11 เม.ย. เวลา 13:21 • ไลฟ์สไตล์

อ่อนแอก็แพ้ไป : ดาร์วินไม่ได้พูดดด!

หากใครที่ชีวิตกำลังตกต่ำ หรือมีปัญหาที่อยู่ระหว่างการแก้ไข และเมื่อคุณอาจเผลอเล่าเรื่องปัญหาหรือปรึกษาใครก็ตามที่คุณคิดว่าคุณไว้ใจ ถ้าสนิทสนมกันพอหยอกเอินล้อเล่นได้ คำพูดที่ว่า "อ่อนแอก็แพ้ไป" ก็คงเป็นแค่วลีแซวๆ กัน
แต่ถ้าไม่ได้สนิทกันถึงขั้นนั้น เจตนาเพียงต้องการขอคำปรึกษา หาวิธีแก้ปัญหาไว้เป็นทางเลือกไม่ว่าจะเป็นหัวหน้า เพื่อนที่ทำงาน รุ่นพี่ในสถาบันหรือบุคคลอื่นก็ตามแต่ วลีนี้ก็อาจจะฟังดูเหมือนเป็นการด้อยค่า ถากถาง ถ่มถุยกันไปสักนิด
วลีนี้มันสื่อถึงอะไรกันแน่...? ทำไมคนถึงชอบพูดกัน...? แล้วคนที่พูดเจตนาอะไรกับเรา...?
จากการที่ผมได้สอบถามและเก็บข้อมูลมา บุคคลที่เอ่ยวลีที่ว่า "อ่อนแอก็แพ้ไป" โดยส่วนมากมีความยึดถือในทฤษฎี การคัดเลือกโดยธรรมชาติ (Natural Selection) ของผู้ได้ฉายาว่าบิดาแห่งชีววิทยาที่ชื่อ ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin)
https://en.wikipedia.org/wiki/Charles_Darwin#/media/File:Charles_Darwin_seated_crop.jpg
โดยมักสรุปหลักใหญ่ใจความที่เป็นไปในเชิงวิชาการทางพันธุศาสตร์และชีววิทยาเอามากๆ เหลือแค่ความเข้าใจเพียงประโยคเดียวว่า "ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นถึงจะอยู่รอด"
ซึ่ง ชาร์ลส์ ดาร์วิน ได้มีทฤษฎีว่า สิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้ดีกับสภาพแวดล้อม จะมีโอกาสมีชีวิตรอดได้มากกว่า และถ่ายทอดลักษณะที่ปรับเปลี่ยนไปสู่รุ่นต่อๆ ไป เมื่อเวลาผ่านไปลักษณะที่ปรับเปลี่ยนจะเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ลักษณะที่ไม่เหมาะสมจะลดน้อยลงหรืออาจหมดไป ที่สุดแล้วอาจเกิดกลายพันธุ์เป็นสิ่งมีชีวิตสปีชี่ส์ใหม่
https://kruwichaibiotraim.wordpress.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3/
หากความหมายของ ดาร์วิน คือ การปรับตัวได้ดี = ความแข็งแกร่ง วลีที่ว่ามามันก็สมเหตุสมผลอยู่บ้าง ถึงแม้นำมาใช้ในทางที่ผิดก็ตาม ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วการปรับตัวได้ดีก็มักจะอยู่รอดได้เป็นส่วนมาก ยกเว้นก็เพียงแต่ปัจจัยธรรมชาติอื่นๆ ที่ความแข็งแกร่งก็อาจไม่มีผล เช่น ภัยธรรมชาติ อุกกาบาตชนโลก เป็นต้น อีกอย่างหากผู้ที่ถูกเรียกว่าอ่อนแอกำลังเรียนรู้การปรับตัวให้ยืดหยุ่นกับปัญหาตรงหน้าอยู่ล่ะ
แต่รู้หรือไม่ ? บุคคลที่หยิบยกวลีนี้มาใช้กับบุคคลอื่น มีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคขาดความเมตตา (CDD: Compassion Deficit Disorder) ซึ่งสังคมแห่งการแข่งขันมันดันให้สิทธิ์อนุญาตให้เราบูลลี่ พิพากษา ข่มขู่ เพิกเฉย ประเมินและตัดสินคนอื่น โดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง มองตัวเองดีพร้อมเสมอได้โดยง่ายเหลือเกิน
เมื่อการที่โรคขาดความเมตตาเป็นลักษณะหนึ่งของการไม่ช่วยเหลือเกื้อกูล พึ่งพิง ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันในสังคม ไม่ยกระดับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เลยทำให้ยากที่จะทราบว่า "แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด" หรือ "อ่อนแอก็แพ้ไป" จะชนะและอยู่รอดกันไปตลอดรอดฝั่งจริงหรือไม่นั่นก็น่าคิด...
โฆษณา