Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BeautyInvestor
•
ติดตาม
14 เม.ย. เวลา 03:53 • หุ้น & เศรษฐกิจ
🎯 เรย์ ดาลิโอ ผ่ามุมมอง 'สงครามการค้าทรัมป์': แค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง หรือ สัญญาณวิกฤตใหญ่?
ตลาดปั่นป่วน ทรัมป์กลับลำ แต่ดาลิโอเห็นอะไรลึกกว่านั้น
ต้นเดือนเมษายน 2025 ที่ผ่านมา ตลาดการเงินโลกปั่นป่วนอย่างหนัก เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จุดชนวนสิ่งที่หลายคนเรียกว่า "สงครามการค้าโลก 2.0" โดยเหตุการณ์เริ่มต้นในวันที่ 2 เมษายน หรือที่ทรัมป์เรียกว่า "วันปลดแอก" (Liberation Day) ด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากคู่ค้าสำคัญเกือบทั้งหมด รวมถึงการเก็บภาษี 34% จากจีน
สถานการณ์บานปลายอย่างรวดเร็ว จีนตอบโต้ทันควันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง การตอบโต้ไปมาทำให้ทรัมป์ยิ่งทวีความเดือดดาล สั่งขึ้นภาษีสินค้าจีนเพิ่มอีกหลายระลอก จนอัตราภาษีรวมพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 125% หรือ 145% ภายในเวลาไม่กี่วัน
1
ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนหนัก นักลงทุนใจหายใจคว่ำ แต่แล้ว... เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียด ทรัมป์กลับสร้างความประหลาดใจด้วยการประกาศ "กลับลำ" ครั้งใหญ่
โดยเขาสั่งระงับหรือลดภาษีที่เพิ่งประกาศใช้กับประเทศส่วนใหญ่เป็นการชั่วคราว (เช่น พักไว้ 90 วัน) อย่างไรก็ตาม การผ่อนปรนนี้ ไม่ได้ รวมถึงจีน ซึ่งยังคงเผชิญกำแพงภาษีสูงลิ่วต่อไป
ท่าทีที่เปลี่ยนไปของทรัมป์ครั้งนี้เอง ที่ทำให้ เรย์ ดาลิโอ (Ray Dalio) ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates เฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และนักลงทุนระดับตำนานผู้ได้รับการขนานนามว่า "โหรแห่งวอลล์สตรีท" (Wall Street Prophet) จากความสามารถในการคาดการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ อย่างวิกฤตปี 2008 10 ต้องออกมาแสดงความคิดเห็น
ดาลิโอ ผู้ซึ่งใช้เวลากว่าครึ่งศตวรรษศึกษาวัฏจักรเศรษฐกิจและการขึ้นลงของมหาอำนาจในประวัติศาสตร์มองว่าการที่ทรัมป์ "ถอยออกจากแนวทางที่เลวร้ายกว่า แล้วหันมาเจรจาเพื่อจัดการกับความไม่สมดุล" ถือเป็น "หนทางที่ดีกว่ามาก"
แต่... อย่าเพิ่งดีใจไป ดาลิโอไม่ได้หยุดแค่นั้น เขารีบเตือนต่อทันทีว่า การเจรจาเรื่องภาษีเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของปัญหาที่ใหญ่และซับซ้อนกว่านั้นมาก และโลกกำลังเผชิญกับสัญญาณของวิกฤตที่ลึกซึ้งกว่าที่ตาเห็น
✋🏻 "เจรจาดีกว่า"...แต่ยังไม่พอ: ข้อเสนอเร่งด่วนจากดาลิโอ
ทำไมดาลิโอถึงมองว่าการเจรจาดีกว่าการทำสงครามภาษี? เพราะเขามองว่าการเผชิญหน้าด้วยกำแพงภาษีเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ไข "ความไม่สมดุล" (imbalances) ที่เป็นรากเหง้าของปัญหาได้
ความไม่สมดุลที่ว่านี้ คือ สภาวะที่สหรัฐฯ บริโภคเกินตัวและมีหนี้สินมหาศาล ขณะที่จีนพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และถือครองหนี้ของสหรัฐฯ ไว้จำนวนมาก ซึ่งระบบแบบนี้มันไม่ยั่งยืนในระยะยาว
ดาลิโอจึงเสนอทางออกที่เขาเรียกว่าเป็นสถานการณ์ "Win-Win" ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย คือ
1
1️⃣ จีนต้องยอมให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
