เมื่อวาน เวลา 00:30 • ข่าวรอบโลก

กำแพงภาษีของทรัมป์ จะสร้าง “Good Deal” เหนือกำแพงเมืองจีนได้จริงหรือ?

กำแพงภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐอเมริกานั้นเปรียบเสมือนการเปิดฉาก "สงครามนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจ" ที่มุ่งเป้าไปที่จีน ซึ่งกำลังใช้อำนาจทางการค้าเข้าควบคุมภูมิรัฐศาสตร์
.
จีนประกาศว่า “ไม่มีใครหยุดยั้งการพัฒนาของจีนได้” ในเอกสารสมุดปกขาวชื่อ “จุดยืนของจีนบางประการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ” จีนได้เน้นย้ำว่า จีนยึดมั่นในหลักการของ ”การค้าเสรี” และปฏิบัติตามกฎขององค์การการค้าโลกอย่างเคร่งครัด
ย้อนรอยสงครามการค้ายุคโดนัลด์ ทรัมป์ - สี จิ้งผิง
🟥 ฉากสงครามการค้าในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรก ซึ่งทรัมป์มุ่งเป้าไปที่จีน ด้วยการเก็บภาษีสินค้าส่วนใหญ่ของจีน ปักกิ่งตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าของสหรัฐฯ ตั้งแต่ผลไม้ไปจนถึงอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ
.
ทรัมป์เปิดการสอบสวนกรณีจีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ ประเมินว่าทำให้สูญเสียเงินมากถึง 600,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
.
เกิดการตอบโต้อัตราภาษีกันไปมาหลายรอบ ขณะเดียวกันทรัมป์ยังใช้ภัยคุกคามจากภาษีศุลกากรเพิ่มเติมเพื่อบังคับให้แคนาดาและเม็กซิโกเจรจาข้อตกลงการค้าอเมริกาเหนือใหม่ ซึ่งเรียกว่าข้อตกลงสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรองนายกรัฐมนตรีจีน หลิว เหอ จับมือกันหลังจากลงนาม “เฟสแรก” ของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ในห้องอีสต์ของทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2020 ในกรุงวอชิงตัน (ภาพเอพี)
ในปี 2563 จีนได้ยอมลงนามข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยจีนให้คำมั่นที่จะซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐฯ เพิ่มอีก 200,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 2 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา กลุ่มวิจัยพบว่าจีนไม่ได้ซื้อสินค้าตามที่สัญญาไว้เลย
.
🟥 ทรัมป์ในสมัยที่สอง กลับมาทำสงครามการค้าในขณะที่สหรัฐอเมริกาอยู่ในภาวะใช้จ่ายเงินเกินตัวจนขาดดุลการคลังรุนแรง แต่ยังคงมีจีนเป็นเป้าหมายในการแก้มือจากสงครามครั้งก่อน การประกาศอัตราภาษีศุลกากรครั้งนี้ ทรัมป์ได้ลากประเทศคู่ค้าทั่วโลกเข้าสู่สงครามการค้า ทรัมป์ใช้อัตราภาษีกดดันคู่ค้าให้ยอมเจรจาตามที่เห็นว่าสหรัฐอเมริกาจะได้เปรียบ แต่จีนไม่ได้อยู่นิ่งเฉย ตอบโต้กลับอย่างดุเดือด พร้อมเร่งรวบรวมไพร่พลและกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตร :
จีนตอบโต้ด้วยการฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) การที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนนั้นละเมิดกฎขององค์การการค้าโลกอย่างร้ายแรง ถือเป็นการกระทำฝ่ายเดียวและกีดกันการค้าอย่างชัดเจน ทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกไม่มั่นคง
.
4 ก.พ. 2568 สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10 เปอร์เซ็นต์ภายใต้ข้ออ้างเรื่องสารเฟนทานิล ซึ่งทรัมป์เคยขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีนทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามปราบปรามผู้อพยพเข้าเมืองและยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย
4 มีนาคม 2568 จีนตอบโต้ด้วยภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรสำคัญของสหรัฐฯ สูงถึง 15%
.
