9 เม.ย. เวลา 09:23 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

โครงการ "หนูค้นหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคล" ในกัมพูชา

💥ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-personnel landmines) เป็นอาวุธที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เพื่อใช้ในการควบคุมพื้นที่ ยับยั้งการเคลื่อนพลของฝ่ายตรงข้าม และปกป้องพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางทหาร โดยมีจุดประสงค์หลักในการทำให้ทหารหรือพลเรือนฝ่ายศัตรูได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเมื่อเหยียบหรือสัมผัส การใช้งานของทุ่นระเบิดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และต่อเนื่องในสงครามกลางเมืองหรือความขัดแย้งในหลายภูมิภาค💥
💀โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียและแอฟริกา ประเทศอย่างกัมพูชา ลาว อัฟกานิสถาน แองโกลา และโคลอมเบีย ถือเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการปนเปื้อนของทุ่นระเบิดสูงที่สุดในโลก ตัวอย่างเช่น กัมพูชามีการฝังทุ่นระเบิดจำนวนมากจากสงครามกลางเมืองและความขัดแย้งชายแดน ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่าหลายหมื่นคน และยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ชนบท💣
☠️มีการประเมินว่าทั่วโลกมีการฝังทุ่นระเบิดมากกว่า 100 ล้านลูกในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา และอีกหลายสิบล้านลูกยังคงหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการกู้คืน ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความพยายามในการควบคุมและห้ามใช้ผ่านอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) แต่ทุ่นระเบิดยังคงถูกใช้ในบางประเทศและกลุ่มติดอาวุธ ส่งผลให้ปัญหานี้ยังคงเป็นวาระเร่งด่วนของนานาชาติ💣
ที่มา https://www.facebook.com/herorat/?locale=th_TH
👦ทุ่นระเบิดส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อชีวิตของพลเรือน โดยเฉพาะเด็กและชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล ทุ่นระเบิดไม่สามารถแยกแยะระหว่างทหารและประชาชน ส่งผลให้ผู้ที่เผลอเข้าไปในพื้นที่ปนเปื้อน เช่น เกษตรกร เด็กนักเรียน หรือผู้หญิงที่เดินหาน้ำ ต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต หรือสูญเสียแขนขาอย่างถาวร นอกจากนี้ ทุ่นระเบิดยังสร้างความหวาดกลัวและบั่นทอนโอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะพื้นที่เกษตรหรือที่ดินเพื่อพัฒนาไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างปลอดภัย
แม้จะเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมายาวนาน แต่ความพยายามในการกู้ทุ่นระเบิดยังคงดำเนินต่อไปในหลายประเทศ องค์กรนานาชาติหลายแห่งมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนภารกิจกู้ทุ่นระเบิด เช่น องค์การสหประชาชาติ (UNMAS), APOPO, The HALO Trust และ Mines Advisory Group (MAG) ซึ่งให้การสนับสนุนทั้งด้านงบประมาณ อุปกรณ์ฝึกอบรม รวมถึงทรัพยากรบุคคล การรณรงค์ผ่านอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 1999 ยังเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันให้หลายประเทศเลิกใช้และเร่งกู้ทุ่นระเบิดที่มีอยู่
