับทรัพยากรที่จำเป็นในซีเรีย หลังอัสซาดถูกโค่นอำนาจ
1
อย่างไรก็ตามเครมลินได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อใช้ประโยชน์จากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจของซีเรีย ในช่วงเดือนที่ผ่านมา เรือบรรทุกน้ำมันหลายลำจากรัสเซียเดินทางมาถึงซีเรีย สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เรือบรรทุกน้ำมัน Aquatica ซึ่งจดทะเบียนด้วยธงบาร์เบโดสอีกลำหนึ่ง บรรทุกน้ำมันดิบเบาของรัสเซีย เดินทางมาถึงท่าเรือบาเนียสเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2025
เมื่อ 25 มีนาคม 2025 เรือบรรทุกน้ำมันดิบ Sakina ซึ่งติดธงบาร์เบโดสและมีน้ำหนักบรรทุก 157,000 เมตริกตัน ได้จอดที่ท่าเรือในซีเรียและขนถ่ายน้ำมันประมาณ 100,000 ตัน ตามรายงานของ
TankerTrackers.com
[4]
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เรือทั้งสองลำซึ่งได้รับอนุญาตจากนานาชาติบรรทุกน้ำมันจากภูมิภาคมูร์มันสค์ของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อเดินทางมาส่งมอบน้ำมันให้ซีเรีย โดยมีปริมาณบรรทุกแต่ละลำ 100,000 ตัน [5]
เครดิตภาพ: TankerTrackers
ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม เรือบรรทุกน้ำมัน Prosperity เดินทางมาถึงเมือง Baniyas ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงกลั่นน้ำมันสองแห่งที่ใหญ่ที่สุดของซีเรีย สำนักข่าว SANA ของรัฐบาลรายงาน เรือลำดังกล่าวซึ่งบรรทุกน้ำมันดีเซล 37,000 ตัน ได้ถูกบรรจุที่ท่าเรือ Primorsk ในทะเลบอลติกของรัสเซีย ตามรายงานจากสถาบันวอชิงตันเพื่อนโยบายตะวันออกใกล้ [6][7]
เรือ Prosperity ซึ่งถูกต่อขึ้นในปี 2006 เดิมทีคือ NS Pride of Sovcomflot และปัจจุบันเป็นบริษัทในเครือของ Fornex ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในดูไบ บริษัทที่ดำเนินกิจการค้าพลังงานของรัสเซีย เรือลำนี้ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอังกฤษ
เรือบรรทุกน้ำมันจากรัสเซียทั้งหมดปิดเครื่องส่งสัญญาณเมื่อเข้าใกล้ท่าเรือในซีเรียหรือป้อนปลายทางปลอมในระบบระบุอัตโนมัติ (AIS) เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
Souhire Medini นักการทูตชาวฝรั่งเศสและนักวิจัยจากสถาบันวอชิงตันเพื่อนโยบายตะวันออกใกล้ ได้เน้นย้ำถึงความจริงจังเบื้องหลังการกระทำของรัสเซีย “หลังจากมีส่วนร่วมในการทำลายซีเรีย รัสเซียก็พร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากภาวะสุญญากาศและเข้ามามีอิทธิพลในซีเรียอีกครั้งโดยอาศัยแหล่งพลังงานที่ตนมี” เมดินีโพสต์บน X [8]
เครดิตภาพ: X – Souhire Medini
สำหรับรัฐบาลซีเรียชุดใหม่ การที่ฐานทัพรัสเซียยังคงประจำการอยู่ต่อไปอาจช่วยถ่วงดุลกองกำลังสหรัฐฯ ในภาคตะวันออก กองกำลังอิสราเอลในภาคใต้ และกองกำลังตุรกีในภาคเหนือ
“ยิ่งไปกว่านั้น อัล-ชาราเข้าใจว่ารัสเซียเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และอาจมีส่วนร่วมในการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดกลุ่ม HTS ออกจากรายชื่อผู้ก่อการร้าย รัสเซียยังมีอำนาจยับยั้งด้วย นั่นคือเหตุผลที่อัลชาราไม่ต้องการก่อให้เกิดการเผชิญหน้าโดยตรงกับมอสโก และตอนนี้เราเห็นความสนใจในรัสเซียอย่างต่อเนื่อง” Ruslan Suleymanov ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านตะวันออกกลางเคยให้ความเห็น [9]
แต่ทว่ามันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัสเซียเอง สิ่งที่รัสเซียสามารถเสนอตอบแทนได้นั้นยังคงเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ หรือว่าคือการไม่ส่งตัวอัสซาดกลับไปให้ทางการซีเรีย?