3 เมษายน 2568 ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 34% รวมไปถึงภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยภาษีศุลกากรดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน
8 เมษายน 2568 นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีน หารือทางโทรศัพท์กับนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเอิน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป โดยให้คำมั่นว่าจีนจะสามารถคงการพัฒนาทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืนท่ามกลางมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งนาง Ursula ก็ยินดีที่จะส่งเสริมความร่วมมือและการเจรจาระดับสูงกับจีน
9 เมษายน 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ผ่าน Truth Social ถึงการปรับขึ้นอัตราภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ต่อจีนเป็นร้อยละ 125 เพื่อเป็นการตอบโต้กับจีนที่ใช้มาตรการตอบโต้ทางภาษีต่อสหรัฐฯ ที่ร้อยละ 84 แต่อัตราภาษีดังกล่าวยังไม่รวมกับการเรียกเก็บภาษีจากจีนในอัตราร้อยละ 20 เพื่อลงโทษจีนที่ไม่ได้แก้ไขปัญหาการลักลอบค้ายาเฟนทานิลจากจีนสู่สหรัฐฯ ที่ประกาศเมื่อต้น ก.พ.68 ส่งผลให้ขณะนี้อัตราภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ เรียกเก็บรวมจากจีนอยู่ที่ร้อยละ 145
.
และในวันเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ของจีน (MOFCOM) แถลงว่า จีนได้เพิ่มบริษัทสหรัฐฯ 12 แห่งเข้าในรายชื่อควบคุมการส่งออก และเพิ่มบริษัทสหรัฐฯ 6 แห่งเข้าในรายชื่อบริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือ และห้ามส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทางไปยังบริษัทเหล่านี้
.
นอกจากนี้ ทางการจีนยังได้ออกมาตรการต่างๆ มากมายที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลของสหรัฐฯ หรือการค้าที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ ตลอดจนมาตรการควบคุมการส่งออก ซึ่งรวมถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับแรร์เอิร์ธขนาดกลางและหนักบางประเภทได้แก่ ซาแมเรียม (samarium) แกโดลิเนียม (gadolinium) เทอร์เบียม (terbium) ดิสโพรเซียม (dysprosium) ลูทีเทียม (lutetium) สแกนเดียม (scandium) และอิตเทรียม (yttrium) ซึ่งมีความจำเป็นในทางการแพทย์ เช่น การสแกน MRI และการรักษามะเร็ง หลอดไฟประหยัดพลังงาน และอุปกรณ์ทางทหาร
.
อีลอน มัสก์ หัวหน้ากระทรวงเพิ่มประสิทธิภาพ DOGE ซึ่งเป็นนายทุนรายใหญ่ที่บริจาคเงินประมาณ 290 ล้านดอลลาร์ ให้กับแคมเปญหาเสียงของพรรครีพับลิกัน ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการทำสงครามการค้าโดยใช้ภาษีศุลกากรเป็นอาวุธ อีลอน มัสก์ สนับสนุนการค้าเสรี นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทำลายระบบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในโลกาภิวัตน์ลงอย่างสิ้นเชิง และแน่นอนมันส่งผลเสียหายต่อธุรกิจของอีลอน มัสก์ เป็นอย่างมาก
The Washington Post รายงานว่า อีลอน มัสก์ ได้ขอร้องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นการส่วนตัว ให้เปลี่ยนแนวทางเรื่องภาษีศุลกากร แต่ไม่เป็นผล
แผนการเก็บภาษีของทรัมป์ยังได้รวมไปถึงเกาะเฮิร์ดและหมู่เกาะแมคโดนัลด์ ซึ่งเป็นหมูเกาะที่ออสเตรเลียเป็นเจ้าของต้องเสียภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ 10% ปัญหาคือไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นั่นจริงๆในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมามีการสำรวจหมู่เกาะนี้หลายครั้ง แต่มีเพียงแมวน้ำ เพนกวิน และนกทะเลชนิดอื่นๆ เท่านั้นที่อาศัยอยู่ถาวร
.
