22 เม.ย. เวลา 13:22 • ข่าวรอบโลก

ทำไมเศรษฐกิจสงครามของยูเครนให้ผลดีกว่ารัสเซีย

ผมเคยเขียนไปแล้วหลายที
ว่าไม่ว่าผลของสงครามจะเป็นอย่างไร
รัสเซียก็จะได้เพื่อนบ้าน คือ ยูเครนส่วนที่เหลือ
ที่น่ากลัวกว่าเดิมเป็นสิบเท่า และเป็นรัฐแสนยานุภาพ
รวมถึงเป็นรัฐที่มีอุตสาหกรรมอาวุธคอยขับเคลื่อน
มาวันนี้ ทุกอย่างชัดเจนขึ้นอย่ามาก ว่าจะเป็นแบบนั้น
รัสเซีย สร้างสถานการณ์ที่ดูแล้วเป็นภัยต่อตัวเองมากกว่า
และพอเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่สามารถสู้ได้ ด้วยแนวทางเดียวกัน
หลังรัสเซียบุกยูเครน การตื่นตัวของอุตสาหกรรมอาวุธ
ก็เกิดขึ้นทั่วยุโรป รวมถึงรัสเซียเอง ก็ใช้โมเดลเศรษฐกิจ
สงคราม เพื่อผลักดันเศรษฐกิจ
มันจึงเหมือนกับว่า ทั้งยุโรปตะวันตกและรัสเซีย
รวมถึงยูเครนกำลังเดินในแนวทางเดียวกัน
คือ เศรษฐกิจสงคราม
ปัญหาคือ เมื่อใช้โมเดลเดียวกัน รัสเซียกลับกลายเป็นรอง
และสู้ไม่ได้เลยด้วยประการทั้งปวง
กับยุโรปนั้นง่าย…
เนื่องจากพลังทางอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีสายพานการผลิตในยุโรปตะวันตกยั้นเหนือกว่ามากอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
พวกเขาจึงใช้เวลาเพียงชั่วสั้นๆในการปรับตัวเข้าสู่เกมส์นี้
ปัจจุบัน ยุโรปตะวันตก ผลิตอาวุธได้เร็วมากขึ้นหลายเท่า
จนพลังการผลิตรวม ไล่อเมริกาติดๆไปแล้ว
เดิมนั้น เราได้ข่าวฝั่งยุโรปน้อยมากในส่วนนี้
เพราะเราเห็นแต่อเมริกาเล่นบทนำในยุคของไบเดน
แต่เมื่อทรัมป์มีท่าทีไม่แน่นอน
ทุกอย่างก็เปิดออกมา ว่าช่วงที่ผ่านมายุโรปมีการปรับตัว
ที่รวดเร็วมากอยู่เงียบๆ มาพักใหญ่แล้ว
การส่งมอบ Rafale ของฝรั่งเศสต่ออินเดียอย่างรวดเร็ว
การส่งมอบปืนใหญ่ฮาวิเซอร์ของ UK ที่ตามเป้า แม้มีออเดอร์เพิ่มขึ้นมาก รวมถึงสารพัดอาวุธยุโรปที่ทะลักออกมาสู่ตลาด
ได้ตามออเดอร์ไม่มีเลท แถมยังมีส่งให้ยูเครนแบบไม่ขาด
มันบอกเราได้ว่า ยุโรปตะวันตกนั้นมีการเพิ่มกำลังผลิต
ในระดับที่น่าทึ่งมาก ในอาวุธคลาสสูงๆ หรือของชิ้นใหญ่
ของพวกเขาเอง และจะมากกว่านี้อีก จากสถานการณ์ที่เร้า
และความไม่แน่นอนของสหรัฐ
ต่างจากทางรัสเซีย ที่ทุกวันนี้ทำใช้เองยังไม่พอ
แม้แต่กับอาวุธเบสิค อย่างกระสุนปืนใหญ่ ที่ต้องทนใช้ของ
ซึ่งขาดคุณภาพจากเกาหลีเหนือ
ส่วนอาวุธหนักๆ ใหม่ๆ ไฮเทค ไม่ต้องพูดถึง
ช้ามาก จนต้องเลื่อนการส่งมอบให้ลูกค้าทั่วโลก
ช้าจนสุดท้ายลูกน้องซี้ปึ๊กที่จะไปฉลอง V day ด้วย เดือนหน้า
อย่างเวียดนามก็ไม่เอาแล้ว SU แล้วไปเอา F-16 นั่นแหละ
ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เสียขาประจำอย่างอินเดียให้กับฝรั่งเศส
ในการจัดหาเครื่องบินประจำเรือบรรทุกเครื่องบินไปแล้ว
…และมีแนวโน้มจะเสียไปเรื่อยๆด้วย ก็เพราะเลื่อนเขาตลอด
และผลิตอะไหล่ป้อนให้เขาไม่ได้นี่แหละ ….