​💵จากการขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้คำสั่งระงับการส่งเงินทุนช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯเป็นเวลา โครงการต่างๆ ของUSAid หลายโครงการถูกระงับ ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 ทำให้ความช่วยเหลือด้านการกู้ทุ่นระเบิดในกัมพูชาถูกระงับเป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลาราว 90 วัน อย่างไรก็ตาม ต่อมาในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 สหรัฐฯ ได้ออกข้อยกเว้นเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการกู้ทุ่นระเบิดสามารถดำเนินต่อไปได้💲
💰ที่ผ่านมาจีนได้ให้การสนับสนุนโครงการกู้ทุ่นระเบิดในกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2561 รัฐบาลจีนได้ลงนามในข้อตกลงมอบเงินสนับสนุนจำนวน 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับโครงการกู้ทุ่นระเบิดในกัมพูชา ​ ในปี พ.ศ. 2566 จีนได้เพิ่มการสนับสนุนด้วยการมอบเงินจำนวน 4.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ในการกู้ทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดของกัมพูชา ​
🐀วิธีการแก้ปัญหาวิธีการหนึ่งนอกจากใช้สุนัขตรวจค้นทุ่นระเบิด เครื่องตรวจจับโลหะ หรือหุ่นยนต์แล้ว คือการใช้หนูค้นหาทุ่นระเบิด เริ่มต้นขึ้นโดยองค์กร APOPO ซึ่งเป็นองค์การไม่แสวงหากำไรจากเบลเยียม ตั้งโครงการฝึกหนูเพื่อตรวจจับทุ่นระเบิด มีการนำหนูพันธุ์ African Giant Pouched Rat มาใช้ทดลองในหลายพื้นที่ ก่อนจะถูกนำมาใช้งานจริงในกัมพูชาราวปี พ.ศ. 2559🐭
ที่มา https://www.facebook.com/herorat/?locale=th_TH
🐭เหตุผลหลักที่มีการเลือกใช้หนูในภารกิจค้นหาทุ่นระเบิด มาจากคุณสมบัติเฉพาะของหนูชนิดนี้ เช่น มีประสาทการรับกลิ่นที่เฉียบคม น้ำหนักเบา ซึ่งช่วยให้สามารถเดินบนพื้นที่ที่อาจมีทุ่นระเบิดได้โดยไม่ทำให้ระเบิดทำงาน นอกจากนี้ หนูยังสามารถทำงานได้เร็วกว่าเครื่องตรวจจับโลหะทั่วไป เนื่องจากสามารถดมกลิ่นสารประกอบ TNT ได้โดยตรง ไม่ต้องใช้การตรวจจับโลหะเป็นตัวชี้วัดหลัก🐀
👩‍🚒กระบวนการฝึกหนูค้นหาทุ่นระเบิดมีความละเอียดอ่อนและใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 9 เดือน โดยเริ่มจากการฝึกให้หนูจดจำกลิ่นของสาร TNT และเชื่อมโยงกลิ่นดังกล่าวกับรางวัล เช่น อาหารโปรด หลังจากหนูสามารถระบุเป้าหมายได้แม่นยำ จึงมีการนำไปทดสอบในสนามฝึกที่จำลองสถานการณ์จริง และสุดท้ายเข้าสู่ภารกิจภาคสนามโดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมอยู่ตลอดเวลา👨‍🚒
🆘⛔หนูตรวจจับทุ่นระเบิดได้ถูกนำไปใช้ในหลายพื้นที่ของกัมพูชาที่มีความเสี่ยงสูง เช่น จังหวัดพระวิหาร และจังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยหนึ่งในหนูที่มีชื่อเสียงคือ “มาเกา” ซึ่งสามารถตรวจพบทุ่นระเบิดมากกว่า 100 ลูกตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงาน ส่งผลให้พื้นที่เสี่ยงจำนวนมากกลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างปลอดภัย เช่น การทำเกษตรกรรมหรือสร้างที่อยู่อาศัย🧨
APOPO ร่วมกับ University of Technology พัฒนาเทคโนโลยีติดกล้อง ระบุพิกัดไว้บนตัวหนู เพื่อรายงานพื้นที่ที่หนูเข้าไปปฏิบัติการได้อย่าง Real Time
ผลการใช้งานหนูค้นหาทุ่นระเบิดแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าและประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญ โดยค่าใช้จ่ายในการฝึกและดูแลหนูต่ำกว่าการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง อีกทั้งหนูสามารถตรวจสอบพื้นที่ได้เร็วกว่าและปลอดภัยกว่าในบางกรณี แม้จะยังมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาใช้งานของหนูแต่ละตัว
