9 เม.ย. เวลา 00:47 • ปรัชญา
..จิตของนักเดินทางสะสมกรรม แบกกรรมพะรุงพะรัง.แบกมากเข้าๆ จิตก็ต้องมาเกิดแก่เจ็บตายอยู่เรื่อยไป ไอ้ที่ยึดๆ มาแบกมาหาม ปลดมันออกไป จะได้เกิดมันน้อยลงไปหรือจิตเมื่อกาย จะได้ลอยไปที่สูงๆได้
เรื่องราวของจิตที่มาอาศัย มันมีเรื่องราวที่อยู่กับสิ่งที่ปรุงแต่ง ปรุงแต่งกาย .เยอะแยะมากมายก่ายกอง ..ยึดเข้ามาพะรุงพะรังสะสม เข้ามาในกายเป็นนิจสิน ตั้งแต่เกิดมา . ร้องกระแว้ ..สะสมสิ่งที่กลืนกินเข้าไป ..ให้กายนั้นมันโต ..มีความอยาก .อยากกินนั้นกินนี่ นอนกิร นั่งกิน เดินกิน ก็ไป ..กินไปเรื่อย ไปสถานที่เค้ามีอาหารเต็มโต๊ะ ก็มองหาเลือกกิน ของที่ชอบ..ตักกิน ก็ต้องออกแรง ใช้อารมณ์ความคิดว่าจะเลือกอะไรมากินเอร็ดอร่อย
..พออยู่ไปนาน ..หากินได้ แค่อิ่มท้องไม่พอ ต้องไปหามา สะสม ..ทรัพย์สินเงินทอง สะสมชื่อเสียง ลาภยศ ..เอาแยกไว้ ..ยึดถือ .. ใครมาติชม ก็มีอารมณ์ดีใจไม่ชอบใจ ..เช่น ผมเผ้าสีไม่สวย ก็ไปทำให้มันสวยตามที่ชอบ พอออกมา ใครเค้าติชม ..เออ..ว่าสวย ก็ชอบใจ ..พอใครว่า ไม่สวย ..ก็หน้าบูดบึ้ง .พอทำงาน ตำแหน่งน้อยๆ ไม่มีอำนาจวาสนา ก็ทะเยอทะยาน ..ให้มันสูงขึ้น .. มันมีหลายสิ่ง หลายไม่ทันได้สังเกตว่า ขันธ์ทั้งห้ามันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง .ที่ว่าสะสามเพิ่มพูน .. มันมองไม่เห็นในตัวตน ..
..เงินทองอุตส่าห์เหน็ดเหนื่อย หามายึดถือ มาวางไว้ ..ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ มันก็ไม่มีความสำคัญ ..จะมีความสำคัญก็ตอน หยิบเอามาใช้ ..เกิดใครไปหยิบเอาใช้เสียก่อน ก็เกิดความโกรธโมโห ..
..อยู่ไป อยู่ไปตัวคนเดียวเปล่าเปลี่ยว นักหนา มันวิเวกวังเวง ทนไม่ได้...ก็ต้องไปหาภาระ ไปเอาขันธ์ทั่งห้าของผู้อื่มาแบกอีก เป็นภาระให้แก่ขันธ์ห้าของตัวเอง …เท่านั้นยังไม่พออีก ..แหมมันทำหากิน ..ได้ไม่สมอยาก ก็ต้องไปหาตัวช่วย ไปหาเกจิอาจารย์ ..เอ้า..ได้ไอ้นั่นไอ้นี่ เอาไปบูชา เอาคาถานี้ไปท่อง ..เอาตุ๊กตาไปบูชา
..เดินทางมันเมื่อยขบ ..เจ็บป่วย ..โอ้ย..ต้องไปหาเจ้าพ่อเจ้าแม่ มาช่วย ..บนบานศาลกล่าว .ว่า ช่วยลูกช้างให้สมปรารถนา จะถวาย หัวหมูเหล้ายาปลาปิ้ง มันสาระพัด เรื่องราวที่ไปหามาแบกใส่กาย ..แม้ร่างกายเค้าให้มาดีๆ ก็ไปทำให้มันเลอะเทอะ ..สักไอ้นั้นไอี้ ว่ามีของดี ..มีแล้ว ทำตัวเป็นอันธพาล ..ใครมาทำให้โกรธ..ความโกรธก็ทวีกระพือขึ้นในกาย บ้างเหมือนแปลงร่าง เอานิสัย เสือสิงมาใช้ พ่อแม่ห้ามปราม ก็ทำร้ายพ่อแม่
. สิ่งเหล่านี้ ด้านหนึ่งก็เกิดเป็นการสะสม อารมณ์ที่เราอยาก มีกิน ..สะสมสิ่งนั้นมายึด มันไม่มีตัวมีตน ..มองไม่เห็น ..ในสิ่งที่ว่า เกิดเป็น ทิฐินิสัย ..มาปรุงแต่ง ว่า สิ่งนี้ดี สิ่งน้ไม่ดี เหมือน อาหารที่อยู่เต็มโต๊ะ เราก็เลือกเฉพาะ สิ่งที่เราชอบ ..ในชีวิตประจำวัน เราก็ใช้วิญญาณทั้งหก ตาหูจมูก ไปสัมผัสสิ่งนั้นสิ่งนี้ มีอารมณ์นึกคิด เกิดขึ้น ..เป็นอารมณ์กรรมต่างๆ เกิดขึ้น มันสัสะมเข้ามาในกาย บันทึกอยู่ที่ธาตุทั้งสี เป็นสีดำสีม่วง สีของอารมณ์โลภโกรธหลง ทาทับลงไป ..
