13 เม.ย. เวลา 07:19 • การตลาด

สรุปวิธิคิด ‘ROAS’ วัดผลการใช้งบโฆษณา พร้อมไอเดียใช้งบน้อย ให้ได้รายได้กลับมาเยอะ

จากตัวอย่าง ขายบัตรอิเวนต์ 1,000 ใบ
-ROAS มาจากคำว่า Return on Ad Spend แปลแบบตรงตัว คือ ผลตอบแทนจากการโฆษณา
ซึ่งนี่คือตัวชี้วัดตัวหนึ่งที่สำคัญมาก สำหรับการทำการตลาด เพราะบอกได้ว่า การลงทุนในการโฆษณาครั้งนั้น ๆ คุ้มค่ามากแค่ไหน
โดยสูตรคำนวณหาค่า ROAS =
รายรับที่ได้จากการโฆษณา / ค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปในการโฆษณา
(บางคนอาจเอาค่าที่ได้ คูณด้วย 100 อีกที เพื่อแปลงให้หน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ได้ แต่ก็ไม่จำเป็น)
ทีนี้เรามาสมมติโจทย์กัน
-โจทย์คือ เราจะยิง Ads หรือก็คือจ่ายเงินค่าโฆษณาให้กับเฟซบุ๊ก เพื่อโปรโมตคอนเทนต์ขายบัตรงานอิเวนต์ด้านการตลาดที่เราจะจัด
โดยเงื่อนไขคือ บัตรอิเวนต์นี้ตั้งราคาขายที่ใบละ 2,500 บาท และขายได้สูงสุด 1,000 ใบ
1
-ถ้าเราขายบัตรได้หมดเกลี้ยง 1,000 ใบ โดยใช้งบยิง Ads ไป 250,000 บาท
ROAS จะเท่ากับ
รายรับจากการขายบัตร 2,500,000 บาท / ค่ายิง Ads 250,000 บาท = 10
ความหมายคือ งบค่าโฆษณาของเรา สร้างรายรับกลับมาได้ 10 เท่า
หรือพูดในมุมกลับกันก็คือ รายรับ 2,500,000 บาท เราใช้งบโฆษณาไป 10%
-ถ้าสมมติต่อว่า เราใช้งบยิง Ads ไปแล้ว 250,000 บาท แต่บัตรยังขายไม่หมด
คราวนี้เราเลยเพิ่มงบยิง Ads เป็น 500,000 บาท จนขายบัตรได้หมด
ROAS จะเท่ากับ
รายรับจากการขายบัตร 2,500,000 บาท / ค่ายิง Ads 500,000 บาท = 5
ความหมายคือ งบค่าโฆษณาของเรา สร้างรายรับกลับมาได้ 5 เท่า
หรือพูดในมุมกลับกันก็คือ รายรับ 2,500,000 บาท เราใช้งบโฆษณาไป 20%
-ถ้าสมมติต่อไปอีก คราวนี้เป็นเคสร้ายแรงเลย คือเราใช้งบยิง Ads ไปทั้งหมด 2,800,000 บาท ถึงจะขายบัตรได้หมด
ROAS จะเท่ากับ
รายรับจากการขายบัตร 2,500,000 บาท / ค่ายิง Ads 2,800,000 บาท = 0.9
ความหมายคือ งบค่าโฆษณาของเรา สร้างรายรับกลับมาได้ 0.9 เท่า ซึ่งน้อยกว่าเงินที่เสียไปจากการยิง Ads เสียอีก
หรือพูดในมุมกลับกันก็คือ รายรับ 2,500,000 บาท เราใช้งบโฆษณาไป 112%
-คำถามคือ แล้ว ROAS ควรจะเป็นกี่เท่า ? หรืออีกมุมคือ เราควรวางงบโฆษณาเป็นกี่ % ของรายได้ ?
คำตอบก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า เรารับได้แค่ไหน กับการใช้งบโฆษณา เพื่อให้ได้รายรับตามที่ต้องการ
บางคนอาจจะ รับได้กับการใช้งบโฆษณาไม่เกิน 10%
บางคนอาจจะ รับได้กับการใช้งบโฆษณาไม่เกิน 30%
บางคนอาจจะ รับได้กับการใช้งบโฆษณาไม่เกิน 50%
ตัวเลข ROAS ที่ได้ก็จะต่างกันไป เช่น
ถ้าใช้งบโฆษณา 10% ก็จะได้ ROAS = 10 เท่า
ถ้าใช้งบโฆษณา 30% ก็จะได้ ROAS = 3.3 เท่า
ถ้าใช้งบโฆษณา 50% ก็จะได้ ROAS = 2 เท่า
แต่สิ่งที่ตอบได้แน่นอนก็คือ ตัวเลข ROAS ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งดี
เพราะมันหมายความว่า งบโฆษณาที่เราใช้ไปจำนวนนั้น สร้างรายได้กลับมาได้เยอะเป็นหลายเท่าตัว
และอีกสิ่งที่บอกได้เลยว่า ไม่คุ้ม ก็คือ ROAS ในระดับที่ต่ำกว่า 1 เท่า เพราะมันหมายความว่า เราใช้งบโฆษณา เยอะกว่ารายรับที่ได้มา
-ทีนี้อีกคำถามสำคัญคือ เมื่อรู้แล้วว่าตัวเลข ROAS ยิ่งเยอะ ยิ่งดี แล้วจะทำอย่างไร ให้มันเยอะ ?
เรื่องที่ต้องโฟกัสและตั้งคำถาม หลัก ๆ ก็คือ
1.ตัวคอนเทนต์ รูปแบบการนำเสนอ วิธีการนำเสนอ น่าดึงดูดมากพอหรือยัง ตอบโจทย์สิ่งที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายต้องการแล้วหรือยัง ?
เช่น ถ้าความเด็ดของงานอิเวนต์เรา คือดีเทลเรื่องบริษัทที่ลูกค้าจะมาแล้วได้เจอในงาน แต่เรายังไม่มีดีเทลตรงนี้ในการโปรโมต เราต้องลองเพิ่มไปหรือไม่
2.Target Audience ที่เราใช้ยิง Ads เหมาะสมที่จะเป็นกลุ่มลูกค้าเราแล้วจริง ๆ ใช่ไหม ?
เช่น เราจัดอิเวนต์ด้านการตลาด แต่ไปยิง Ads ใส่คนที่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มาก อยู่หรือเปล่า..
ทั้งหมดนี้ คือวิธีคิด Return on Ad Spend (ROAS) ที่ใช้วัดผลตอบแทนจากการโฆษณา
ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมากในการตลาดออนไลน์สมัยนี้
MarketThink หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจ และเอาไปประยุกต์ใช้ได้จริง..
โฆษณา