การทำให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น จะช่วยลดความได้เปรียบทางการค้าของจีน ทำให้สินค้านำเข้าจากจีนมีราคาสูงขึ้นในสหรัฐฯ และอาจช่วยลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ได้
2️⃣ กลไกการทำให้หยวนแข็งค่า
ดาลิโอเสนอให้จีน "ขายสินทรัพย์ดอลลาร์" ที่ถือครองอยู่ ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ และทำให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นโดยธรรมชาติ
1
3️⃣ จีนต้องกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ควบคู่ไปกับการปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่า จีนควรผ่อนคลายนโยบายการคลังและการเงิน เพื่อกระตุ้นอุปสงค์หรือความต้องการใช้จ่ายภายในประเทศ การทำเช่นนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจจีนพึ่งพาการส่งออกน้อยลง และหันมาพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับจีนเอง
4️⃣ จีนต้องจัดการหนี้ภายใน
ดาลิโอชี้ว่าจีนควรใช้โอกาสนี้ในการปรับโครงสร้างและแก้ไขปัญหาหนี้สินรัฐบาลท้องถิ่นที่สูงเกินไป ซึ่งเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจจีน
ข้อเสนอของดาลิโอไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ แต่เป็นการมองภาพรวมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่พึ่งพากันระหว่างสหรัฐฯ และจีน เขาเสนอแนวทางที่ทั้งสองประเทศต้องปรับตัวเพื่อสร้างสมดุลใหม่ที่ยั่งยืนกว่าเดิม
แต่ข้อเสนอไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องจีน ดาลิโอเน้นย้ำว่า ก้าวต่อไปที่สำคัญอย่างยิ่ง สำหรับรัฐบาลทรัมป์ คือการหันมาจัดการปัญหาภายในของสหรัฐฯ เอง นั่นคือ การลดการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ให้เหลือเพียง 3% ของ GDP
การที่ดาลิโอหยิบยกเรื่องการขาดดุลของสหรัฐฯ ขึ้นมาทันทีหลังจากการเรียกร้องให้มีข้อตกลงการค้ากับจีน สะท้อนมุมมองของเขาว่า สุขภาพทางการคลังภายในของสหรัฐฯ นั้นเชื่อมโยงโดยตรงกับสถานะทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศและความยั่งยืนของระบบโลก
1
มันไม่ใช่แค่เรื่องของจีน แต่สหรัฐฯ เองก็ต้อง "ซ่อมบ้าน" ของตัวเองด้วย ดาลิโอเตือนอยู่เสมอว่าการสะสมหนี้จำนวนมหาศาลเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนวัฏจักรทางประวัติศาสตร์และความไม่มั่นคงในปัจจุบัน
การขาดดุลที่สูงของสหรัฐฯ ทำให้ต้องกู้ยืมเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมักจะมาจากประเทศอย่างจีน เป็นการตอกย้ำความไม่สมดุลที่สงครามการค้าพยายามจะแก้ไข การลดการขาดดุลจะช่วยลดการพึ่งพิงเงินทุนจากต่างประเทศ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้สหรัฐฯ ในระยะยาว และแก้ไขจุดอ่อนหลักที่ดาลิโอระบุไว้ในกรอบแนวคิด "ระเบียบโลกที่เปลี่ยนแปลงไป" (Changing World Order) ของเขา
⚠️ คำเตือนจากดาลิโอ: อย่ามองแค่ภาษี! โลกกำลังเจอ "การพังทลายครั้งใหญ่"
นี่คือหัวใจสำคัญของคำเตือนจากดาลิโอ "อย่าทำผิดพลาดโดยคิดว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับภาษีเป็นหลัก"
1
เขาเน้นว่าภาษีเป็นเพียง อาการ หรือเสียงรบกวนที่เบี่ยงเบนความสนใจไปจากปัญหาที่ใหญ่กว่า นั่นคือ การล่มสลาย/การพังทลาย/การปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ (systemic collapse/breakdown/reset) ของระเบียบโลก ทั้งด้านการเงิน การเมือง และภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "เพียงครั้งเดียวในชั่วอายุคน"
