14 เม.ย. เวลา 14:00 • สุขภาพ

สงกรานต์สุขใจ แต่อย่าลืมดูแล "ใจ" ของเรา สัญญาณเตือนและวิธีรับมือภาวะซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว

ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะผ่านพ้นไป หรืออาจจะยังอยู่ในช่วงเฉลิมฉลองสำหรับบางพื้นที่ เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข สนุกสนาน การเดินทางกลับบ้านไปหาครอบครัว หรือการพักผ่อนหย่อนใจหลังจากทำงานหนักกันมาใช่ไหมครับ เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม การสาดน้ำดับร้อน เป็นภาพที่เราคุ้นเคยกันดี
แต่รู้ไหมครับว่า ท่ามกลางความสุขเหล่านี้ อาจมีมุมเล็กๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพ "ใจ" ของเราซ่อนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนวัยทำงานและผู้สูงอายุ กรมสุขภาพจิตเองก็ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงเทศกาล นั่นคือ ภาวะเหงาเฉียบพลัน (Acute Loneliness) และ ภาวะซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว (Post-Holiday Depression)
เรื่องนี้สำคัญนะครับ เพราะสุขภาพใจก็เหมือนสุขภาพกาย ต้องดูแลเอาใจใส่ไม่แพ้กัน บทความนี้ ผมจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสองภาวะนี้ให้มากขึ้น พร้อมทั้งแนะนำวิธีรับมือง่ายๆ เพื่อให้เรากลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขและแข็งแรงทั้งกายและใจครับ
แขกไม่ได้รับเชิญในวันหยุด ทำความรู้จัก "ภาวะเหงาเฉียบพลัน"
เคยรู้สึกไหมครับว่า แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายในงานรื่นเริง แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยว ว้าเหว่ หรือผิดหวังลึกๆ บางทีอาจมีอาการหงุดหงิดง่าย เศร้าสร้อย นอนไม่หลับ หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญ ไม่มีใครรัก อาการเหล่านี้แหละครับ คือสัญญาณของ "ภาวะเหงาเฉียบพลัน"
กลุ่มที่น่าเป็นห่วงเป็นพิเศษคือ ผู้สูงอายุ ครับ โดยเฉพาะท่านที่อยู่บ้านคนเดียวและลูกหลานไม่ได้กลับมาเยี่ยมเยียนในช่วงเทศกาล มีข้อมูลระบุว่า ผู้สูงอายุ 1 ใน 10 คน (ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป) อาจประสบกับภาวะเหงาเฉียบพลันนี้ได้ ซึ่งน่ากังวลมากนะครับ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้รับการดูแล
ความเหงานี้อาจเรื้อรัง (Chronic Loneliness) และนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าเดิมได้ ไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตสูง ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ปัญหาการนอนหลับ การติดสุรา ภาวะอ้วน หรือแม้กระทั่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
ในมุมมองของเภสัชกร ผมอยากเสริมว่า ภาวะเหงาและความรู้สึกโดดเดี่ยวที่เรื้อรังนั้น ก่อให้เกิดความเครียดสะสม ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกายโดยตรง ความเครียดกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนบางชนิด เช่น คอร์ติซอล ซึ่งหากมีระดับสูงเป็นเวลานาน จะส่งผลเสียต่อความดันโลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน และการทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์และการนอนหลับได้จริง ๆ ครับ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมความเหงาถึงเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพกายต่างๆ ได้
รับมือความเหงา เติมความอบอุ่นให้หัวใจช่วงเทศกาล
เราสามารถป้องกันและรับมือกับภาวะเหงาเฉียบพลันได้ครับ กุญแจสำคัญคือ การเชื่อมต่อทางอารมณ์ (Emotional Connection) กับคนที่เรารัก
ใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน หากมีโอกาสได้อยู่กับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง พยายามใช้เวลาเหล่านั้นให้มีความหมาย ทำกิจกรรมที่ชอบร่วมกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราว สิ่งเหล่านี้ช่วยเติมเต็มความรู้สึกได้ดีมากครับ
สื่อสารสม่ำเสมอ แม้ตัวอยู่ไกล สำหรับคนที่ไม่สามารถเดินทางไปพบปะกันได้ การโทรศัพท์ วิดีโอคอล หรือแม้แต่ส่งข้อความหากันเป็นประจำ ก็ช่วยให้ทั้งผู้ส่งและผู้รับรู้สึกว่ายังมีความผูกพัน ไม่ได้อยู่คนเดียว และยังเป็นที่รักและคิดถึงอยู่เสมอ
เปิดรับการสนับสนุนจากชุมชน การเข้าร่วมกิจกรรมตามประเพณี หรือกิจกรรมที่จัดขึ้นในชุมชน ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีครับ นอกจากจะได้พบปะผู้คนแล้ว ยังช่วยให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ลดความรู้สึกโดดเดี่ยวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุที่อาจอยู่ลำพัง การมีส่วนร่วมในกิจกรรมเหล่านี้สำคัญมาก