เรื่องนี้ทำให้อีลอน มัสก์ โพสต์เยาะเย้ย Peter Navarro ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวว่า เป็นเรื่องตลก และพาดพิงไปที่วุฒิการศึกษาของนาย Peter Navarro อีกด้วย
ประธานาธิบดีโกหกอย่างตรงไปตรงมาเมื่อเขากล่าวว่าขณะนี้สหรัฐฯ กำลังเรียกเก็บภาษีในอัตราครึ่งหนึ่งของอัตราที่ประเทศอื่นเรียกเก็บ... พวกเขาคิดภาษีเหล่านั้นขึ้นมาเองทั้งหมด ตอนนี้เราน่าจะมีภาษีสูงที่สุดในโลกที่พัฒนาแล้ว และสูงกว่าประเทศกำลังพัฒนาหลายๆ ประเทศเสียอีก
Steve Liesman นักข่าวเศรษฐกิจอาวุโสของสำนักข่าว CNBC วิจารณ์นโยบายภาษีของทรัมป์
หอการค้าสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวแทนของธุรกิจสหรัฐหลายล้านแห่งทั้งขนาดใหญ่และเล็กกำลังพิจารณาฟ้องรัฐบาลทรัมป์เพื่อระงับการบังคับใช้ภาษีศุลกากรใหม่ของทรัมป์ สงครามการค้ากำลังทำให้ตลาดการเงินตกต่ำ หากยังคงใช้มาตรการภาษีศุลกากรดังกล่าวในระยะยาว อาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของการจ้างงาน และอาจทำให้สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
.
มีกระแสข่าวว่า สก็อตต์ เบสเซนท์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กำลังหาทางออกจากรัฐบาลทรัมป์ หลังจากที่ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันใช้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าที่สร้างความหายนะ ส่งผลให้ความน่าเชื่อถือของทรัมป์ลดลง
.
10 เมษายน 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการขึ้นภาษีศุลกากร "ตอบแทน" ทั้งหมดเป็นเวลาสามเดือน ยกเว้นจีน ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงเหตุผลการตัดสินใจของเขาในการระงับการขึ้นภาษีชั่วคราว ส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลมาจากผู้คนที่ "เริ่มเอะอะโวยวาย" แต่นักวิเคราะห์กลับมองว่า การตัดสินใจของทรัมป์เกิดแรงกดดันจากตลาดการเงิน และการเทขายพันธบัตรสหรัฐอเมริกา โดยหลักการเจรจาที่ทรัมป์ใช้ หากเขาและพวกได้ประโยชน์ เขาก็พร้อมจะถอยก้าวหนึ่งเสมอ
.
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะมีการประกาศ ทรัมป์โพสต์บนTruth Social ว่า “นี่เป็นเวลาที่ดีเยี่ยมที่จะซื้อ!!!” เขาลงท้ายโพสต์นี้ด้วยคำว่า “DJT” ซึ่งเป็นคำนำหน้า Trump Media & Technology Group Corp หุ้น DJT ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Truth Social ร่วงลงเกือบ 13% ในเดือนนี้ หลังจากการประกาศดังกล่าว หุ้นก็พุ่งขึ้นกว่า 20% ในวันพุธเพียงวันเดียวก่อนประกาศระงับการขึ้นภาษี นักลงทุนเชื่อว่า ทรัมป์มีพฤติกรรม “ปั่นหุ้น”
.
10 เมษายน 2568 นายหวัง เหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน ได้พบปะกับมาจิด บิน อับดุลลาห์ อัล-กาซาบี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของซาอุดีอาระเบีย และนายพาร์ค ทาว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และการแข่งขันของแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นประธานกลุ่ม G20 ผ่านวิดีโอคอล โดยเน้นที่การเสริมสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาคและพหุภาคี รวมทั้งแนวทางการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม G20 และ BRICS ให้เกิดประโยชน์ในห้วงที่สหรัฐอเมริกา กำหนดภาษีศุลกากรอย่างไม่รอบคอบ
.
ต่อมาโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนประกาศว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง และเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเดินทางเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 14 ถึง 15 เมษายน ตามคำเชิญของโต ลัม เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม และประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เลือง เกวง
.