2
ดาลิโออธิบายเรื่องนี้ผ่านกรอบแนวคิด "วัฏจักรใหญ่" (Big Cycle) ของเขา ซึ่งมองว่ามหาอำนาจต่างๆ มีวงจรชีวิต คล้ายกับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือฤดูกาลที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป โดยมักมีอายุขัยประมาณ 250 ปี (บวกลบ) และขับเคลื่อนด้วยพลังที่คาดการณ์ได้
ในปัจจุบัน ดาลิโอชี้ว่ามีพลังขับเคลื่อนสำคัญ 5 ประการที่กำลังมาบรรจบกันและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้
👉🏻 พลังขับเคลื่อนสำคัญประการแรกคือ การเงิน/เศรษฐกิจพัง (Monetary/Economic Breakdown) ซึ่งอธิบายง่ายๆ ได้ว่าเป็นภาวะที่หนี้สินท่วมโลกและระบบเศรษฐกิจขาดความสมดุล
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในบริบทเดือนเมษายน 2025 คือปัญหาการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐอเมริกา และความซับซ้อนของปัญหาหนี้สินระหว่างสหรัฐฯ ซึ่งเป็นลูกหนี้ และจีนซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่
👉🏻 ประการที่สองคือ ความขัดแย้งภายในประเทศ (Internal Conflict) หมายถึง สภาวะที่คนในชาติเกิดความแตกแยกกันอย่างรุนแรงและมีความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือความแตกแยกทางการเมืองที่ดำรงอยู่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงกระแสประชานิยมสุดโต่งทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ
1
👉🏻 ประการที่สามคือ การเปลี่ยนแปลงสู่ ระเบียบโลกใหม่ (Geopolitical Shift) ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่มหาอำนาจดั้งเดิมต้องเผชิญหน้าและปะทะกับมหาอำนาจใหม่ที่ก้าวขึ้นมา ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือการแข่งขันในหลากหลายมิติระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน รวมถึงสงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
👉🏻 ประการที่สี่คือ ภัยธรรมชาติ (Acts of Nature) ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้น ตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับบริบทปัจจุบัน ได้แก่ การเผชิญกับโรคระบาดต่างๆ และผลกระทบที่หลากหลายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น
👉🏻 และประการสุดท้ายคือ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (Technological Change) ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนจากการที่เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทและเปลี่ยนแปลงโลกอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างสำคัญ ณ ปัจจุบัน คือ ผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีต่อตลาดแรงงาน การจ้างงาน และรูปแบบการดำเนินชีวิต รวมถึงการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการสงครามสมัยใหม่
ดาลิโอย้ำว่าพลังทั้ง 5 นี้ไม่ได้แยกจากกัน แต่มีความ สัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และกำลังมาบรรจบกัน ทำให้เกิดสภาวะที่เปราะบางและผันผวนอย่างที่เราเห็น และสงครามการค้าเป็นเพียงภาพสะท้อนของการพังทลายทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังดำเนินอยู่
การมองผ่านกรอบของดาลิโอทำให้เราเห็นว่า "สงครามการค้า" ไม่ใช่แค่ข้อพิพาทเรื่องนโยบายที่แยกส่วนออกมา แต่เป็นอาการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่ในอำนาจและระบบเศรษฐกิจโลก
