PHEV - EREV หลายคนอาจคิดว่า มันเหมือนกัน
แต่ความจริงแล้ว มันเป็นความจริงที่สวนทางกัน ระหว่าง รถไฮบริดที่เป็นขั้นกว่า กับรถยนต์ไฟฟ้า ที่อยากลบข้อจำกัดตัวเอง
ตัว PHEV (Plug in Hybrid) จุดเริ่มต้นการพัฒนามาจาก เขาอยากให้ ผู้ใช้ ทำความรู้จักรถยนต์ไฟฟ้า ก็เลยจับแบตใหญ่ มอเตอร์แรงกว่ามาใส่ รถยนต์ไฮบริดปกติ ทำให้ มันสามารถขับไฟฟ้าล้วนได้ ในระยะทางประมาณหนึ่ง
ในยุค 10 ปี ที่แล้ว ขับได้ 30-40 ก.ม. ก็หรูแล้ว ในบรรดาค่ายตราดาว จากเยอรมัน แต่จริงๆ แล้ว แนวคิด ตั้งต้นของ PHEV นั้น มิตซูบิชิ เริ่มมาเป็นค่ายแรกๆ หลังจาก คิดเอาสามเทคโนโลยีสุดยอดของบริษัท มายำใหญ่ คือ แบตและระบบขับเคลือนของรถยนต์ไฟฟ้า Mitsubishi i Miev , ความเป็นรถอเนกประสงค์ และ ระบบขับสี่ของ อีโวฯ ลูชั่น
จนเป็น รถ Mitsubishi Outlander PHEV ออกมาขายในปี 2014 เน้นตลาด ยุโรป หลังจากนั้น บรรดา รถยุโรป จึงเริ่มมี PHEV ตามออกมาเรื่อยๆ ในภายหลัง
ก่อนที่ปัจจุบัน PHEV โดยส่วนใหญ่ แม้แต่ Haval H6 PHEV สามารถขับไฟฟ้าล้วนได้อย่างน้อย 80-100 ก.ม.( แล้วแต่สภาพการจราจร และวิธีการขับขี่) ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน ครอบคลุมระยะทางขับขี่ในเมือง
ทางด้าน EREV หรือ Extended Range Electric Vehicle อาจจะมี บางแบรนด์ เขียนต่างว่า REEV นั้น เป็นหนังคนละม้วน กับ PHEV
หลักการระบบนี้ ให้คิดว่า มันคือรถยนต์ไฟฟ้ารูปแบบหนึ่ง แต่ ติดตั้งเครื่องยนต์เข้ามา เพื่อใช้ในการปั่นไฟฟ้าเท่านั้น
ปัจจุบัน หลายเจ้า เริ่มใช้วิธีการ ให้แบตฯ เล็กกว่า EV ปกติ และชาร์จช้ากว่า เนื่องจาก มีเครื่องยนต์เป็นของตัวเอง ไม่ต้องแวะชาร์จบ่อยก็ได้
จุดเริ่มต้นระบบนี้ น่าจะมาจาก รถยนต์ BMW i 3 ที่ออกมาขาย แล้วเล็งเห็นว่าในเวลานั้น สถานีชาร์จ ยังไม่พร้อมเท่าที่ควร จึงออกออพชั่นเครื่องยนต์ขนาดเล็กติดตั้ง เพื่อปั่นไฟฟ้า
โดยใช้เครื่องยนต์ 2 สูบ ขนาด 647 ซีซี ติดตั้งเข้ามา ทำหน้าที่ปั่นไฟฟ้าเท่านั้น
อย่างที่บอกครับ ว่าให้คิดว่ามันคือรถยนต์ไฟฟ้า เพราะ การขับเคลื่อน ทั้งหมด ประหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าการใช้ มอเตอร์เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อน การตอบสนองต่ออัตราเร่ง และรวมถึงพลังขับ ที่มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมด
แต่เมื่อพูดถึง ความแตกต่าง ของเทคโนโลยี ทั้งสอง แบบ คือ
EREV จะทำงานแบบรถยนต์ไฟฟ้าทุกประการ แค่ตัด ข้อจำกัดในการใช้งาน เช่นเวลาในการชาร์จ หรือ การต้องรอชาร์จไฟฟ้า และ ข้อจำกัด ด้านระยะทางขับขี่ โดยอาศัยเครื่องยนต์ปั่นไฟฟ้า นอกจากนี้ พลังขับทั้งหมด ยังมาจาก แค่มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนเท่านั้น
PHEV กลับกันครับ มันสามารถนำกำลังของทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์ มาขับเคลื่อนร่วมกันได้ ในหลายจังหวะ เช่นการเร่งแซง เป็นต้น ทำให้ เราจะพบว่า PHEV มักจะมีพลังขับสูงกว่า รถไฮบริดหรือ รถ EREV
แต่ในแง่ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าจะมีกำลังขับไม่มากเท่า EREV เนื่องจาก เป็นเพียงพระรองในการขับเคลื่อนไม่ใช่หัวใจสำคัญ
นอกจากนี้ ด้วยการติดตั้งแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่ และเครื่องยนตืที่มีกำลังมาก พอจะแบกตัวเอง และแบตใหญ่ๆไปได้ทุกแห่ง ทำให้รถมีน้ำหนักเยอะกว่ารถไฮบริด รวมถึง EREV
ในอดีต PHEV มักมีประเด็นว่า เมื่อไฟฟ้าหมด แบตเตอร์รี่ใหญ่ที่มีประโยชน์ ก็จะกลายเป็นภาระขับเคลื่อน เสมือนรถแบบน้ำหนักไปตลอดเวลา ทำให้ อัตราประหยัดไม่สู้ดี
แต่ปัจจุบัน ผู้ผลิตหลายเจ้าได้ปรับระบบให้มี ความสามารถในการทำงานเชิงคู่ขนาน ระหว่างมอเตอร์ และเครื่องยนต์มากขึ้น และมักไม่ได้ตั้งค่าการใช้ไฟฟ้าในแบตเตอร์รี่ก่อน เป็นค่ามาตรฐาน แต่ให้ลูกค้าเลือกเอาตามต้องการ
ดังนั้น สรุป ง่าย
PHEV = รถไฮบริดที่มีแบตใหญ่ รับไฟฟ้าจากภายนอกได้ พลังขับ ได้มากจากเครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้า
EREV = รถยนต์ไฟฟ้า ที่มีเครื่องยนต์ พลังขับมาจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก การขับขี่ทั้งหมด เหมือน รถยนต์ไฟฟ้า
แต่ถ้าเมื่อใดรถยนต์ EREV รุ่นใด บอกคุณ ว่ามันสามารถเอาเครื่องยนต์ไปขับเคลื่อนล้อได้ มันก็เท่ากับ รถ PHEV แบบหนึ่ง ซึ่งเคยเกิดแล้ว ในตอน Chevrolet Volt
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
