Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ
•
ติดตาม
9 เม.ย. เวลา 05:07 • การศึกษา
ศูนย์พุทธศาสตร์ศึกษา DCI พระนครศรีอยุธยา
คิดแบบ สตีฟ จอบส์
สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ผู้ล่วงลับไปแล้ว เป็น อดีต CEO บริษัท Apple สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ประสบความสำเร็จในชีวิตมาก ตั้งแต่หนุ่มอายุ 22 สามารถคิดแมคอินทอช คิดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Apple II ออกมาสู่ตลาดโลก ไมโครคอมพิวเตอร์
ต่อมาก็เป็น แมคอินทอช เป็นผู้นำตลาดเลย อายุแค่ 25 เป็นมหาเศรษฐีรวยหลายพันล้านบาทแล้ว แต่พอประสบความสำเร็จเร็วไป ชื่อเสียงเกียรติยศมาหมดนะ ได้ลาภได้ยศ เป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทด้วย ตั้งแต่ยังอายุ 20 กว่านะ แล้วก็มีคนชื่นชมยกย่อง เก่งเหลือเกิน อัจฉริยะเยอะแยะ พร้อมทุกอย่าง
แต่ในดีมีเสีย คือความก้าวร้าว รู้สึกตัวเองเก่ง ตัวเองแน่ อยู่ในบริษัทใส่กางเกงขาสั้น ไม่ใส่รองเท้า เดินเท้าเปล่า เดินไปทั่วบริษัท แต่บริษัทก็ประสบความสำเร็จ
แต่กลายเป็นว่า CEO เป็นตัวป่วน แล้วคราวอายุประมาณ 28-29 เขาไปเชิญผู้บริหารของแป๊บซี่มาช่วยเป็นผู้บริหารของตัวเอง ไปเชิญเขามานะ เขาเห็นมันท้าทายเขาก็มา ทำ ๆ ไปไม่กี่ปี ปรากฎว่าสุดท้าย เห็น สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ทำปวดหัวเหลือเกิน ก็เลยเกลี้ยกล่อมให้กรรมการบริษัทลงมติปลด สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ออกจากบริษัท Apple
สตีฟ จอบส์ กับ Macintosh classic (1984)
เราลองคิดดูว่า บริษัทที่ตัวเองเป็นคนสร้างมากับมือ แต่พอบริษัทใหญ่ขึ้น ตัวเองก็ขายหุ้นออกไป ตัวเองถือหุ้นใหญ่อยู่ก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าหุ้นเกินครึ่งนะ มันไม่ถึงครึ่ง พอผู้บริหารที่ตัวเองเป็นคนไปเชิญเขามา
เขาเป็นผู้ใหญ่มีเครดิตมีประสบการณ์ที่ทุกคนเชื่อถือ เขาสามารถเกลี้ยกล่อมทุกคนให้เห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลานี้ สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) เป็นปัญหาของบริษัทแล้ว ควรจะปลด สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ออกไป ตัวเองถูกปลดจากบริษัทที่ตัวเองสร้างมา
โดยคนที่ตัวเองไปเชิญเขามา เหมือนถูกทรยศหักหลังเนี่ย แล้วเรื่องนี้ก็ดังไปทั่วทั้งสังคมเลย คนก็ลือกันนินทา เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์กลุ้มหมดทุกอย่าง ถ้าเป็นคนอื่นก็คงถอดใจเครียดหนัก อาจจะโกรธจนจนเส้นเลือดในสมองแตกหรือเปล่าก็ไม่รู้
สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ก็อับอายขายหน้ามาก เครียดมาก เลยหลบไปพักใจ หายไปอยู่พักหนึ่ง แล้วก็กลับมาทำงานมูลนิธิบ้างอะไรบ้าง ซักพักเริ่มทำใจได้ก็ไปตั้งบริษัทใหม่ ชื่อว่า เน็กซ์ NeXT เริ่มทำงานสร้างสรรค์ในแนวทางอื่นๆ ขึ้นมาใหม่ พอผ่านไปประมาณซัก 10 กว่าปี บริษัทเกิดปัญหา แอปเปิล ทำท่าจะไปไม่รอดจะเจ๊งเอา
สตีฟ จอบส์ กับ คอมพิวเตอร์ iMac รุ่นแรก ปี 1998
สุดท้ายเขาต้องไปเชิญ สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) กลับมาเป็น CEO ใหม่ แล้วเขาก็เอาประสบการณ์ที่เขาไปเจอโลกมาในช่วงนั้น มาฟื้นฟูบริษัท พักเดียวบริษัท Apple ฟื้นขึ้นมาเลย ออกนวัตกรรมใหม่ มี iPod เครื่องเล่น MP 3 โอ้โห ทำซะ วอล์คแมนฟุ๊บไปเลย แล้วก็เดี๋ยวก็ออก iPhone เล่นซะ ยี่ห้ออื่น งงไปเลยเนี่ย เรียกว่า โค่นจ้าวตลาดได้หมดเลย ต่อมาก็ออก iPad เป็นต้น
มีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลา จนกระทั่งทุกคนยอมรับว่า สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) เก่งมาก แค่มีข่าวว่าป่วย หุ้น Apple ตกเลยนะ นิตยสารหลายฉบับยกย่องว่า เขาเป็น CEO ที่เยี่ยมที่สุดในรอบ 100 ปี ของโลกเลยนะ ถึงขนาดนั้น กลับมาหมด ถึงเวลานี้ สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) เขาบอกๆ ว่า สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตที่เขาเคยเจอมาคืออะไรรู้ไหมเอ่ย
คือเหตุการณ์ที่เขาถูกไล่ออกจากบริษัท Apple ถ้าไม่มีเหตุการณ์นั้นนะ เขาจะไม่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ เพราะเกิดเรื่องนั้นทำให้ตัวเองเข้าใจโลกมากขึ้น มีเวลาไปตั้งหลักเรียนรู้โลก แล้วเอาประสบการณ์เหล่านั้นมาพัฒนา จนกระทั่งประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
เราเห็นไหมว่า ในดีก็มีเสีย ในเสียก็มีดี สุดท้ายตัวขมวด คือ ความคิดของเรา ทุกอย่างคือ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา แล้วความทุกข์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเนี่ย มาขมวดรวมอยู่ที่ความคิดของเรา
เราคิดไปในทางดี มันก็จะดี คิดในทางร้าย มันก็จะร้าย จูนปรับความคิดได้ทุกอย่างจะเปลี่ยน โลกจะเปลี่ยน คนที่พลาดคือ เห็นเหตุการณ์มาเจอแล้ว ไปพร่ำเพ้อ บ่นโชคชะตา ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ แล้วกลุ้ม
แต่คนที่จะหลุดออกจากภาวะเครียดแล้วประสบความสำเร็จ คือ คนที่มาสังเกตที่ใจตัวเอง สังเกตุความคิดตัวเอง รู้เท่าทันตัวเอง จะเปรียบแล้วเราเองเหมือนคนที่ขับเคลื่อนนาวาชีวิตเรา แล่นเรือใบ โต้คลื่นอยู่โต้กระแสลม
คนที่ไม่เก่งมองผิด จะไปบ่นว่า ทำไมลมไม่พัดทางนี้ ฉันจะไปทางโน้น ทำไมลมมันพัดสวนทาง พัดไม่ตรงทาง เป็นต้น แล้วก็นั่งกลุ้มนั่งเครียด แต่คนที่เก่งจะไม่นั่งบ่นกระแสลม เพราะบ่นไปแล้วมันไม่เกิดอะไรดีขึ้น แต่จะใช้วิธีการจูนปรับใบเรือตัวเอง
ลมพัดมาทางขวา เราปรับใบดีๆ เราก็แล่นตัดกระแสลมไปได้นะ เรื่องมากระทบชีวิตเรา หลายๆ อย่างเรา ควบคุมได้ยาก เพราะมันเกี่ยวพันกับเหตุปัจจัยภายนอก แต่ที่เราควบคุมได้ คือ ควบคุมใจของเรา ความคิดของเรา ปรับมุมมองให้มองไปในทางสร้างสรรค์ มองไปในทางบวก
ถ้าอย่างนี้ล่ะก็ เราจะหลุดออกจากภาวะเครียดได้ สุขภาพเราจะดีขึ้น แล้วสามารถใช้ศักยภาพของเราเองในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา นี้คือวิธีคิดและการจัดการความเครียดที่ดีที่สุดเลย
เจริญพร
คำพูดสุดท้ายของ "สตีฟ จ็อบส์"
ในสายตาของคนอื่น...ชีวิตผมประสบความเร็จอย่างเยี่ยมยอด แต่นอกจากเรื่องงาน แล้ว ผมมีความสุขสนุกสนานน้อยมาก และในที่สุดแล้วความรํ่ารวยก็เป็นแค่ความจริงในชีวิต เพียงรูปแบบเดียวที่ผมมี
ในตอนที่ผมนอนอยู่บนเตียง...ผมป่วยและระลึกถึงชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมด ผมตระหนักได้ว่า ชื่อเสียง และเงินทอง ที่ผมเคยภูมิใจ กลับไม่มีค่าอะโรเลยใน ช่วงสุดท้ายที่ผมกําลังจะตาย
เมื่อเราเข้าไปอยู่ในห้องผ่าตัด เราจะตระหนัก ได้ว่าเราใส่ใจสุขภาพของตัวเองน้อยเกินไป เรามักจะรู้ตัวเมื่อสายเกินไปเสมอ จงให้ความรักกับครอบครัว กับคนรัก และ เพื่อนๆ หมั่นดูแลสุขภาพของตัวเองและใส่ใจ คนรอบข้างให้มากๆ
...ตอนนี้ผมตระหนักว่า ชีวิตคนเราไม่ควรต้อง ไล่ตามความรํ่ารวยตลอดเวลา และความรัก ความทรงจํา สุขภาพ คือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด
เมื่อผมตายไป ผมไม่สามารถนําเงินไปได้ แต่สิ่งที่ ผมอาจเอาไปได้ คือความทรงจําไม่เคยมีใครรู้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิต
เพราะฉะนั้นจงมีความสุขในทุกๆชั่วโมงที่เรามีในชีวิตนี้ "ใช้ชีวิตให้ทุกวันเหมือนเป็นวันสุดท้าย" และนี่คือสิ่งที่ต่อให้รวยแค่ไหนเมื่อ ตายไปแล้วก็ซื้อเวลาและชีวิตคืนมาไม่ได้
พัฒนาตัวเอง
ข่าวรอบโลก
พุทธศาสนา
1 บันทึก
14
1
7
1
14
1
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย