10 เม.ย. เวลา 04:42 • ไลฟ์สไตล์
อิสระภาพ
สำหรับผม เหตุการณ์ที่ทำให้ “สงบสุข” ได้แบบไม่ต้องใช้ความพยายามเลย คือช่วงเวลาที่สายลมค่อยๆ พัดผ่านหน้า... แต่ไม่ใช่เพราะอากาศมันเย็นหรอกนะ
มันเป็นเพราะ… “ไม่มีใครรอคำตอบจากเราอยู่”
ไม่มีคำถามให้รีบตอบ
ไม่มีความคาดหวังให้รีบแบก
ไม่มีเป้าหมายให้ต้องไปถึง
ในช่วงเวลานั้น เราไม่ได้อยู่ในบทบาทของ “ลูก” “พนักงาน” “หัวหน้า” หรือ “เพื่อนที่ต้องเข้าใจทุกคน” —
เราแค่เป็น “ตัวเรา” เฉยๆ
ความเงียบที่ว่านั้น มันไม่ใช่การปิดเสียงรอบข้าง แต่คือการปิด “หน้าจอในหัว” ที่คอยแสดงผลทุกอย่างให้เราต้องตัดสินอยู่ตลอดเวลา
เมื่อหน้าจอในหัวดับลง เราจะเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างหลังมันมาตลอด… ความว่างที่ไม่เปลี่ยว ความนิ่งที่ไม่เฉื่อย ความสงบที่ไม่ต้องอธิบาย
ผมเคยสงสัยมาตลอดว่าทำไมบางคนถึงดูสงบได้แม้ชีวิตจะยุ่งมากๆ
จนวันหนึ่งไปเจอคำพูดของ ท่าน ติช นัท ฮันห์ ที่บอกว่า
Silence is something that comes from your heart, not from outside. It doesn't mean not talking and not doing things; it means that you are not disturbed inside.
ความเงียบ... ไม่ได้มาจากสิ่งแวดล้อมภายนอก แต่มาจากหัวใจของเราเอง มันไม่ใช่แค่การไม่พูดหรือไม่ทำอะไร แต่มันคือการที่ใจเราไม่ถูกรบกวนจากสิ่งใดต่างหาก
ติช นัท ฮันห์
ความหมายลึกซึ้งของประโยคนี้ คือ ท่านกำลังชี้ให้เราเห็นว่า “ความสงบ” ไม่ได้แปลว่าโลกภายนอกต้องนิ่งหรือเงียบเสมอไป — เพราะถึงแม้โลกจะเต็มไปด้วยเสียง ความวุ่นวาย หรือความไม่แน่นอน ถ้าภายในใจของเรานิ่งพอ มีสมดุลพอ เราก็สามารถมี “ความเงียบภายใน” ได้อยู่ดี
เป็นความสงบที่ไม่ได้ต้องพึ่งเงื่อนไขรอบตัว
และนั่นแหละ... คืออิสรภาพของใจที่แท้จริง
เรามักคิดว่าเราจะสงบได้ ก็ต่อเมื่อ “ทุกอย่างเรียบร้อย”
แต่ความจริงคือ เราอาจจะไม่เคยต้องรอให้โลกสงบเลยก็ได้
แค่เรายอมให้ตัวเอง “วางอาวุธ” ลงสักชั่วคราว
เลิกวิ่ง เลิกไล่ เลิกต้องเข้าใจทุกเรื่องในวันนี้ก็พอ
และคุณรู้ไหม?
ช่วงเวลาที่สงบสุขที่สุดในชีวิต… มักเป็นช่วงเวลาที่เราไม่รู้ตัวว่ามันกำลังเกิดขึ้นอยู่
เพราะเรายุ่งเกินไปกับการพยายาม “รู้สึกดี”
ทั้งที่บางครั้ง... “ไม่ต้องรู้สึกอะไรเลย” ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความสงบแบบลึกที่สุดแล้วก็ได้
โฆษณา