แม้แต่นิวเคลียร์
จากรายงานช่วงก่อนสงคราม ฝรั่งเศสมีนิวเคลียร์ในมือ
ไม่ถึง 200 หัวรบ แต่ปัจจุบันงอกเป็น 300-400
เช่นเดียวกับอังกฤษ ที่งอกออกมา เป็น 200 เกือบสามร้อย
ทำให้รวมๆ ยุโรปมีกำลังทางนิวเคลียร์มากในระดับที่น่ากลัว
และไม่เสียเปรียบ ในแง่ดุลทางยุทธศาสตร์
ในกรณีนิวเคลียร์นั้น เคยเขียนไปแล้วว่า ฝรั่งเศส อังกฤษ
และอีกหลายประเทศในยุโรป มีความพร้อม มีแร่ที่พร้อม
อยู่แล้ว เพียงแต่พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนมันเป็นอาวุธทันทีเท่านั้น
เอาแค่อังกฤษกับฝรั่งเศสที่มีแน่ๆ นี่ก็การันตีได้แล้ว
ว่ารัสเซียทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังบ้าง
คุณมี เขาก็มี น้อยกว่าน่ะใช่ แต่ถ้าเข้าเป้าแค่ 1 %
10-20 หัว คุณก็หายไปได้เหมือนกัน
…และด้วยจำนวนเรือดำน้ำประเภท ballistic submarine
ที่ใกล้เคียงกันของทั้งสองฝั่ง มันบอกเลยว่า กำลังรบด้าน
นิวเคลียร์ แม้รัสเซียจะมีหัวรบมากกว่าเยอะ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้เปรียบแบบเด็ดขาด ในทางยุทธศาสตร์ อย่างที่หลายคนเข้าใจ…
นี่คือการเพลี่ยงพล้ำ ต่อแนวทางเดียวกัน
ของรัสเซียต่อยุโรป ซึ่งมันอาจมากกว่านี้ถ้าเวลาผ่านไป
แล้วยุโรปตะวันตก ยังอัดฉีดไม่หยุด
การกระตุ้นกันเองถึงความน่ากลัวของรัสเซียในยุโรปนั้น
ว่ากันตามจริง มันคือการขู่สังคมให้สนับสนุน
นโยบายด้านกลาโหมของชาติยุโรปเสียมากกว่า
ที่จะคิดว่าตัวเองเป็นรองรัสเซียอะไรขนาดนั้น
มันมีลักษณะเหมือนเวลาไทยจะซื้ออาวุธแล้วบอกว่า
ข้างบ้านมีนะ น่ากลัวนะ ต้องซื้อบ้าง
ทั้งที่ในความเป็นจริง แสนยานุภาพเรายังเหนือกว่าหลายขุม
…เรื่องนี้รัสเซียรู้ แต่บางคนบอกรัสเซียอยากยื้อสงคราม…
…มุกตลก ปัญญาอ่อนชัดๆ ถ้าจะพูดแบบนั้น….