ดูแลใจตัวเอง (Self-Care) ทำความเข้าใจว่าบางครั้งครอบครัวหรือเพื่อนอาจมีเหตุผลที่ไม่สามารถมาเยี่ยมได้จริงๆ หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นบนโซเชียลมีเดียหรือในชีวิตจริง พยายามอย่าขังตัวเองอยู่กับความคิดแง่ลบ หรือจมอยู่กับความรู้สึกเหงา หากิจกรรมที่ชอบทำ หรือลองเข้าร่วมงานสงกรานต์ในท้องถิ่น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและสร้างความรู้สึกดีๆ ให้ตัวเอง
"หมดไฟ" หลังวันหยุดยาว เข้าใจภาวะ Post-Holiday Depression
หลังจากหยุดยาวพักผ่อนเต็มที่ หลายคนอาจคิดว่าเราน่าจะกลับมาสดชื่น มีพลังเต็มเปี่ยม แต่บางครั้งกลับไม่เป็นอย่างนั้น รู้สึกเศร้าๆ เบื่อๆ ไม่อยากกลับไปทำงาน ไม่มีแรงจูงใจเอาเสียเลย อาการแบบนี้เรียกว่า "ภาวะซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว" หรือ Post-Holiday Blues ครับ
โดยปกติแล้ว ความรู้สึกเหล่านี้มักจะค่อยๆ จางหายไปเองภายใน 2-3 วัน แต่สำหรับบางคน อาจเป็นนานถึง 2-3 สัปดาห์เลยทีเดียว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้ อาการที่พบบ่อยคือ อารมณ์ไม่แจ่มใส อ่อนเพลีย หมดแรง รู้สึกเหมือนพลังงานหมด (Burnout) และขาดความกระตือรือร้นโดยรวม
แม้ว่าอาการเหล่านี้อาจจะไม่ได้รุนแรงจนทำให้ใช้ชีวิตไม่ได้ แต่ก็ส่งผลต่อทัศนคติที่มีต่องานและประสิทธิภาพการทำงานได้ไม่น้อยเลยครับ และหากปล่อยให้ความรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่สนใจงาน เป็นอยู่นานๆ ก็อาจนำไปสู่ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) จริงๆ และเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในอาชีพได้
เติมไฟให้ตัวเอง 6 วิธี สลัดความรู้สึกหม่นหมองหลังสงกรานต์
ถ้าคุณกำลังรู้สึกเหมือนแบตเตอรี่หมดหลังวันหยุดยาว ไม่ต้องกังวลนะครับ ลองใช้วิธีเหล่านี้ช่วยปรับโหมดกลับสู่การทำงานอย่างมีความสุขดูครับ
1. หาแรงจูงใจในการกลับไปทำงาน ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ในการทำงาน หรือนึกถึงใครสักคนที่ทำให้การทำงานของคุณมีความหมาย อาจเป็นครอบครัว คนรัก หรือแม้แต่เป้าหมายส่วนตัวที่คุณอยากทำให้สำเร็จ
2. มองเห็นคุณค่าในงานที่ทำ ลองทบทวนดูว่างานของคุณมีข้อดีอย่างไร สร้างประโยชน์ให้ใครบ้าง การนึกถึงแง่บวกเหล่านี้ช่วยให้รู้สึกดีกับงานมากขึ้นได้
3. อยู่กับปัจจุบัน แทนที่จะกังวลกับงานกองโตในระยะยาว ลองวางแผนการทำงานเป็นรายวัน โฟกัสกับสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน จะช่วยลดความรู้สึกท่วมท้นได้
4. เติมความคิดสร้างสรรค์ให้กิจวัตร ลองหาวิธีการทำงานแบบใหม่ๆ ท้าทายตัวเองด้วยโปรเจกต์ที่น่าสนใจ หรือหาไอเดียใหม่ๆ มาปรับใช้ การทำอะไรที่แตกต่างจากเดิมช่วยปลุกไฟในการทำงานได้
5. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน เพื่อนร่วมงานที่ดี ทีมที่สนับสนุนกัน สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาด สร้างแรงบันดาลใจ และทำให้บรรยากาศการทำงานน่ารื่นรมย์ขึ้นเยอะเลยครับ
6. วางแผนสำหรับวันหยุดครั้งต่อไป การมีอะไรให้ตั้งตารอ เช่น ทริปพักผ่อนครั้งหน้า ช่วยเพิ่มแรงจูงใจ ทำให้คุณกลับมาทำงานอย่างมีพลังและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ครับ
เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข แต่ก็อาจนำมาซึ่งความท้าทายทางสุขภาพจิตได้เช่นกัน ทั้งความเหงาเฉียบพลันและความรู้สึกหม่นหมองหลังวันหยุดยาว สิ่งสำคัญคือการรู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองและคนรอบข้าง อย่าละเลยสัญญาณเตือนเล็กๆ น้อยๆ นะครับ
การดูแลสุขภาพใจเป็นเรื่องปกติและจำเป็นเหมือนกับการดูแลสุขภาพกาย หากคุณหรือคนใกล้ชิดกำลังเผชิญกับความรู้สึกเหล่านี้ ลองนำวิธีที่ผมแนะนำไปปรับใช้ดูนะครับ แต่ถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้น หรือรู้สึกว่ารบกวนการใช้ชีวิตประจำวันมาก
ผมแนะนำว่าอย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอ นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสมนะครับ เภสัชกรใกล้บ้านก็สามารถให้คำแนะนำเบื้องต้นหรือช่วยแนะนำช่องทางในการขอความช่วยเหลือต่อไปได้เช่นกันครับ
แหล่งอ้างอิง:
Songkran and mental health: Warnings amid holiday festivities. (2025, April 13). The Nation.
โฆษณา