13 เม.ย. เวลา 20:35 • ข่าวรอบโลก

ชาวยิวในสหรัฐอเมริกา ยืนเคียงข้างปาเลสไตน์

ผมเป็นชาวยิวเชื้อสายอิสราเอลในอเมริกาที่ยืนข้างปาเลสไตน์ ถ้าตามตรรกะของทรัมป์ ผมก็คือผู้สนับสนุนการก่อการร้าย
-เอราน เซลนิก- (Eran Zelnik)
ผมเคยเรียกสงครามในกาซาว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และพูดสนับสนุนการคว่ำบาตรอิสราเอล ผมก็เคยอยู่ในกองทัพอิสราเอล (IDF) มาแล้วด้วย
และผมขอถาม FBI หน่อยครับ: คุณควรจับกุมผมหรือเปล่า?
ถึง คาช พาเทล ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (FBI):
จากแนวโน้มล่าสุดของคุณ อาจถึงเวลาที่ FBI จะต้องหันมาพิจารณาการกระทำของผมตลอดหลายปีที่ผ่านมาอย่างจริงจัง ถ้าผู้ถูกควบคุมตัวโดย ICE อย่างมาห์มูด คาลิล, รูเมย์ซา ออซเติร์ก, ยุนซอ ชุง, บาดาร์ ข่าน ซูรี และคนอื่น ๆ ถูกจัดว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ งั้นผมก็คงเป็นภัยด้วยเช่นกัน
ผมได้กระทำสิ่งเดียวกับที่พวกเขาทำ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบทความที่เรียกสงครามในกาซาว่าเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”, เข้าร่วมการประท้วงต่อต้านสิ่งนั้น, สนับสนุนและเข้าร่วมการประท้วงในนามของ BDS (การคว่ำบาตร ถอนทุน และลงโทษอิสราเอล), ร่วมกิจกรรมนั่งประท้วงที่ UC Davis เมื่อราวสิบปีก่อน และวิพากษ์วิจารณ์การกระทำโหดร้ายของอิสราเอลต่อประชาชนในกาซาและชาวปาเลสไตน์อย่างเปิดเผย
ให้ผมเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเองอีกหน่อย เผื่อคุณอยากจะจับผมจริง ๆ ผมเกิดในอิสราเอล แต่ได้สัญชาติสหรัฐฯ ผ่านทางแม่ชาวอเมริกันของผม และถ้าเทียบกับท่าทีของรัฐบาลชุดนี้ที่ท้าทายการตีความแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 14 ซึ่งรับรองสัญชาติจากการเกิดในสหรัฐฯ ก็ดูเหมือนว่าคุณอาจไม่ได้หยุดแค่การควบคุมตัวผู้พำนักตามกฎหมาย แต่อาจกำลังจะล้มล้างสิทธิของพลเมืองที่ได้สัญชาติอย่างผมด้วย
เหมือนเช่นเผด็จการอื่น ๆ ที่เคยมีมา
คุณกำลัง “ลองเชิง” ดูว่าผู้คนจะต่อต้านแค่ไหนกับการผลักดันประเทศนี้เข้าสู่ระบอบฟาสซิสต์ คุณเริ่มจากคนที่ถูกกดขี่ที่สุด ไล่ตั้งแต่การส่งผู้หญิงข้ามเพศไปยังเรือนจำชาย, การเนรเทศชาวเวเนซุเอลาที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแก๊งไปยังเอลซัลวาดอร์ และการควบคุมตัวชาวอาหรับหรือมุสลิมที่อยู่ในประเทศอย่างถูกกฎหมาย
แต่ถ้าเราดูจากอดีต เป้าหมายต่อไปของคุณอาจจะเป็น “ลูกของผู้อพยพผิดกฎหมาย” หรือ “พลเมืองที่ได้สัญชาติภายหลัง” ก็เป็นได้ และทุกคนที่ศึกษาเรื่องลัทธิฟาสซิสต์ย่อมรู้ดีว่า เป้าหมายสุดท้ายคือจับกุม “ศัตรู” ของรัฐบาล ไม่ว่าพวกเขาจะมีสถานะถูกกฎหมายแค่ไหนก็ตาม
ผมต้องสารภาพด้วยว่า ผมเคยใช้แนวคิดทางวิชาการบางประการที่กระทรวงยุติธรรมในตอนนี้กำลังเพ่งเล็งว่าเป็น “ต่อต้านชาวยิว” ในฐานะอดีตทหาร IDF ผมต้องใช้เวลานานมากในการทบทวนตัวเอง เพื่อจะยอมรับว่า ครั้งหนึ่งผมเคยเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังยึดครองอาณานิคม และทางเลือกที่ดีที่สุดที่ผมมีเพื่อไถ่บาปคือการพูดความจริงเกี่ยวกับอาชญากรรมของประเทศผม
ผมพยายามเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงโศกนาฏกรรมของลัทธิไซออนิสม์ / อุดมการณ์ชาตินิยมที่เริ่มต้นด้วยเป้าหมายเพื่อปลดปล่อยชาวยิวจากการถูกกดขี่ แต่กลับกลายเป็นผู้กดขี่ในปาเลสไตน์
ผมเคยพูดถึงแนวคิดอย่าง “อพาร์ไธด์”, “การตั้งถิ่นฐานแบบอาณานิคม”, “ลัทธิชาตินิยมเชิงชาติพันธุ์” และที่น่าจะน่าห่วงยิ่งกว่าจากมุมมองของคุณ คือผมยังใช้คำว่า “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”, “การล่าอาณานิคมแบบผู้ตั้งถิ่นฐาน” และ “การล้างชาติพันธุ์” ในหนังสือที่ผมเขียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุคแรกของอเมริกาอีกด้วย
- “The similarities between the actions of this administration and what my grandparents have lived through are unmistakable”
(สิ่งที่รัฐบาลนี้กำลังทำ มันเหมือนกับสิ่งที่ปู่ย่าตายายของผมเคยเผชิญมาแบบแทบจะแยกไม่ออก)
หนังสือของ เอราน เซลนิก
ผมยังเคยต่อต้านกลุ่มผิวขาวหัวรุนแรงที่อยู่ข้างรัฐบาลนี้ในเมือง Chico รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งผมอาศัยอยู่ จริง ๆ แล้ว กลุ่มเหล่านี้ถูกใช้งานเหมือนมิลิเทียเถื่อนในยุทธศาสตร์ของรัฐบาลนี้ เหมือนที่ทรัมป์เคยพิสูจน์แล้วในเหตุการณ์วันที่ 6 มกราคม 2021
อย่างเช่นตอนที่บ้านผมถูกโจมตีด้วยใบปลิวต่อต้านชาวยิว ผมพยายามขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานและนักข่าวท้องถิ่น เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผลการสืบค้นของนักข่าวพบว่ามีผู้ที่มีอาวุธและแนวคิดชาตินิยมผิวขาวสุดโต่งในชุมชนของผม ซึ่งรู้ด้วยว่าผมทำงานอยู่ที่ไหน
ถ้าคุณจริงใจเรื่องการต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติหรือต่อต้านยิวจริง ๆ คุณคงต้องเริ่มจากคนแบบนั้น แต่เพราะคุณอยากเก็บคนพวกนี้ไว้ เพื่อใช้ในเวลาจำเป็น และเพราะคุณต้องการใช้ “การต่อต้านยิว” เป็นอาวุธทางการเมืองแบบลวงโลก คุณอาจอยากจับผมมากกว่าท้ายที่สุด ตามตรรกะของคุณ ผม, ชาวยิวที่ถูกกลุ่มชาตินิยมผิวขาวโจมตี คือภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อชาวยิวในชุมชนของตัวเอง
ผมเติบโตมากับเรื่องเล่าเกี่ยวกับการขึ้นมาของลัทธิฟาสซิสต์ในยุโรปจากปู่ย่าตายายของผม ทุกคนลี้ภัยจากการต่อต้านยิวมา ความคล้ายคลึงระหว่างสิ่งที่รัฐบาลนี้กำลังทำกับสิ่งที่พวกเขาเคยเผชิญมันชัดเจนจนไม่อาจมองข้ามได้
ผมเขียนสิ่งนี้เพื่อให้คุณมีโอกาสพิจารณาอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจจับกุมผม ว่าคุณจะเป็นคนที่ร่วมรับผิดชอบในการช่วยฟื้นคืนลัทธิฟาสซิสต์ในอเมริกา หรือจะเลือกเป็นคนที่กล้าปฏิเสธการร่วมในหน้ามืดของประวัติศาสตร์
อย่าลืมว่า แม้ว่าคุณจะไม่เคยรับเคราะห์โดยตรงจากสิ่งที่คุณทำ แต่ประวัติศาสตร์จะตัดสินคุณ
คุณปู่ของผม โอโต (ขอให้ความทรงจำของเขาเป็นพร) หนีออกจากออสเตรียมาได้หวุดหวิดตอนอายุ 13 หลังจากนาซียึดประเทศ เห็นกับตาว่าคืนหนึ่งในพฤศจิกายน 1938 คืนนรกที่เรียกว่า Kristallnacht เมื่อฝูงชนบุกโจมตีบ้าน ร้านค้า และโบสถ์ของชาวยิว จับกุมคน 30,000 คนเพียงเพราะพวกเขาเป็นชาวยิว พ่อแม่ของเขาจึงตัดสินใจหลบหนีไปเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นท่าเรือเดียวที่ยอมรับผู้ลี้ภัย
คำพูดของประธานาธิบดีในปัจจุบันที่ใส่ร้ายศัตรูของประเทศทั้งจากในและนอกประเทศ ต่อต้านผู้อพยพ คนข้ามเพศ และผู้ที่มีจุดยืนทางการเมืองแบบผม มันฟังดูราวกับก๊อปปี้คำโฆษณาชวนเชื่อของนาซี ที่ปู่ของผมเคยเล่าให้ฟังไม่มีผิด
เมื่อผมนึกถึงคุณย่าของผม เรเชล (ขอให้ความทรงจำของเธอเป็นพร) ผู้รอดชีวิตจากนรกใน Auschwitz และการเดินทางมรณะที่เยอรมนี ผมก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกว่ามันกำลังเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งได้เลย เมื่อฮิตเลอร์และพรรคนาซีเริ่มรวบอำนาจ พวกเขาก็แต่งตั้งคนที่ยอมสยบโดยไม่มีจุดยืน ไม่ได้สนใจเลยว่าคนเหล่านั้นจะมีความสามารถหรือไม่ ขอแค่ “จงรักภักดี” ก็พอ
-โดย เอราน เซลนิก- (Eran Zelnik)
The Guardian /Thu 10 Apr 2025 15.00 BST
: <I’m a Jewish Israeli in the US standing up for Palestine. By Trump’s logic, I’m a terror supporter>
โฆษณา