…ยิ่งนาน ดุลอาวุธจะไปอยู่ที่ฝั่งยุโรป จนรัสเซียไล่ไม่ทันเอา…
ยูเครน แรงส่งดี องค์ความรู้เก่าแน่น ก็ไปโลด…
ตอนนี้ สำหรับอาวุธเบสิคที่จำเป็น อย่างปืนใหญ่
เครื่องกระสุน โดรน ไม่น่าเชื่อว่ายูเครนที่โดนถล่มทุกวัน
จะสามารถผลิตได้ทันใช้ไปแล้ว
และกำลังขยับขยายมาสู่ของใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่ขีปนาวุธพิสัยไกลอย่าง Neptune
และที่ทางกลาโหมรัสเซียเองค่อนข้างปวดหัวและยอมรับว่ามีปัญหาในการรับมือ ก็คือขีปนาวุธทาางยุทธวิธี อย่าง Hrim-2 , GROM-2 หรือ SAPSON
มันเป็นจรวดสนับสนุน ที่มีพิสัยกลางถึงไกล
บินต่ำ เร็ว ควบคุมได้ ตรวจจับยาก ในลักษณะ
เดียวกันกับ ATACMS
ยูเครนพัฒนาเองจนเข้ามาแทน ATACMS ไปเรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากมันดีกว่า ATACMS เสียอีก มีพิสัยเล่นได้ถึง 700 KM
ในคลาสสูงสุดของมัน
และพวกเขายังผลิตโดรนสารพัดรูปแบบ อย่างที่เรารู้กัน
ถ้าย้อนกลับไปก่อนปี 2022 ที่รัสเซียบุกนั้น
ยูเครนมีกำลังการผลิตที่ต่ำมาก
แต่นั่นมันเกิดขึ้นเพราะ เดิมนั้นยูเครนกลัวรัสเซีย
หลังจากปี 2014 สงครามไครเมียร์รอบแรก
ที่รัสเซียพยายามกดดันไม่ให้พวกเขาผลิตอาวุธมากเกินไป
แต่เอาเข้าจริงๆ เดิมทียูเครนก็เป็นประเทศผู้ผลิตอาวุธอยู่แล้ว
องค์ความรู้ ฐานการผลิตต่างๆ ในเวลาไม่ถึง 20 ปี
สิ่งเหล่านี้มันจึงไม่ได้หายไปไหน โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์
ที่แค่ออกไปทำงานในต่างประเทศ ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในรัสเซียเองและจีน
เมื่อบ้านโดนเผา พวกนี้ก็กลับมาพร้อมกับองค์ความรู้ใหม่ๆ
บวกกับระบบสายพานการผลิต ที่ทางค่ายตะวันตกช่วยมา
ยูเครนจึงเหมือนมวยได้น้ำ และฟื้นอุตสาหกรรมอาวุธได้อย่าง
รวดเร็ว จนน่าเหลือเชื่อ
…ปัจจุบัน แม้จะถูกโจมตี แต่ยูเครนนั้นใช้วิธีเอาฐานการผลิต
ไปไว้แถบชายแดนติดกับสมาชิกนาโต้ บางทีก็ในประเทศเพื่อนบ้านเลยในลักษณะของการร่วมทุน และทำกันในบ้านใต้ดินก็มากมันจึงยากที่รัสเซียจะโจมตีได้…
…เนื่องจากทั้งไม่อยากเสี่ยงชนกับนาโต้หากโจมตีพลาดพลั้ง
ไปตกในดินแดนนาโต้บ่อยๆ และหาโรงงานใต้ดินไม่เจอ….
(ในยูเครนมีเครือข่ายเมืองโบราณใต้ดิน และเส้นทางรถไฟใต้ดินตั้งแต่สมัยโซเวียตค่อนข้างเยอะ พวกเขาก็เลยมุดไปทำ
กันอยู่ในนั้นแหละ รัสเซียเองก็หาไม่ค่อยเจอ)
จรวด GROM-2 ที่กำลังสร้างปัญหาให้รัสเซียอย่างมาก เจ้านี่แหละตัวการถล่มพวกคลังน้ำมัน สนามบินในดินแดนของรัสเซียมากที่สุด จนทางกลาโหมรัสเซียยอมรับ ว่าเป็นกังวลกับมัน
สิ่งที่ต่างกันมาก ระหว่างทั้งสองชาติ
คือ เรื่องซัพพลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบการจัดหา
สองสิ่งนี้คือปัจจัยหลัก ที่ทำให้เศรษฐกิจสงครามของ
ยูเครนและรัสเซียนั้นต่างกันออกไป
เอาแรกเลยคือความสามารถในกการจัดหาซัพพลาย
อุปกรณ์จำพวกอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งรัสเซียมีปัญหามากกับสิ่งนี้ เนื่องจากสมัยก่อน
รัสเซียพึ่งพาอุปกรณ์พวกนี้จากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มากที่สุด
โดยเฉพาะญี่ปุ่น รัสเซียขายก๊าซแลกอุปกรณ์ไฮเทคพวกนี้มา
ในอาวุธรัสเซียนั้น ไปแกะดูเถอะ จะพบว่ามีแต่ชิปของ
TOSHIBA , Fujitsu ,Samsung เต็มไปหมดนั่นแหละ
มีรายงานชัดเจนจากทั้งอินเดีย และมาเลเซีย ซึ่งใช้อยู่
( แต่ถ้าจะพูดกันแฟร์ๆ ของสหรัฐ หรือชาติตะวันตก
ก็แบบนี้เหมือนกัน มีแต่ชิบชาวเอเซียเรานี่แหละ สุดยอดละ)
หลายคนอาจมองว่า รัสเซียเป็นพันธมิตรกับจีน
ซึ่งก็เป็นผู้ผลิตชิปและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่
เหมือนกัน จะขาดแคลนได้อย่างไร ?