สรุป
✅ ข้อดีของการใช้หนูค้นหาทุ่นระเบิด
1. ประสาทการดมกลิ่นยอดเยี่ยม
หนูโดยเฉพาะพันธุ์ African Giant Pouched Rat มีประสาทรับกลิ่นที่ไวมาก สามารถตรวจจับสาร TNT ใต้ดินได้อย่างแม่นยำ
2. น้ำหนักเบา – ไม่กระตุ้นการระเบิด
น้ำหนักของหนูเบาพอที่จะเดินผ่านทุ่นระเบิดโดยไม่ทำให้ระเบิดทำงาน ต่างจากเครื่องจักรหรือมนุษย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า
3. ความเร็วในการค้นหา
หนูสามารถตรวจสอบพื้นที่ได้เร็วกว่าวิธีใช้เครื่องตรวจโลหะหลายเท่า ช่วยลดระยะเวลาการปฏิบัติงาน
4. ต้นทุนต่ำ
การเลี้ยง ดูแล และฝึกหนูมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเทคโนโลยีไฮเทคหรือการใช้เจ้าหน้าที่มนุษย์จำนวนมาก
❌ ข้อเสียของการใช้หนูค้นหาทุ่นระเบิด
1.อายุการทำงานสั้น
หนูมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 4–5 ปี ซึ่งหมายถึงต้องมีการฝึกทดแทนอยู่เสมอ
2.ความสามารถจำกัดในบางภูมิประเทศ
สภาพอากาศหรือภูมิประเทศที่ร้อนจัด ลาดชัน หรือมีฝนตกชุก อาจเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของหนู
3.ต้องมีเจ้าหน้าที่ควบคุมตลอดเวลา
แม้หนูจะทำงานได้เอง แต่ยังต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
⚠️ ข้อจำกัดในการใช้งาน
1. พื้นที่มีสิ่งรบกวนมากหรือเสียงดัง อาจรบกวนสมาธิของหนู
2. การนำเข้าหรือส่งออกสัตว์ฝึกข้ามประเทศ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้กระบวนการขยายโครงการต้องใช้เวลานาน
3. ฝึกใช้เวลา ถึงแม้ต้นทุนต่ำ แต่การฝึกหนู 1 ตัวให้พร้อมใช้งานต้องใช้เวลาราว 9 เดือน
💰 ความคุ้มค่าในการใช้งาน
การใช้หนูตรวจจับทุ่นระเบิดถือเป็นทางเลือกที่มี ความคุ้มค่าสูง เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์หรือเจ้าหน้าที่มนุษย์เต็มรูปแบบ หนูสามารถทำงานได้เร็วและแม่นยำ โดยใช้ทรัพยากรน้อยกว่า มีความเสี่ยงต่ำ และสามารถช่วยลดต้นทุนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา
อ้างอิง
1. APOPO. (2025).
APOPO’s Unique Multi-method Approach to Mine Action. Retrieved 9 Apr 2025, form https://apopo.org/apopo-mine-action-approach-2025/
2.
APOPO. (2025). World TB Day 2025: Yes! We Can End TB!. Retrieved 9 Apr 2025, form https://apopo.org/world-tb-day-2025/
3. Rebecca Ratcliffe. (2025). Demining to democracy: how Trump’s foreign aid freeze will affect south-east Asia. Retrieved 9 Apr 2025, form https://www.theguardian.com/world/2025/jan/30/donald-trump-foreign-aid-freeze-impact-south-east-asia?utm_source=chatgpt.com
4. Susan Hammond and Sera Koulabdara The US left landmines in Vietnam. (2025). An aid freeze won't erase that.
5. Huaxia. (2025). China-aided landmine elimination project benefits 2.5 mln people: Cambodian official. Retrieved 9 Apr 2025, form https://english.news.cn/20250206/d4392273c7be46ceba518f2349884dda/c.html
6. รอบโลก by กรุณา บัวคำศรี. (2024). หนูฮีโร่…ตรวจหาระเบิดและโรคร้าย | ร้อยเรื่องรอบโลก EP.292. Retrieved 9 Apr 2025, form https://www.youtube.com/watch?v=YNjUegRotJc
7. APOPO. (2021). RescueRATs. Retrieved 9 Apr 2025, form https://www.youtube.com/watch?v=tuShm833KW8
โฆษณา