การทำความเข้าใจบริบททางประวัติศาสตร์นี้จึงสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางกลยุทธ์ระยะยาว แทนที่จะเพียงแค่ตอบสนองต่อข่าวรายวัน การวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ของดาลิโอ แสดงให้เห็นรูปแบบที่คล้ายคลึงกันในอดีต (หนี้สิน, ความขัดแย้งภายใน, มหาอำนาจใหม่ท้าทายมหาอำนาจเก่า) ซึ่งมักจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือความขัดแย้งครั้งใหญ่
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนจึงไม่ใช่ แค่ เรื่องการขาดดุลการค้า แต่เป็นเรื่องของมหาอำนาจใหม่ (จีน) ที่กำลังท้าทายมหาอำนาจเดิม (สหรัฐฯ) ในช่วงเวลาที่ทั้งคู่ต่างก็เผชิญกับแรงกดดันภายใน (หนี้สิน/ความเหลื่อมล้ำในสหรัฐฯ, ความท้าทายในโมเดลเศรษฐกิจของจีนเอง)
1
และภาษีเป็นเพียงเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้ภายใต้พลวัตทางประวัติศาสตร์ที่ (ในมุมมองของดาลิโอ) คาดการณ์ได้ มุมมองนี้เปลี่ยนจุดสนใจจากการ "เอาชนะ" สงครามการค้า ไปสู่การ "นำทาง" ผ่านการจัดระเบียบโลกครั้งใหม่
นอกจากนี้ ดาลิโอยังมองว่าภาษีอาจเป็นได้มากกว่าเครื่องมือทางเศรษฐกิจ มันสามารถเป็นเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจใช้เพื่อเตรียมพร้อมหรือแม้กระทั่งทำสงคราม โดยการลดการพึ่งพาจากต่างประเทศและสร้างขีดความสามารถในการผลิตภายในประเทศ
แม้ว่าดาลิโอจะยินดีกับการเจรจาในเดือนเมษายน 2025 แต่การวิเคราะห์ที่กว้างขึ้นของเขาก็ยอมรับถึงเหตุผลเชิงกลยุทธ์ของการใช้ภาษีในโลกที่กำลังมุ่งหน้าสู่ความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ
โดยภาษีสามารถบังคับให้เกิดการย้ายฐานการผลิตกลับประเทศ (reshoring), สร้างความมั่นคงให้กับห่วงโซ่อุปทานสำหรับสินค้าที่สำคัญ และสร้างรายได้ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเป็นประโยชน์ในสถานการณ์ความขัดแย้ง
สิ่งนี้ยิ่งเพิ่มความซับซ้อนในการตีความการกระทำของทรัมป์ ว่าเป็นเพียงแรงกดดันทางเศรษฐกิจ หรือสะท้อนถึงความจำเป็นที่รับรู้ได้ในการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เผชิญหน้ากันมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับคำเตือนของดาลิโอเกี่ยวกับการพังทลายของระเบียบภายนอก?
1
🎯 ทางรอดในยุคเปลี่ยนผ่าน: สหรัฐฯ จีน และนักลงทุนควรทำอย่างไร?
ดาลิโอให้ข้อเสนอแนะไว้ดังนี้ค่ะ
👉🏻 สำหรับสหรัฐฯ และจีน: ย้อนกลับไปที่ข้อเสนอเดิม คือ ต้องหาทางเจรจาเพื่อสร้างสมดุลใหม่ สหรัฐฯ ต้องลดการขาดดุลลงเหลือ 3% ของ GDP ส่วนจีนต้องยอมให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และจัดการปัญหาหนี้ท้องถิ่น
👉🏻 สำหรับนักลงทุน: ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดช่วงต้นเดือนเมษายน 2025 เป็นสัญญาณเตือน โดยดาลิโอแนะนำให้นักลงทุน
📌 ทบทวนการจัดพอร์ต: ประเมินโครงสร้างพอร์ตการลงทุนของตนเองใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยง "ความเสี่ยงที่รับไม่ได้" (intolerable risks) และต้องตระหนักว่าเหตุการณ์ความผันผวนรุนแรงในตลาดแบบนี้ หรือที่รุนแรงกว่านี้อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต
📌 มองภาพใหญ่ เข้าใจวัฏจักร: ต้องเข้าใจวัฏจักรเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของโลก กระจายความเสี่ยง และบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ (ซึ่งเป็นหัวใจของปรัชญาการลงทุนแบบ Risk Parity ของดาลิโอ โดยเป้าหมายสำคัญคือการหลีกเลี่ยงความเสียหายร้ายแรง