อันนี้คือความเข้าใจของคนปกติ แต่ในความเป็นจริง
มันต่างกันออกไปมาก ระหว่างผู้ผลิตแต่ละเจ้า
ชิปประมวลผล ที่ไม่ใช่ในลักษณะของหน่วยความจำนั้น
แม้ทำหน้าที่เหมือนกัน แต่มันมีความต่างในสิ่งที่เรียกว่า
“สถาปัตยกรรมชิป” ซึ่งจะต้องสัมพันธ์กันกับแบบของวงจร
ที่เหลือทั้งระบบ ดังนั้นการเปลี่ยนยี่ห้อผู้ผลิตสิ่งเหล่านี้
จึงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ทันที
คนเคยเอาคอมพิวเตอร์ไปซ่อมก็รู้ครับ ยี่ห้อหนึ่งจะข้ามค่าย
นี่มันยากเย็นแสนเข็นจริงๆ ยิ่งพวกโน๊ตบุ๊ก แทปเลตนี่หนักเลยตัวเดียวขาดตลาด ได้ทิ้งเครื่องกันง่ายๆ
นี่คือในคอมพิวเตอร์บ้านๆ อย่าว่าแต่ในวงจรอาวุธไฮเทคเลย
ดังนั้น ในกรณีรัสเซีย พวกเขาผูกพันกับชิปสัญชาติญี่ปุ่น
เกาหลีมานาน แนวทางการพัฒนาระบบจึงเป็นไปเพื่อรองรับ
ชิปสองสัญชาตินี้ทั้งหมด
เมื่อขาดแคลนจากการโดนคว่ำบาตร มันจึงไม่เหลือมา
ผลิตอาวุธใช้ และขายได้มากๆ เหมือนเดิมนั่นเอง
เชื่อว่าการพัฒนาอาวุธใหม่ๆของรัสเซียทั้งหมด
น่าจะอยู่บนพื้นฐานของอุปกรณ์เหล่านี้จากจีนเป็นหลัก
ก่อนที่จะไปพัฒนาของตัวเอง เนื่องจากใช้เวลามาก
และโดยพื้นฐาน รัสเซียไม่ได้โดดเด่นเลยในเทคโนโลยีนี้
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องระบบสายพานการผลิตที่ล้าสมัย
เนื่องจากปกติใช้บริการเครื่องจักรจากเยอรมันและอิตาลี
มากจนเกินไป ผลจากการคว่ำบาตร มันทำให้ระบบสายพาน
ไม่ได้รับการอัพเดท และบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพที่ดี…
…ซึ่งต่อไป รัสเซียก็คงซื้อจีนอีกนั่นแหละ เดาไม่ยาก….