สิ่งเหล่านี้ กรรมเค้าก็ปกปิดให้ไม่รู้จักอารมณ์ ไม่รู้จักกรรม พอจะไปแก้ไข ..ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็มีคำสอนของพระ ท่านบอกว่า เมื่อเรามีพระเป็นที่พึ่ง เราก็นำกายกรรม นั้นมาสร้างบุญกุศล สละวัตถุปัจจัย ที่เราหามายึด สละเป็นทานบ้าง แปรสภาพ ให้เป็นบุญบ้าง ทำด้วยความเต็มใจ เพื่อที่จะดึงอารมณ์ที่โลภโกรธหลง ที่ห้อมล้อมจิตนั้นออกไป ทำให้กายนั้น จากกายที่แยกกรรมพะรุงพะรัง ให้มันมีกายที่มีบุญหนุนนำเกิดขึ้น มีกายเป็นบุญ จิตอาศัยในกาย ก็จะได้บรรเทาทุกข์ ที่แบกพระรุงพะรังออกไป
..เมื่อยังแบกมากเข้า ไม่สร้างบุญกุศลบารมี มันก็รกรุงรัง จิตๆน้อย เหมือนหิ่งห้อย อยู่ในกาย มันก็มองไม่เห็น ตัวตนของตัวเอง มาอาศัยกายนี้ชั่วขณะหนึ่ง ..มองไม่เห็นบุญ ไม่เห็นแสงสว่าง เพราะจิตนั่น มันตกต่ำลงเรื่อยๆ คล้ายว่า น้ำหนักกรรมมันกดทับลงไปเรื่อยๆ ที่ว่าจมโคลนตม จมหินดินดาน เดินทางไปทางทุรกันดาร .. โอ้ย ไปทางนั้นมันอดยากหิวโหย ทางนรกเปรตอสุรกายเค้าเดินกัน
นี่ถ้าได้เห็นเปรต อสุรกายเป็นขวัญตาบ้าง ก็จะดี..ว่า เอ..เมื่อเราไม่มีกาย จะเป็นแบบเค้ามั้ยหนอ..นี่ปลายที่แล้ว ก็มีตัวอย่างให้ดูเป็นขวัญตา ไปงานคนเค้าหมดกาย ..แหม ..รูปเค้าเปลี่ยน ขันธ์ห้าเค้าเปลี่ยนไป เป็นรูปตัวสูง เท่าต้นตาล สูงปรารถนา ที่อยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ..ยิ่งใหญ่ในกรรมขิงตนเอง..เดินทางไปตามเส้นทางที่สะสม ..จิตขิงนักเดินทาง ชอบเกิดที่นั่นที่นี้ นรกบ้าง เปรตบ้าง อสุรกายบ้าง กว่่าจะได้กายมนุษย์ อีกครั้งหนึ่ง คงต้องเดินทางยาวนาน
..เรื่องราวที่เขียน ก็ไปพิจารณากันเอา เองว่า .จิตเรามาอาศัยกายชั่วขณะหนึ่ง ..เราจะลือกให่จิตเราเดินทางไปทางใด ..ให้การเกิดตายมันน้อยลงไปๆ หรือ ชอบเกิด..ก็ทำตามทีชอบๆละกัน ..เช่น ชอบใช้นิสัยดุร้าย พอจิตออกจากร่าง แม่ทั้งสี่ ก็นำพาไปหา เสือสิงโต เป็นพ่อแม่ให้ ตามนิสัยที่ขอบ ..ไปที่ชอบๆสมปรารถนาที่ตนเองใช้กายวาจาใจ
..หากเป็นเศรษฐีร่ำรวย หมดกายไป เค้าคงได้ไปเกิดเป็นปลาวาฬ ตัวใหญ่โต กินตัวเล็กๆตัวน้อย มาหล่อเลี้ยงน้ำเลือดน้ำหนองในกาย . เหมือนที่ว่า จะร่ำรวยก็ต้องอาศัยหยาดเหงื่อแรงกายของคนอยากคนจนมหนุนนำ .เป็นผลประโยชน์กำไรบำเรอกายของตนเอง เหมือนที่เคยทำมา สะสมมา ..เกิดเป็นปลาวาฬร่างกายใหญ่โต แหวกว่ายไปทั้ว เหมือนมีเศรษฐีมีพาหนะ เที่ยวชมที่นั่นที่นี้ ได้ดังปรารถนา ..ปรุงแต่งกายด้วยอารมณ์ที่เกิดขึ้น .ด้วยสังขารที่เป็นกรรม มองไม่เห็น..ว่าอยู่กับกรรม ก็ไม่รู้จักกรรม กินนอนในกรรม รอกายแก่เจ็บตาย ..
โฆษณา