เครดิตภาพ: Firstpost
แม้ว่ารัสเซียจะรู้ถึงปัญหาที่ระบอบการปกครองของอัสซาดต้องเผชิญมานานแล้ว แต่การที่กองกำลังกบฏที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกีโค่นอำนาจเขาอย่างกะทันหันทำให้รัสเซียไม่มีพันธมิตรในพื้นที่
การให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่อดีตประธานาธิบดีอัสซาดและครอบครัวในรัสเซียยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับผู้นำซีเรียคนใหม่แย่ลงไปอีก และยังทำให้ประชาชนซีเรียเกิดความรู้สึกเชิงลบอีกด้วย แต่เท่าที่ติดตามรัสเซียได้เคยแจ้งให้รัฐบาลซีเรียชุดใหม่ทราบอย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่ส่งมอบตัวอัสซาดให้ แม้ว่าจะมีรายงานว่าหัวข้อดังกล่าวถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยระหว่างการเจรจาก็ตาม
อัสซาดย่อมมีศัตรูรายรอบในตะวันออกกลาง แต่การพ้นอำนาจของเขาในซีเรียก็ย่อมทำให้ปูตินเสื่อมอิทธิพลในตะวันออกกลางด้วยเช่นกัน แต่ทว่าท่าทีของปูตินดูชัดเจนว่าจะไม่ทรยศต่ออัสซาด อาจด้วยเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทนในอดีต เป็นเวลากว่าทศวรรษที่รัสเซียมีอิทธิพลอย่างมากในตะวันออกกลาง หลังจากเข้าแทรกแซงในสงครามกลางเมืองของซีเรียเมื่อปี 2015 เพื่อสนับสนุนอัสซาด
ปัจจุบันอิทธิพลในอนาคตของรัสเซียในตะวันออกกลางขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับตุรกี สหรัฐฯ และอิสราเอลเป็นอย่างมาก ก็เหมือนกับว่ารัสเซียต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ในตะวันออกกลางหรือไม่
เรียบเรียงโดย Right Style
7th Apr 2025
■
อ้างอิง:
[1]
https://valdaiclub.com/a/highlights/what-changes-are-coming-after-the-fall-of-assad
[2]
https://www.vedomosti.ru/politics/articles/2025/01/30/1089109-chego-hotyat-drug-ot-druga-novie-vlasti-sirii-i-rossiya
[3]
https://www.arabnews.com/node/2590265/amp
[4]
https://x.com/TankerTrackers/status/1906408001206136951
[5]
https://www.reuters.com/business/energy/russia-ships-its-arctic-oil-syria-first-time-sanctions-limit-buyers-2025-03-21
[6]
https://x.com/SanaAjel/status/1899846464416657447
[7]
https://www.washingtoninstitute.org/policy-analysis/syrias-quest-oil-may-include-russian-shipments
[8]
https://x.com/_SouhireMedini/status/1906740885594800144
[9]
https://www.rferl.org/a/un-security-council-to-meet-on-syria-amid-calls-for-stability/33232002.html
<เครดิตภาพปก: (บน) – Kurdistan24 (ล่าง) - ID 349100608 | Assad | L9871456 |
Dreamstime.com
>
การเมือง
russia
2 บันทึก
32
9
7
2
32
9
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย