11 เม.ย. เวลา 15:52 • หนังสือ

หนังสือ ร่างกายไม่เคยโกหก

จากนักสืบ FBI ที่มีความเชี่ยวชาญในการสืบและจับผิดคนร้าย จากการอ่านภาษากาย นำมาสู่ความรู้ ประสบการณ์ และทักษะยอดเยี่ยมที่ถ่ายทอดและเผยแพร่มาเป็นหนังสือเล่มนี้ โดยผู้เขียน Joe Navarro ที่เขียนหนังสือเล่มนี้จนกลายเป็นหนังสือชื่อดังที่มีคนอ่านหลายล้านคนทั่วโลก ซึ่งเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับภาษากายรูปแบบต่างๆในชีวิตประจำวัน ที่ทำให้เราหัดสังเกต และสามารถนำมาปรับใช้ในการคาดการณ์ความรู้สึกนึกคิดจากการอ่านภาษากายที่หลายคนอาจไม่เคยรู้หรือใส่ใจกับมันมาก่อน
1
เรามีสมองส่วนลิมบิกที่สามารถเชื่อมโยงกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเราและถ่ายทอดออกมาเป็นภาษากายในรูปแบบต่างๆได้ โดยภาษากายที่แสดงออกมาเป็นการทำเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานของมนุษย์ที่มีมาแต่ช้านาน
ภาษากายหลักๆ สามารถแสดงความรู้สึกออกมาหลักๆได้ทั้งอารมณ์บวก และ อารมณ์ลบ
—>> อารมณ์บวก ไม่ว่าจะเป็นความดีใจ ความตื่นเต้น มีความสุข สบายใจ และอื่นๆ
—>> อารมณ์ลบ ไม่ว่าจะเป็นความคับข้องใจ ความเครียด ความวิตกกังวล ความหวาดกลัว ความประหม่า การโกหก เป็นต้น
1
ภาษากายต่างๆที่คนเราแสดงออกมายังสะท้อนให้เห็นว่าเราจะเอาตัวรอดยังไงในทางจิตวิทยาว่า เราจะนิ่ง จะสู้ หรือ จะหนี Fight or Flight
—>> นิ่งไม่ขยับ เราอาจจะกำลังตัวแข็งทื่อ หรือกลัวอะไรบางอย่าง หรือมีเรื่องที่โกหกอยู่ก็ได้ โดยขยับตัวให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต
—>> สู้ อาจเป็นการแสดงความก้าวร้าว เมื่อไม่พอใจอะไรบางอย่าง หรือ เพื่อป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายต่างๆก็เป็นได้
—>> หนี อาจเป็นการหนีจากสิ่งที่ไม่ชอบ หรือสิ่งที่เป็นอันตราย เพื่อให้ตัวเองปลอดภัย
ซึ่งสามารถแสดงออกมาผ่านภาษากายได้ทุกส่วน ได้แก่ หน้า มือ ขา ดวงตา แขน เท้า ลำตัว และอื่นๆ
แต่ผู้อ่านต้องทราบให้ดีก่อนว่าภาษากายไม่ได้บอกทุกอย่างได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์ เรายังคงต้องดูอย่างอื่นประกอบด้วย และยังขึ้นอยู่กับนิสัยและลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคลที่ไม่มีความตายตัวเสมอไป
ตัวอย่างภาษากาย
•• เท้าและขา••
- คู่สนทนาคนหนึ่งเบี่ยงเท้าออก หมายความว่า อยากหยุดการสนทนานี้ไว้แต่เพียงเท่านี้ เพื่อจะไปทำธุระอย่างอื่นต่อ เตรียมจากไปเพราะยังมีสิ่งสำคัญอย่างอื่นที่ต้องทำ ไม่ได้มีเวลามากที่จะยืนคุยด้วยนานๆ หรือต้องการจะตัดบทสนทนา เพื่อไปที่อื่น
- ผู้หญิงกับผู้ชายนั่งข้างกันโดยชี้เท้าเข้าหากัน แสดงถึงความพอใจ ชอบพอกันและกัน
- การกระดิกเท้าไปมา ก็เป็นการบอกถึงความสุข ความพอใจ รู้สึกชิวๆ หรือแม้แต่การกระโดดโลดเต้น เมื่อรู้สึกดีใจหรือตื่นเต้น
- พูดคุยโทรศัพท์และเท้าชี้ขึ้น บ่งบอกถึงความสบายใจ มีความสุข ชิวๆ
•• ดวงตา••
- ตาเป็นประกาย คือ อาจจะมีความสนอกสนใจบางสิ่ง หรือตื่นเต้นที่ได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่ตัวเองชอบ
1
- การกรอกตา หรือ หรี่ตาลง อาจเป็นการไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ไม่ชอบสิ่งที่ได้ยิน ถึงขั้นรู้สึกเบื่อหน่าย
••ใบหน้า••
- หน้าผากย่น ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด บ่งบอกว่าอาจกำลังเครียด หรือ คิดอะไรบางอย่างที่ยังหาทางออกไม่ได้
