14 เม.ย. เวลา 01:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Flash : Weekly Economic Highlights – ตัวเลขเศรษฐกิจน่าสนใจ มีอะไรบ้าง ? (14 เม.ย. 2025)

สภาวะตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา ?
ตลาดหุ้นโลกเคลื่อนไหวผันผวนรุนแรง เนื่องจากความไม่แน่นอนของการขึ้นภาษีสินค้าของสหรัฐฯ หลังสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีเต็มรูปแบบวันที่ 9 เม.ย. แต่ต่อมา ได้ประกาศลดภาษีชั่วคราวเหลือเพียง 10% เป็นเวลา 90 วัน ต่อประเทศคู่ค้า ยกเว้นจีน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาต่อรอง และอาจขยายเวลาเพิ่มเติมได้ ซึ่งทำให้จีนไม่พอใจและขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯต่อเนื่อง สู่ระดับ 125% ขณะที่สหรัฐฯตกลงเก็บภาษีสินค้าจากจีน 145% จนวันศุกร์ ปธน. Trump ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า สหรัฐฯกับจีนมีโอกาสเจรจากันได้
อัตราภาษีที่สหรัฐฯเรียกเก็บจากประเทศคู่ค้า ล่าสุด - ภาพจาก CNBC.com
ด้านยุโรป สหภาพยุโรปโหวตเห็นชอบขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ 25% เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ และได้เลื่อนการขึ้นภาษีออกไป ทันทีที่สหรัฐฯลดภาษีชั่วคราวเหลือ 10% ขณะที่เอเชีย ตลาดสะท้อนภาพความกังวลจากสงครามการค้าที่รุนแรงกว่าสหรัฐฯและยุโรป ส่งผลให้ตลาดเคลื่อนไหวผันผวนเช่นเดียวกัน
ดัชนี Dow Jones สหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวนในสัปดาห์ที่ผ่านมา - ภาพจาก CNBC.com
นักวิเคราะห์จาก Barclays คาดว่า ตลาดหุ้นมีโอกาสน้อยที่จะไม่ลดลงไปต่ำกว่าระดับปัจจุบัน หลังมีการประกาศลดภาษีชั่วคราว 90 วัน แต่อาจยังปรับตัวขึ้นได้ยาก เนื่องจากนโยบายการค้าที่ยังไม่แน่นอน
ด้านตัวเลขทางเศรษฐกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ออกมาต่ำที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี และคาดการณ์เงินเฟ้อปรับตัวขึ้น, เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน มี.ค. ชะลอตัวมากกว่าคาด แต่ตลาดไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพราะเป็นราคาสินค้าก่อนมีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าในเดือนนี้ ขณะที่ธนาคารกลางจีน (PBoC) เน้นย้ำว่า ยังคงแผนผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างช้าๆ
การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเริ่มแล้ว โดยธนาคารพาณิชย์สหรัฐฯประกาศผลประกอบการหลายธนาคาร เช่น JPMorgan, Morgan Stanley, Wells Fargo และ BlackRock ที่ประกาศรายได้ไตรมาส 1/2025 ดีกว่าคาด
ภาพจาก CNBC.com
ข้ามมาทางฝั่งสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง จากความกังวลเกี่ยวกับภาษี และสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ปรับเพิ่มสต๊อกน้ำมันดิบคาดการณ์ในปีนี้เพิ่มขึ้นในกลางปี 2025 และลดคาดการณ์น้ำมันดิบ Brent ปลายปีนี้ -10% เหลือน้อยกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,226 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ จากนักลงทุนที่ยังซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
ภาพจาก CNBC.com
ตัวเลขเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ที่น่าติดตาม
15 เม.ย. : GDP ไตรมาส 1 ของจีน คาดว่าจะขยายตัว +5.1%YoY ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน
16 เม.ย. : เงินเฟ้อ (CPI) เดือน มี.ค. ของอังกฤษและยุโรป + ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือน มี.ค. ของสหรัฐฯ คาดว่าจะขยายตัว +1.3%MoM + นาย Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กล่าว
17 เม.ย. : การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะลดดอกเบี้ยเป็น 2.25% + ดัชนีการผลิตฟิลาเดลเฟีย เดือน เม.ย. ของสหรัฐฯ
รายชื่อบริษัทที่จะประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้ - ภาพจาก Earnings Whispers และ Reddit.com
บริษัทที่จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2025 สัปดาห์นี้ ได้แก่ Goldman Sachs, Citi, Johnson & Johnson, Ericsson, Bank of America, Interactive Brokers, ASML, US Bancorp, Abbott, Alcoa, TSMC, United Health, American Express และ Netflix
สัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นที่หยุดทำการ ได้แก่ ตลาดหุ้นอินเดีย เนื่องในวันเกิด ดร.อัมเบดการ์ (14 เม.ย.), ตลาดหุ้นไทย เนื่องในวันสงกรานต์ (14-15 เม.ย.), ตลาดหุ้นในยุโรป ฮ่องกง อินเดีย และสหรัฐฯ เนื่องในวันศุกร์ประเสริฐ Good Friday (18 เม.ย.)
ภาพจาก Investing.com
Mr. เต่า มองว่ายังไง ?
ผมมองว่า “ตลาดหุ้นโลกจะเคลื่อนไหวในกรอบ” รอความคืบหน้าการเจรจาการค้าในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรป ย่อตัวลงราว -12% ต่ำสุดในรอบ 14-15 เดือน ถือว่าเป็นจุด “น่าซื้อ” สำหรับนักลงทุนระยะยาว ขณะที่ตลาดหุ้นในฝั่งเอเชีย ร่วงลงมากกว่า โดยปรับตัวลงราว 15-20% ซึ่งมุมมองของตลาดเอเชีย ค่อนข้างอ่อนแอกว่าสหรัฐฯและยุโรป แต่หลายตลาดก็ยังถือว่ามีโอกาสลงทุนเช่นกัน ในภาพรวม สามารถ “ทยอยซื้อ” ตลาดในฝั่งเอเชียได้ แต่อาจต้องใช้ความระมัดระวังและเหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงกว่าครับ
ผมเดาไม่ออกเหมือนกันว่า ตลาดจะขึ้นหรือลงต่อหรือเปล่า แต่สิ่งที่ผมมั่นใจ คือ เราสามารถ “ทยอยลงทุน” ในตลาดที่ดี พื้นฐานแข็งแกร่ง มีโอกาสเติบโต ได้ในระดับราคาที่เหมาะสม ซึ่ง ณ ตอนนี้ คือ “เวลาที่เหมาะสม” สำหรับการเริ่มทยอยลงทุนแล้วครับ
ติดตาม GDP จีน, การประกาศงบการเงินบริษัทจดทะเบียน และการประชุมธนาคารกลางยุโรป ที่คาดว่าจะลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยหนุนสภาพคล่องในตลาดหุ้นยุโรปในภาพรวม
Mr. เต่า แนะนำ “ซื้อ” ตลาดหุ้นน่าสนใจ ได้แก่ “เวียดนาม”, “อินเดีย” และ “หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ” ซึ่งผมมองว่าตลาด “ติดลบแรงเกินไป” รวมทั้งหุ้นกลุ่มที่สะสมเพิ่มได้ คือ “กลุ่มหุ้นปลอดภัยและหุ้นปันผลสูง” เช่น กลุ่มสุขภาพ และสาธารณูปโภคเป็นต้น ครับ
โชคดีในการลงทุนนะครับ
Mr. เต่า
ค้นหาบทความเต่าน้อยลงทุนผ่าน Facebook ได้อีกช่องทางที่
#อัพเดตการลงทุน #เต่าน้อยลงทุน #ลงทุน #การลงทุน #กองทุนรวม #ข่าวต่างประเทศ #หุ้น #ตลาดหุ้นโลก #กองทุนรวม #ข่าวการลงทุน #ข่าวเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจโลก
ติดตามเพจ “เต่าน้อยลงทุน” ได้ที่
Source : “China retaliates with 125% tariffs on U.S. goods” – CNBC.com
“Consumer sentiment tumbles in April as inflation fears spike, University of Michigan survey shows” – CNBC.com
โฆษณา