ในขณะที่ยูเครนนั้นได้รับการสนับสนุนด้านนี้จากประเทศ
ผู้ผลิตอุปกรณ์เหล่านี้อย่างเต็มที่ ผลมันจึงต่างกันมาก
ระบบราชการรัสเซีย เทอะทะ และเน่าใน
นี่คือเหตุผลที่สอง ที่รัสเซียไม่สามารถใช้เศรษฐกิจสงคราม
ได้อย่างที่ควรจะเป็น
รัสเซียนั้นวางอุตสาหกรรมอาวุธทั้งหมดของตน
ให้เป็นของรัฐ หรือในรูปรัฐวิสาหกิจ เช่นเดียวกับ
หลายประเทศที่เป็นลักษณะของอำนาจนิยม
สิ่งนี้ทำให้เกิดความล่าช้าอย่างมาก และทำให้ขาดแรงจูงใจ
ในการแข่งกันพัฒนาของภาคเอกชน เมื่อรัฐผูกขาดเอาไว้
ขั้นตอนการจัดซื้อ ระบบราชการที่ไหนในโลกก็เหมือนกัน
คือ โคตรช้า และหนักเข้าก็คือการคอรัปชั่น
ระบบราชการของรัสเซียนั้นใหญ่มาก ตามขนาดของประเทศ
การระดม จัดหาทรัพยากรผ่านระบบนี้ เสียเวลาหลายขั้นตอน
เช่น จากส่วนกลาง สู่ท้องถิ่น ท้องถิ่นผ่านสู่ผู้ผลิต
แล้วก็ย้อนวนกลับมา ไม่ต่างกับที่ไทยประสบปัญหา
รัสเซียก็เลยช้า และลักษณะการผูกขาดไว้กับรัฐ
ก็ทำให้รัฐต้องเสียค่าวิจัย พัฒนาด้วยตัวเองทั้งหมด
ส่งผลให้เกิดการขาดตอนทางงบประมาณ และไม่สร้างสรรค์
ความหมายของไม่สร้างสรรค์ คือ ผู้ผลิตขาประจำ
ที่ทำงานป้อนภาครัฐก็แบบผลิตๆไปแกนๆ ไม่แอคทีฟ
ทำมายังไงรัฐบาลก็ต้องซื้อใช้ มันจึงไม่มีไรใหม่นัก
งบประมาณก็ล่าช้า จากระบบที่วุ่นวาย
แล้วก็กลายเป็นปัญหาของรัสเซีย จนกระตุกเศรษฐกิจ
ด้วสงครามไม่ได้ ไปในที่สุด
ในขณะที่ยูเครนหลังโดนบุก พวกเขาเปลี่ยนวิธีการจัดหา
จากเคยผลิตเอง มาเป็นทั้งซื้อและผลิต
อันนี้เข้าใจว่าเพื่อรองรับอาวุธบริจาคนั่นแหละ
แต่ในระยะยาว มันกลับส่งผลดี
เมื่อมันจูงใจให้ชาวยูเครนนอกบ้าน ที่ทำงานด้านนี้กลับมา
และวิจัยพัฒนาเพื่อหวังขายบ้านเกิดตัวเอง ร่วมกับผู้ผลิต
หรือนายทุนในบ้าน และใกล้บ้านอย่างโปแลนด์ เพื่อไปเอางาน
มันทำให้การจัดซื้อนั้นมีทางเลือกมากขึ้นและรวดเร็วขึ้น
จนสามารถช่วยเศรษฐกิจ และสถานการณ์ในสงคราม
ของยูเครนได้นั่นเอง
ไม่มีใครปฏิเสธว่ารัสเซียนั้นมีกองกำลังที่น่ากลัว
ที่สร้างขึ้นมาจากทรัพยากรภายในมหาศาล
ปัญหาคือ ทรัพยากรเหล่านี้ ไม่ใช่พริกหลังบ้าน
ที่จะไปเด็ดมากินได้เลยฟรีๆ
มันมีค่าใช้จ่าย มีกระบวนการเพื่อได้มา และสิ่งเหล่านี้แหละ
ที่รัสเซียยังขาด ในบางอารมณ์ พวกเขาก็ไม่ต่างกับหมา
และอาหารกระป๋องที่อยู่ตรงหน้า
ปัจจุบัน น้ำมันสินค้าหลัก การที่ขยายกำลังการส่งได้ล่าช้า
ก็เนื่องจากเหตุผลเหล่านี้เช่นกัน
พวกเขาอาจเก่งในการผลิตอาวุธ
เนื่องจากทุ่มเทกับสิ่งนี้กว่าใคร ชาติใดในโลก
เมื่อดูจากสักส่วนงบประมาณ และพฤติกรรม
แต่พวกเขาละเลย สิ่งธรรมดาๆ ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจ
และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น
โดยหลงลืมไปด้วยว่า สิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานจริงๆของชาติ
และยามสงคราม มันจะมีประโยชน์อย่างมหาศาล
นั่นคือเหตุผล ของความขาดแคลนของรัสเซียในตอนนี้
