Tariff คืออะไร?
Tariff หรือ ภาษีนำเข้า คือ ภาษีที่รัฐบาลของประเทศหนึ่งเรียกเก็บจากสินค้าหรือบริการที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีจุดประสงค์หลักคือ:
เพื่อ ปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยทำให้สินค้านำเข้าแพงขึ้น
เพื่อ เพิ่มรายได้ให้รัฐบาล
เพื่อ ใช้เป็นเครื่องมือในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
✅ Tariff มีผลอย่างไร?
เมื่อมีการตั้งภาษีนำเข้า:
สินค้าจากต่างประเทศจะมีราคาสูงขึ้น
ผู้บริโภคจึงอาจหันไปซื้อสินค้า ผลิตในประเทศ มากขึ้น
บริษัทภายในประเทศ แข่งขันได้ง่ายขึ้น เพราะสินค้าต่างชาติแพงขึ้น
รัฐบาลได้รับ รายได้จากภาษี
ตัวอย่างเช่น นโยบาย “America First” ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เม็กซิโก และแคนาดา เพื่อกระตุ้นให้คนอเมริกันบริโภคสินค้าภายในประเทศมากขึ้น
ผู้ที่ต้องจ่ายภาษี Tariff คือ บริษัทที่นำเข้าสินค้า ซึ่งมักจะผลักภาระต้นทุนนี้ไปยังผู้บริโภค ทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้นในตลาด
⚠️ ความเสี่ยงของ Tariff
แม้จะมีข้อดี แต่ Tariff ก็อาจส่งผลเสียได้ เช่น:
สินค้าแพงขึ้น → ผู้บริโภค ใช้จ่ายน้อยลง
นักลงทุนอาจไม่กล้าลงทุนมาก → การลงทุนลดลง
สุดท้ายอาจนำไปสู่ เศรษฐกิจชะลอตัวหรือถดถอย
นอกจากนี้ ประเทศที่ถูกเก็บภาษีอาจ ตอบโต้ ด้วยการตั้งภาษีกลับ เรียกว่า “การตอบโต้ทางการค้า” หรือ “Trade War”
🐔 ตัวอย่างจริง: สงครามไก่ (The Chicken War)
อเมริกาส่งออกไก่ราคาถูกไปยุโรปเป็นจำนวนมาก
เกษตรกรยุโรปไม่พอใจ → สหภาพยุโรปขึ้นภาษีนำเข้าไก่จากอเมริกา
ยอดขายไก่จากอเมริกาลดลง
อเมริกาไม่พอใจ → ขึ้นภาษีสินค้าจากยุโรปกลับ
กลายเป็น สงครามภาษี ที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายเสียประโยชน์
🎯 สรุปข้อดี-ข้อเสียของ Tariff
✅ ข้อดี ⚠️ ข้อเสีย
ปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ
เพิ่มรายได้ให้รัฐบาล
กระตุ้นให้คนซื้อสินค้าภายในประเทศ
⚠️ ข้อเสีย
ราคาสินค้าสูงขึ้นสำหรับผู้บริโภค
นำไปสู๋สงครามการค้า
ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวหรือหดตัว
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