1
- ใบหน้าเชิดขึ้น แสดงถึงความมั่นใจ และรู้สึกเหนือกว่า
- ถ้าใบหน้าก้มลง แสดงถึงความมั่นใจต่ำ
*** ปากยิ้มตายิ้ม แสดงถึงความสุข ความดีใจ ความพอใจ ยิ้มด้วยความรู้สึกจากใจจริงๆ
*** ปากยิ้มไปด้านข้าง แต่ตาไม่ยิ้มด้วยหรือดูเฉยๆ อาจเป็นการยิ้มที่ไม่ได้ออกมาจากใจ ฝืนยิ้ม หรือยิ้มไปงั้นๆเพื่อรักษามารยาทและการวางตัวในสังคม
••แขนและมือ••
- แขนกอดอกระหว่างฟังคู่สนทนา คือ ต้องการแสดงว่าตัวเองมีอำนาจ และมักไม่ยอมรับในความคิดเห็นของคู่สนทนา ทั้งที่ดูเหมือนจะตั้งใจฟังก็ตาม ค่อนข้างถือความคิดตัวเองเป็นใหญ่ มักไม่ค่อยฟัง หรือ เชื่อคนที่ตัวเองไม่ชอบ
- วางมือในลักษณะระนาบกับโต๊ะ โดยนิ้วโป้งทั้ง 2 ข้างกดลงบนโต๊ะ พบในผู้มีอำนาจ เช่นเจ้านาย เพื่อกดดันให้อีกฝ่ายเคารพ ต้องเชื่อฟัง และทำตามในสิ่งที่เขาพูด ทำนองว่าจงฟัง จงฟัง ค่อนข้างจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองกำลังพูด และยังเป็นการประกาศอาณาเขตของตัวเองได้ด้วยเช่นกัน
- โอบกอด เป็นการแสดงถึงความรักความห่วงใย และอยากปกป้องคนที่ตัวเองรัก ในทางตรงกันข้าม ถ้าชักแขนกลับมาไม่กอดหรือไว้ข้างลำตัวเมื่อมีคนเข้าหา เขาคนนั้นอาจจะรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือเกรงกลัวที่จะทำ
- การเอามือจับไว้ตรงเข็มขัดของผู้ชาย แสดงถึงความเป็นชาย และภูมิใจในตัวเอง หรือเมื่อได้เห็นเพศตรงข้ามที่ตัวเองรู้สึกสนใจ ทำนองว่ารู้สึกตื่นเต้น อยากโชว์พาว เพื่อให้เพศตรงข้ามประทับใจ เกิดขึ้นได้ในระหว่างกำลังจีบกัน
- การกำหมัด หมายความว่า ข่มและเก็บกดอารมณ์ไว้ก่อน และอาจเตรียมพร้อมที่จะมีเรื่องชกต่อย ถ้าไม่สามารถระงับความโกรธได้
1
••ลำตัว••
- เบี่ยงตัวออก เพื่อหนีจากสิ่งที่ไม่ปลอดภัย หรือ ทำให้รู้สึกอึดอัด
- ลำตัวเข้าหากัน แสดงถึงความชอบพอกัน บทสนทนากำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น และสนุกสนาน
1
นอกจากนั้น เรายังสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ในการจับเท็จ หรือ การจับโกหกได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักสืบและตำรวจ FBI ต้องทำเป็นประจำ เพื่อจับตัวคนร้ายได้ถูกต้อง
ซึ่งที่ทำเป็นประจำกัน คือ การถามคำถามกับผู้ต้องสงสัย ถ้าผู้ต้องสงสัยตอบแบบสบายๆ อารมณ์ความรู้สึกและคำพูดสอดคล้องกัน และนั่งด้วยท่าทางที่สบายๆและผ่อนคลาย ก็อาจแปลได้ว่าเค้าพูดความจริง แต่ถ้าถามแล้วเค้าเครียด อารมณ์ความรู้สึกกับคำพูดไม่สอดคล้องกัน หรือมีสีหน้าที่ไม่สบายใจ และเกาะเก้าอี้แน่น ก็อาจจะเป็นได้ว่าเค้าโกหก และลำบากใจที่จะพูดความจริงออกมา
1
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตามที่ได้บอกไปข้างต้นว่าอาจจะไม่ใช่ในรูปแบบนี้เสมอไป เพราะคนเรามีบุคลิก ความคิด นิสัยใจคอที่แตกต่างกัน
สุดท้าย การอ่านภาษากายด้วยตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยไม่มีใครสอน อาจทำให้ความเข้าใจ หรือการนำมาใช้ค่อนข้างเป็นไปได้ช้ากว่า แต่การได้วิธีลัดจากหนังสือเล่มนี้ ทำให้เราเข้าใจและสามารถนำมาปรับใช้ได้รวดเร็วทันเวลา โดยไม่ต้องลองผิดลองถูกหรือนั่งหาคำตอบด้วยตัวเอง เสมือนมีคู่มือที่ทำให้เราอ่านคนได้ถูกต้องแม่นยำขึ้น
หนังสืออ้างอิง :
ร่างกายไม่เคยโกหก เขียนโดย Joe Navarro สำนักพิมพ์วีเลิร์น
1
โฆษณา