📌 อย่าหลงไปกับข่าวรายวัน: สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจภาพรวมใหญ่ บริบททางประวัติศาสตร์ และปฏิสัมพันธ์ของพลังขับเคลื่อนทั้ง 5 ประการ รวมถึงอย่าปล่อยให้ตัวเองถูกเบี่ยงเบนความสนใจด้วยข่าวสารระยะสั้น
1
คำแนะนำของดาลิโอไม่ได้เน้นที่การเลือกหุ้นรายตัว แต่เป็นการเรียกร้องให้ปรับมุมมองเป็นแบบมหภาคและอิงประวัติศาสตร์ เพื่อใช้ในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นระดับนโยบายของประเทศ หรือการลงทุนส่วนบุคคล
หัวใจสำคัญคือการสร้างความยืดหยุ่น (resilience) และความสามารถในการปรับตัว (adaptability) เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่คาดการณ์ได้เหล่านี้
สำหรับประเทศ มันหมายถึงการแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลพื้นฐาน (หนี้สิน, ความสามัคคีภายใน) สำหรับนักลงทุน มันหมายถึงการตระหนักถึงธรรมชาติที่เป็นวัฏจักรของตลาด และสร้างพอร์ตการลงทุน (เช่น แนวคิด "All Weather" ของเขา) ที่ออกแบบมาเพื่อทนทานต่อ "ฤดูกาล" ทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน หรือการเปลี่ยนแปลงระบอบ (regime shifts) แทนที่จะเดิมพันกับผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว
ความผันผวนในเดือนเมษายน 2025 เป็นเหมือนเสียงปลุกที่ตอกย้ำความจำเป็นของแนวทางที่แข็งแกร่งและมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์รองรับ
สุดท้าย ดาลิโอหวังว่าการทำความเข้าใจพลังขับเคลื่อนเหล่านี้ จะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเปิดอกและมีเหตุผล ทั้งในระดับผู้กำหนดนโยบายและสาธารณชน เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน
🎯 บทสรุป จับสัญญาณดาลิโอ อ่านเกมระเบียบโลกใหม่
โดยสรุป มุมมองของ เรย์ ดาลิโอ ต่อสงครามการค้าของทรัมป์นั้นมีความซับซ้อน เขารู้สึกโล่งใจที่เห็นการลดระดับความตึงเครียดและหันหน้าเข้าสู่การเจรจา แต่ในขณะเดียวกัน ก็ส่งสัญญาณเตือนที่ดังและชัดเจนว่า ปัญหาที่แท้จริง ซึ่งได้แก่ หนี้สินมหาศาล ความขัดแย้งภายในประเทศ และการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข และกำลังขับเคลื่อนโลกไปสู่การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ
สำหรับผู้อ่าน ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักลงทุน หรือประชาชนที่สนใจความเป็นไปของโลก สัญญาณเตือนและข้อเสนอแนะของดาลิโอ ถือเป็น "ข้อมูลเชิงลึก" หรือ "เบาะแส" สำคัญ ที่ช่วยให้เราเข้าใจ "เกม" การเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกใหม่ที่กำลังดำเนินอยู่ได้ดีขึ้น
สงครามการค้าอาจเป็นเพียงละครฉากหนึ่ง แต่เรื่องราวใหญ่ของ 'ระเบียบโลกใหม่' เพิ่งเริ่มต้น ใครเข้าใจภาพใหญ่ก่อน ย่อมปรับตัวได้เร็วกว่า ดั่งที่ดาลิโอเคยกล่าวไว้ว่า…
หลักการพื้นฐานที่สุดในการอยู่รอดและประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นระดับบุคคลหรือประเทศ คือ "หาให้ได้มากกว่าที่ใช้จ่าย และปฏิบัติต่อกันอย่างดี" ในยุคแห่งความผันผวนนี้ หลักการง่าย แต่ทำได้ยากนี้ อาจเป็นเข็มทิศที่ดีที่สุดสำหรับเราทุกคน
เศรษฐกิจ
หุ้น
การลงทุน
16 บันทึก
29
19
16
29
19
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย