Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าหุ้นปันผล
•
ติดตาม
14 เม.ย. เวลา 05:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เมื่อจีนจำกัดการส่งออกแร่หายาก: สหรัฐฯ จะเดินเกมต่ออย่างไร?
จีนในฐานะผู้ผลิต “แร่หายาก” รายใหญ่ของโลก ได้ออกมาตรการจำกัดการส่งออกแร่หายากบางชนิด โดยเฉพาะแร่ที่มีบทบาทสำคัญในการผลิตชิป เซมิคอนดักเตอร์ และอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ เช่น กาเลียม (Gallium) และเจอร์เมเนียม (Germanium)
การจำกัดการส่งออกนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ แต่เป็น “หมากตัวสำคัญ” บนกระดานของสงครามเศรษฐกิจระหว่างสองมหาอำนาจ มาดูกันว่า… สหรัฐฯ ได้รับผลกระทบอย่างไร และจะตอบโต้หรือรับมือได้อย่างไรบ้าง
แร่หายากคืออะไร? มีอะไรบ้าง?
แร่หายาก (Rare Earth Elements - REEs) คือกลุ่มธาตุโลหะที่มีคุณสมบัติเฉพาะทาง ซึ่งจำเป็นต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แม้จะไม่ใช่ “ของหายาก” จริง ๆ ทางปริมาณ แต่ “การขุดและแยก” ให้นำมาใช้ได้ในระดับอุตสาหกรรม กลับยุ่งยากและมีต้นทุนสูง
กลุ่มแร่หายากสำคัญได้แก่:
■
Gallium – ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และ LED
■
Germanium – สำคัญในอุปกรณ์สื่อสารใยแก้วนำแสง และกล้องอินฟราเรด
■
Neodymium – ใช้ในแม่เหล็กถาวรของมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้า
■
Dysprosium, Terbium – เสริมคุณสมบัติของแม่เหล็กในอุณหภูมิสูง
■
Lanthanum, Cerium – ใช้ในกล้องถ่ายรูป, แบตเตอรี่ และตัวเร่งปฏิกิริยาในอุตสาหกรรมน้ำมัน
■
Yttrium – ใช้ในเซรามิก, จอภาพ, และเลเซอร์
จีนควบคุมตลาดการผลิตมากกว่า 60-70% และถือเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลก
สัดส่วนการผลิตแร่หายากของโลก (ประมาณการณ์ปีล่าสุด)
■
จีน สัดส่วน 70% - ครองตลาดมากที่สุด มีห่วงโซ่อุตสาหกรรมตั้งแต่เหมืองจนถึงแปรรูป
■
สหรัฐอเมริกา สัดส่วน 14% - มีเหมือง Mountain Pass แต่ยังต้องพึ่งการแปรรูปจากจีน
■
ออสเตรเลีย สัดส่วน 8% - ผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสองหลังจีน
■
พม่า สัดส่วน 5-6% - ส่งแร่หายากดิบไปยังจีนจำนวนมาก
■
อินเดีย สัดส่วน 1-2% - กำลังพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศ
■
รัสเซีย สัดส่วน 1% - มีศักยภาพสูง แต่ยังพัฒนาไม่เต็มที่
■
ประเทศอื่น ๆ รวมกัน เช่น เวียดนาม, บราซิล, มาเลเซีย, กรีนแลนด์ รวมกันสัดส่วน 1-2%
ผลกระทบต่อสหรัฐฯ โดยตรง
1. ความเสี่ยงต่อซัพพลายเชน:
การจำกัดการส่งออกทำให้ภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ เช่น เทคโนโลยี การสื่อสาร พลังงานสะอาด และอาวุธ ต้องเจอปัญหาขาดวัตถุดิบทันที ส่งผลให้ราคาพุ่งสูง และกระทบต้นทุนการผลิต
2. ชะลอการพัฒนาเทคโนโลยี:
บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Tesla, Intel ที่พึ่งพาแร่หายากจากจีนอาจต้องเลื่อนแผนผลิต หรือปรับเปลี่ยนซัพพลายเชนครั้งใหญ่
3. ผลต่อความมั่นคงของชาติ:
แร่หายากไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่ยังเชื่อมโยงถึงอาวุธขั้นสูง เช่น เรดาร์และขีปนาวุธ ซึ่งเป็นหัวใจของกองทัพสหรัฐฯ การขาดแคลนวัตถุดิบเหล่านี้ถือเป็น “จุดอ่อนเชิงกลยุทธ์”
สหรัฐฯ จะเดินเกมต่ออย่างไร?
1. กระจายแหล่งวัตถุดิบ:
หันไปพึ่งประเทศพันธมิตร เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา เวียดนาม ที่มีศักยภาพในการผลิตแร่หายาก
2. เร่งเปิดเหมืองในประเทศ:
สหรัฐฯ เริ่มลงทุนในเหมืองภายในประเทศ เช่น โครงการ Mountain Pass ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
3. ผลักดันเทคโนโลยีรีไซเคิล:
เพื่อดึงแร่หายากจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เก่า เช่น สมาร์ตโฟนและรถยนต์ไฟฟ้า
4. วิจัยวัสดุทดแทน:
หาทางออกผ่านการพัฒนาวัสดุที่ใช้แทนแร่หายาก เช่น แม่เหล็กไร้แร่หายาก หรือสารกึ่งตัวนำแบบใหม่
โลกที่กำลังเข้าสู่ “สงครามทรัพยากร“ คู่ขนานกับสงครามภาษี?
การที่จีนจำกัดการส่งออกแร่หายากไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือการส่งสัญญาณเชิงกลยุทธ์ในการตอบโต้แรงกดดันจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะในประเด็นเซมิคอนดักเตอร์และความมั่นคงทางเทคโนโลยี
นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่ “ทรัพยากร” กลายเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจ และภูมิรัฐศาสตร์
แล้วคุณล่ะ? คิดว่าใครจะถือไพ่เหนือกว่าในเกมแร่หายากครั้งนี้?
ร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็น หรือแชร์บทความนี้ให้เพื่อนของคุณรู้ว่า…โลกกำลังเข้าสู่การชิงทรัพยากรยุคใหม่ที่ดุเดือดไม่แพ้สงครามใดๆ
เศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจ
ข่าวรอบโลก
บันทึก
1
6
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก
1
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย