13 เม.ย. เวลา 02:10 • ความคิดเห็น
ปีนี้ผมอายุ 36 ปี น่าจะอายุเกินคำว่า “เด็กยุคใหม่” แล้ว ก็มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยครับ
ที่บอกว่าเด็กยุคใหม่ความอดทนมีน้อย อันนี้ผมว่าจริงในแง่ที่ว่าเขาจะไม่ค่อยยอมเสียเวลากับอะไรที่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันเปล่าประโยชน์ ในขณะที่ผู้ใหญ่จะรู้สึกว่าต้องอดทน ต่อให้มันไม่ใช่ มันเสียเวลา ก็อดทนไปเถอะ ในขณะที่เด็กรุ่นใหม่เขาจะมองว่าจะทนไปทำไม? ทางเลือกอื่นก็มี จะทนไปเพื่ออะไร?
ส่วนที่ผมไม่เห็นด้วยก็คำตอบเดียวกันเลยครับ ที่ว่าเด็กยุคใหม่ความอดทนมีน้อย
ผมมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นทายาทบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ปัจจุบันเพื่อนผมคนนี้ก็อยู่ในตำแหน่งบริหาร และเพื่อนผมคนนี้เคยแสดงความเห็นในเรื่องนี้ไว้ เรื่องเด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยอดทนนี่แหละครับ
เพื่อนผมบอกว่า ในฐานะผู้บริหาร มันมองว่าจริงๆ ที่เขาว่ากันว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่อดทน ไม่สู้งาน จริงๆ ก็ไม่เชิงนะ
แต่เด็กรุ่นใหม่เขาไม่ยอมอะไรง่ายๆ เหมือนรุ่นเก่า เริ่มรู้สิทธิของตนเองมากขึ้น ต่างจากคนรุ่นเก่าที่คิดแค่ว่าอดทน อดทน อดทน แค่มีงานทำก็ถือว่าดีแล้ว
ผลที่ได้คือ คนรุ่นเก่าถึงแม้ว่าจะถูกเอาเปรียบ ก็จะยอมทนอยู่อย่างนั้น ถูกบังคับทำโอทีแบบฟรีๆ ไม่ได้เงิน ก็ไม่ว่าอะไร วันหยุดแทนที่จะได้พักผ่อน บางทีก็ถูกตามตัวให้ไปทำงานฟรีๆ ไม่มีค่าตอบแทน ก็ไม่เป็นไร ยังดีกว่าไม่มีงานทำ
แต่กับเด็กรุ่นใหม่เขาไม่ใช่อย่างนั้น
ถ้างานไม่ได้เร่ง เขาก็จะมองว่าทำไมต้องบังคับทำโอทีในเมื่องานของเขามันเสร็จแล้ว? หรือถ้าจะให้เขาทำจริงๆ ก็ต้องมีค่าตอบแทน มีโอที ไม่อย่างนั้นมันก็เป็นการเอาเปรียบ ถ้าจะให้ทำงานล่วงเวลา ก็ต้องมีโอทีให้ถูกต้องด้วย
วันหยุดคือวันพักผ่อน สัญญาจ้างก็เขียนไว้ชัดเจน หยุดเสาร์อาทิตย์ มันไม่ใช่เวลาทำงาน เขามีสิทธิพักผ่อนอยู่กับครอบครัว การมาบังคับทำงานหรือโทรหาเรื่องงาน มันเป็นการละเมิดสัญญา ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องมาทำงานในวันเสาร์อาทิตย์ หรือถ้าจะต้องทำจริงๆ ก็ต้องจ่ายโอทีครับ
ดังนั้นไอ้ที่บอกว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่สู้งาน ไม่อดทน จริงๆ ก็ไม่ใช่หรอก แต่อาจจะเป็นเพราะว่าผู้ใหญ่รุ่นเก่านี่แหละเอาเปรียบจนเคยชิน เอาเปรียบจนเคยตัว พอเจอเด็กรุ่นใหม่ที่เริ่มจะรู้สิทธิของตนเอง เริ่มจะไม่ยอมโดนเอาเปรียบ ก็เลยมองว่าไม่สู้งาน ไม่อดทน ทั้งๆ ที่ปัญหาจริงๆ มันมาจากการที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ นี่แหละที่เอาเปรียบจนเคยตัว พอเจออย่างนี้ก็เลยไม่ชิน แล้วไปโทษเด็ก
ทั้งหมดนี้คือความเห็นของผู้บริหารองค์กรใหญ่แห่งหนึ่งนะครับ ซึ่งผมว่าก็ดีมากเลย คือไม่ได้โทษเด็กอย่างเดียว แต่มองในมุมกลับ มองที่ตัวเองด้วย
ส่วนตัวผมเอง ที่เคยเจอมา น้องๆ ฝึกงานหรือพนักงานเด็กๆ แต่ละคนที่เจอมานี่คือโอเคนะครับ มีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักพลิกแพลง หลายคนผมมองว่าเก่งกว่าผมกับพนักงานเก่าๆ หลายคนด้วยซ้ำ
ส่วนที่มีปัญหาจริงๆ คือพวกแก่ๆ 50+ นี่แหละครับ พวกนี้ล่ะตัวปัญหาของจริง ถือตัวว่าอาวุโส จะสั่งงานหรือขอให้ทำงานอะไรทีนี่แทบจะต้องกราบขอให้ทำ ไอเดียแต่ละอย่างก็เอามาใช้ไม่ได้จริง แต่จะแย้งอะไรมากก็ไม่ได้ เดี๋ยวมีปัญหา หาว่าปีนเกลียวอีก
สุดท้ายงานก็ออกมาเละ ไม่ได้ดีเท่าที่ควร และคนที่ต้องมานั่งแก้ ตามล้าง ตามเช็ด ก็คือเหล่าเด็กรุ่นใหม่ที่ว่าไม่อดทนนี่แหละครับ เป็นคนต้องมาคอยตามล้าง ตามเช็ด ทำความสะอาดให้
ที่ทำงานเก่าของผม ตัวผมเคยทำโปรเจคต์หนึ่ง แล้วพี่อาวุโสในทีมคนหนึ่งเสนอแนวทางการทำงานที่ผมฟังดูก็รู้ว่าไม่เวิร์ค ผมเลยคัดค้าน บอกให้ลองคิดใหม่ ลองคิดแนวทางอื่น และผมยังเสนอวิธีการที่คิดว่ามันน่าจะเวิร์ค
แต่ปรากฎว่าพี่คนนี้แกไม่เชื่อผม ยังคงยืนกรานให้ทำตามแนวทางของแก แถมยังว่าผมอีกว่าผมเป็นแค่พนักงานอายุน้อย แถมยังเป็นเด็กเส้น จะไปรู้อะไร แกอยู่ที่นี่มาจะ 30 ปีแล้ว ประสบการณ์ย่อมมากกว่าผม
และผลก็ออกมาอย่างที่คิดไว้เป๊ะเลย คือเละ พังพินาศ
และคนที่ต้องมาอดหลับอดนอนแก้งานที่อีโง่นี่ทำเละไว้ แน่นอนครับ ไม่พ้นผม พนักงานอายุน้อยที่ไม่มีประสบการณ์ คนรุ่นใหม่ที่ไม่มีความอดทน ไม่สู้งานนี่แหละครับ ต้องมาตามแก้ ตามล้าง ตามเช็ดให้คนรุ่นเก่าประสบการณ์สูงที่ทำเละ ทำชิบหายเอาไว้
โฆษณา