เปิด 7 หุ้นเน้นรายได้ในประเทศ เหมาะเก็งกำไรช่วงสงครามการค้าระอุ
ยังคงเป็นช่วงที่แวดวงการลงทุนต้องเจอกับความผันผวนอย่างหนักจากปัจจัยลบรอบด้าน โดยเฉพาะประเด็นสงครามการค้าที่ยังมีความไม่แน่นอน ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเข้าลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ของนักลงทุนไม่น้อย แต่อย่างไรก็ดี คาดว่ายังคงมีนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและยังคงต้องการลงทุนแม้ในยามที่ภาวะตลาดหุ้นไม่เป็นใจเช่นนี้ Wealthy Thai จึงได้หยิบยกเอากลยุทธ์ที่เหมาะสมมาฝาก
โดยบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองว่า นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกําไรภายใต้สงครามการค้าที่มีท่าทีรุนแรงขึ้น แนะนําหุ้นที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากสามารถกําหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลงของราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ได้แก่ BCH, CPALL, CPAXT, GULF, MTC, OR และ TRUE
เริ่มที่คำแนะนำ “OUTPERFORM” บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH พร้อมราคาเป้าหมายที่ 20.00 บาท โดยมองเป็นหุ้น Defensive ซึ่งปีนี้คาดกําไรปกติจะเติบโตดีสุดในกลุ่มการแพทย์ที่ 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากการดําเนินงานที่เติบโตเพิ่มขึ้น การเพิ่มบริการใหม่ ๆ และผลขาดทุนที่ลดลงจากโรงพยาบาลใหม่ทั้ง 3 แห่ง อีกทั้ง Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER ปี 2568 ระดับ 20.8 เท่า คิดเป็น -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต
เช่นเดียวที่แนะนำ “OUTPERFORM” บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL พร้อมราคาเป้าหมายที่ 67.00 บาท โดยมองเป็นหุ้นปลอดภัยภายใต้ตลาดผันผวนและคาดเป็นหุ้นเป้าหมายของกองทุน Thai ESGX หลังมี SETESG Rating “AAA” อีกทั้ง Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขาย PER ปี 2568 ที่ 15.8 เท่า (-2S.D. จากค่าเฉลี่ย 10 ปี)
ขณะที่ไตรมาส 1/68 คาดกําไรปกติจะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายและอัตรากําไรขั้นต้นที่ดีขึ้น และคาดจะอยู่ในระดับทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจากปัจจัยฤดูกาล ในขณะที่คาดว่ากําไรปี 2568 จะเติบโต 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (เติบโตดีที่สุดในกลุ่ม)
พร้อมทั้งแนะนำ “OUTPERFORM” บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT พร้อมราคาเป้าหมายที่ 32.00 บาท โดยประเมินกําไรปกติไตรมาส 1/68 ของ CPAXT ได้ที่ 2.7 พันลบ. +9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายและอัตรากําไรขั้นต้นที่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ -33% จากไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาล
ทั้งนี้ คาดว่ากําไรปี 2568 ของ CPAXT จะเติบโต 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตดีที่สุดของกลุ่ม (ใกล้เคียงกับ CPALL) โดยคาดว่ากําไรไตรมาส 2/68 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในอัตราที่เร่งตัวขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/68 ด้วย synergy ที่มากขึ้น และยอดขายและอัตรากําไรขั้นต้นที่ดีขึ้น แต่จะลดลงจากไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาล
รวมถึงแนะนำ “OUTPERFORM” บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF พร้อมราคาเป้าหมายที่ 70.00 บาท โดยมองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจาก Bond Yield ที่ปรับตัวลงและคาดเป็นหุ้นเป้าหมายของกองทุน Thai ESGX หลังมี SETESG Rating “AAA” ขณะที่งวดครึ่งปีแรก 2568 คาดกําไรยังแข็งแกร่งจากขยายกําลังผลิต ส่วนการควบรวมกิจการกับ INTUCH ที่เสร็จสิ้นไปแล้ว จะทําให้งบดุลบริษัทดีขึ้น เพิ่มศักยภาพในการกู้ยืม และช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยลงในระยะกลาง
อีกทั้งแนะนำ “OUTPERFORM” บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC พร้อมราคาเป้าหมายที่ 53.00 บาท โดยคงประมาณการไว้ว่ากําไรของ MTC จะเติบโตดีที่ 17% ในปี 2568 ซึ่งเป็นผลมาจากสินเชื่อที่เติบโตดีที่ 13% NIM ที่ลดลง 17 bps และ credit cost ที่ลดลง 21 bps การปรับประมาณการ credit cost ลดลงถูกชดเชยโดยการปรับประมาณการต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังแนะนำ “OUTPERFORM” บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR พร้อมราคาเป้าหมายที่ 16.40 บาท โดยคงประมาณการกําไรปี 2568 ไว้เหมือนเดิม ทั้งนี้ คาดว่ากําไรจะเติบโต 57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้กําไรไตรมาส 1/68 จะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นไฮซีซั่น
ปิดท้ายด้วยคำแนะนำ “OUTPERFORM” บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE พร้อมราคาเป้าหมายที่ 14.50 บาท โดยมองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มสื่อสาร ซึ่ง บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ชอบ TRUE มากกว่า ADVANC เนื่องจากมอง TRUE น่าจะได้รับประโยชน์จากการประมูลคลื่นความถี่ในแง่ Upside ของกําไรที่มากกว่าและมีกําไรปกติปี 2568 ที่เติบโตแข็งแกร่งกว่า ADVANC ขณะที่ไตรมาส 1/68 คาดกําไรปกติจะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการประหยัดต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง และเติบโตจากไตรมาสก่อน จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