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงจะเดินทางเยือนมาเลเซียและกัมพูชาอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 15 ถึง 18 เมษายน ตามคำเชิญของสุลต่านอิบราฮิม กษัตริย์มาเลเซีย และกษัตริย์นโรดม สีหมุนี แห่งกัมพูชา
โดยมีเป้าหมายเพื่อกระชับความร่วมมือรอบด้านกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่เป็นที่น่าสังเกตคือ ทั้งสามประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตกเป็นเป้าหมายของภาษีศุลกากรซึ่งกันและกันที่รัฐบาลทรัมป์ ได้ระงับไปแล้ว โดยเรียกเก็บจากสินค้ากัมพูชา 49% สินค้าส่งออกของเวียดนาม 46% และสินค้าจากมาเลเซีย 24%
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงพบกับนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซแห่งสเปน ในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025 [ภาพถ่ายโดย Wang Zhuangfei/chinadaily.com.cn]
ขณะนี้เจ้าหน้าที่จากสหภาพยุโรปและจีนกำลังหารือกันถึงอุปสรรคการค้าที่มีอยู่และกำลังพิจารณาจัดการประชุมสุดยอดอย่างเต็มรูปแบบที่จีนในเดือนกรกฎาคม
.
สงครามการค้าครั้งนี้ จีนได้เตรียมการมาเป็นอย่างดีแล้ว จากประสบการณ์ที่ถูกสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการ sanctions มาตลอดยุคของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
.
อาการ “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ของจีนที่แสดงออกด้วยการตอบโต้อัตราภาษีของสหรัฐอเมริกาอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่เพียงแสดงความพร้อมที่จะตอบโต้เท่านั้น แต่ยังเตรียมใช้ความขัดแย้งทางการค้าของทรัมป์เพื่อเสริมสร้างจุดยืนที่เข้มแข็งของตนเอง เพื่อก้าวขึ้นสู่ผู้นำ “ระเบียบโลกใหม่”
.
ตามข้อมูลของกรมศุลกากรสหรัฐฯ มีการจัดส่งพัสดุขนาดเล็กประมาณ 4 ล้านชิ้นมูลค่าต่ำกว่า 800 เหรียญสหรัฐฯ จากจีนไปยังสหรัฐฯ ทุกวัน หากพิจารณาจากตัวเลขแล้ว อาจดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่ส่วนสำคัญในการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แต่เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่เหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของครัวเรือนและธุรกิจในอเมริกา เช่น เสื้อผ้าราคาถูก ของเล่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงส่วนประกอบการผลิตที่จำเป็น เช่น สกรูและแกนวาล์ว
.
กำแพงภาษีของทรัมป์ อาจส่งผลกระทบอย่างรวดเร็วต่อโครงสร้างของสังคมอเมริกัน และส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีพของผู้คน
.
เห็นได้ว่า แพลตฟอร์มของจีนอย่าง Shein และ Temu ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลของผู้บริโภคชาวอเมริกันผ่านโมเดล "คำสั่งซื้อจำนวนน้อยและตอบสนองอย่างรวดเร็ว" หรือผู้ขายอย่าง Amazon ที่พึ่งพาห่วงโซ่อุปทานของจีนเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านราคา จึงทำให้ทั้งจีนและสหรัฐฯ ได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้ร่วมกัน
.
ทรัมป์ต้องการ “ข้อตกลงที่ดีที่สุด” สี จิ้นผิง กำลังอัดฉีดความเชื่อมั่น แรงผลักดัน และพลังงานเชิงบวกให้กับการพัฒนาเศรษฐกิจโลก โดยประกาศว่า “จงเชื่อในจีน เชื่อในวันพรุ่งนี้”
.
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าประธานาธิบดีจีนสีจิ้นผิงและทรัมป์ จะพบกันในเร็วๆ นี้หรือโทรศัพท์คุยกันเพื่อคลี่คลายความตึงเครียด และดูเหมือนจีนพร้อมที่จะชักดาบฟันกลับตลอดเวลาเสียด้วย.
โฆษณา