คือ ไม่ใช่ไม่มี แต่เอามาใช้ไม่ได้เท่าที่ต้องการ
และในสงครามสมัยใหม่ อุปกรณ์พื้นฐานบ้านๆอย่างชิป
ที่รัสเซียละเลยการพัฒนามานาน ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่
อาวุธจำนวนมหาศาลของรัสเซีย ไม่ใช่ผลจากกำลังการผลิต
ที่ดีเหมือนกรณีของจีน แต่มันมาจากการสะสมที่ยาวนาน
หลายสิบปี ตั้งแต่ยุคโซเวียต
แต่สุดท้าย พวกเขาก็ผลาญมันจนหมด และเริ่มขาดแคลน
เรียกเกณฑ์คนไปผลิต แต่กลายเป็นไปนั่งกินเงินเดือนเฉยๆ
เนื่องจากไม่มีวัตถุดิบให้ผลิต นี่คือสภาพในอุตสาหกรรม
อาวุธของรัสเซียตอนนี้
เมื่อรายจ่ายไม่เท่าผลผลิต ผลคือรัฐขาดทุน และเงินเฟ้อหนัก
ที่แม้แต่ธนาคารกลางเองพวกเขายังยอมรับว่ามันเฟ้อกว่า 10%
และเอาในความเป็นจริงที่ชาวบ้านเจอ ก็สูงกว่านั้นมาก
ในขณะที่ยูเครน กลับสร้างงานจากอุตสาหกรรมเหล่านี้
ได้มากกว่า 3 แสนตำแหน่งในทางตรง และทางอ้อมมหาศาล
รายงานกล่าวว่า คนยูเครนที่เหลือจากการอพยพ
และเกณฑ์ทหาร ทุก 10 คน จะมีถึง 5 คนที่มีรายได้เกี่ยวข้อง
กับอุตสาหกรรมอาวุธของประเทศตัวเอง
นั่นทำให้พวกเขาใช้เงินที่รับมาจากตะวันตกถึง 2/3
กับอุตสาหกรรมอาวุธในประเทศตัวเอง
มันหมายความว่า เศรษฐกิจสงครามของยูเครนนั้น
ไปได้สวยกว่ารัสเซียมาก เงินเฟ้อก็ลดลงเรื่อยๆ
แม้จะยังสูง แต่ก็สูงในลักษณะของการขาดแคลนมากกว่า
ที่จะเป็นด้วยระบบเศรษฐกิจแย่ หรือรัฐไม่มีเงิน ไม่มีงานให้
แบบในกรณีของรัสเซีย
…ปัจจุบัน ยูเครนจบปัญหาการขาดแคลนปืนใหญ่อย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะกระสุน ที่ผลิตได้ราว 70% ของความต้องการ
ทั้งหมด ยุโรปเติมมาอีกหน่อยก็จบ ไม่ง้อสหรัฐได้ ในส่วนนี้
…และการผลิตอาวุธไฮเทคก็มากกว่าเดิมในระดับหลายเท่าตัว ในทุกๆปี ตอนนี้พวกเขามีศักยภาพพอจะผลิตขีปนาวุธ
พิสัยไกลอย่างNeptune ถึงปีละ 3,000 ลูก และตั้งเป้าผลิต
โดรนถึง 1 แสนลำภายในปีนี้ ซึ่งต้องบอกว่าเยอะมากจริงๆ ….
…แบบถ้าเงินมา วัตถุดิบไม่ขาด ยูเครนก็ได้อีกนานล่ะครับ…
ถ้าเทียบกันในแง่นี้ ก็ต้องบอกว่ายูเครนประสบผลสำเร็จ
ในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมอาวุธมากกว่า
อาจจะไม่ใช่ว่าเก่งกว่ารัสเซีย แต่การช่วยเหลือ
จากค่ายตะวันตกนั้นมีส่วนอย่างมาก บวกกับแรงจูงใจ
ที่จะปกป้องตัวเอง มันเลยได้ผลดีกว่า ก็เท่านั้น
และถ้านี่แค่เป็นผลจากความช่วยเหลือจากค่ายตะวันตก
โดยเฉพาะพวกยุโรปที่มากขึ้นในช่วงหลังเยอะ…
…มันก็บอกได้เลย ว่ากำลังของยุโรปที่แท้จริงนั้น จะต้องสูง
กว่ายูเครนมากมายนับร้อยเท่า…
…แล้วรัสเซียไหวจริงๆเหรอ ที่จะสู้กับเขา….
…ไม่รู้นะ ส่วนตัวผมว่าปูตินไม่กล้าหรอก บุกยุโรปน่ะ
…เขารู้ว่าไม่ไหว ก็คงเอาแค่ตรงยูเครนนี่แหละ ไว้เป็นกันชน
…แต่พวกยุโรป มันก็ปั่นของมันไปเรื่อยแหละ …
…เศรษฐกิจตกต่ำ ของอื่นขายยาก ก็ปั่นขายอาวุธมันซะเลย…
…แค่นั้นแหละมั้ง ผมว่านะ ….
อ้างอิง
โฆษณา