"โชคชะตากับการลงทุน"
ที่ผมจะเขียนต่อจากนี้ ผมขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาโม้นะครับ แต่ผมอยากจะมาบอกว่า โชคมันส่งผลต่อการลงทุนมากจริง ๆ
เพราะวันนี้ ผมเปิดพอร์ตมาดู เห็นราคาหุ้น แล้วก็ต้องตกใจ เพราะทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น มันเร็วเกินไปครับ..
ถ้าใครเคยอ่านที่ผมเขียน GULF ล่าสุด ที่ผมมีกลยุทธ์การลงทุนแบบหนึ่ง ชื่อ "ฟาลังซ์" ที่ปีที่แล้ว พอร์ตนี้ทำผลตอบแทนได้ 130% จากการซื้อหุ้น 2 ตัว โดยเปลี่ยนหุ้น 1 ครั้ง
หุ้นตัวแรกที่ทำผลตอบแทนได้ประมาณ 70% คือ GULF
แต่ตัวที่ 2 ที่ผมขาย GULF ไปซื้อ ผมไม่ได้บอกว่าตัวไหน
คำตอบคือ MEDEZE ครับ
ตอนนี้ผมสามารถพูดได้ เพราะผมได้ขายไปสักพักแล้ว และตัวใหม่ที่ไปซื้อทำได้ดีกว่าที่คิดครับ
ผมได้เอาเงินที่ขาย ไปซื้อหุ้นตัวใหม่แล้ว เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน ตอนที่ผมเพิ่งออกมาจากปฏิบัติธรรมไม่นาน
ตอนนี้ หุ้นตัวที่ผมซื้อ มันขึ้นมา ใกล้จะเด้งนึงแล้วครับ
เท่ากับว่า เวลาประมาณ 1 ปีนิด ๆ ตอนนี้เงินลงทุนเริ่มต้นจากพอร์ตฟาลังซ์ กำลังจะทำผลตอบแทนได้เกือบ 360% แล้วครับ หรือก็คือ ตอนนี้จากเงินลงทุนเริ่มต้น ... ล้านบาท เพิ่มมาประมาณ 4.6x แล้วครับ
ผมขอยังไม่บอกว่าหุ้นตัวนั้นคือหุ้นตัวไหนนะครับ เพราะผมยังไม่ได้ปิดสถานะ มันไม่ใช่หุ้นไทย และไม่ใช่หุ้นอเมริกาครับ
ผมจะมาบอกเมื่อตอนที่ผมขายไปแล้วครับ
ที่ผมมาเขียนเล่า ก็เพราะผมอยากจะบอกว่า โชคมันส่งผลมากจริง ๆ ครับ
- ตอนที่ทำให้ผมมั่นใจ และตัดสินใจซื้อ GULF เรื่องมันก็เริ่มต้นมาจากการที่ผมได้เจอคุณสารัชถ์ ตอนงานเปิดตัว Gulf Binance ก่อน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ผมได้เจอคุณนิติ โอสถานุเคราะห์ ตัวเป็น ๆ
และหลังจากนั้นผมก็ได้ไปประชุมผู้ถือหุ้น และได้เจอคุณสารัชถ์อีกรอบ
- จากนั้นผมก็ได้มา CV MEDEZE และเป็นคนจดสรุปให้ด้วย แต่ก่อนไป ผมก็อ่านไฟลิ่งและทำ Valuation คร่าว ๆ มาก่อน
วันนึงหลังจาก MEDEZE เข้าตลาดมา ราคาตกลงไปแรงอยู่ช่วงหนึ่ง ที่ Valuation น่าซื้อ
และผมก็ขายไป อาจจะเพราะ Sense ผมมันบอกว่า ราคามันไม่น่ายืนระยะแบบนี้ต่อไปได้นาน
ถ้ารู้สึกแบบนั้น แต่ยังเชื่อมั่นในธุรกิจอยู่ ผมก็คงยังไม่ขาย
แต่ผมยังเชื่อมั่นในธุรกิจของ MEDEZE อยู่ แต่ผมแค่ได้เจอหุ้นตัวใหม่ ที่ Valuation น่าสนใจกว่า คุณภาพธุรกิจ ก็ดีมาก (ถ้าเค้าไม่ได้โกงนะ)
ผมอยากจะรู้ว่า ปีที่แล้ว ผมได้เจอคนที่มีความมั่งคั่ง พันล้านหลายคน หมื่นล้านบางคน และแสนล้านอีกคนหนึ่ง
ผมได้คุยกับคุณนิติด้วย ผมรู้สึกปลาบปลื้มมากเลยแหละ 555
ผมแค่อยากจะรู้ว่า การที่ผมได้เจอคนเหล่านี้ เป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง ที่มาบอกผมว่า ชีวิตผมกำลังจะเปลี่ยนไป
แน่นอน ปีที่แล้วไอ้พอร์ตสุดเสี่ยงที่ชื่อฟาลังซ์ มันทำผลตอบแทนได้ 130% ซึ่งมันก็ Double เงินของผมได้จริง
ผมกำลังคิดอยู่ว่า ผมควรจะตัดเงินในพอร์ตให้เหลือเท่ากับเงินต้นเดิม แล้วเอากำไรที่ได้ไปเติมในพอร์ตไหนดี
(ผมมีหลายพอร์ตครับ ชื่อพอร์ตมันอาจจะแปลก ๆ หน่อย ตามธีมของมันนะครับ
1. Stardust Crusaders
2. Constantinople
3. The Beyonder
4. The Saint
5. Phalanx (ฟาลังซ์)
6. Live Long and Prosper)
แต่แล้ว เมื่อต้นปี ช่วงเปิดปีใหม่มา ผมก็ได้เจอหุ้นตัวนึง เป็นหุ้นแปลก ๆ ที่ไม่มีใครสนใจ Market Cap เล็ก แต่ Valuation น่าสนใจมาก
ผมรู้จักหุ้นตัวนี้ได้ ก็เพราะ ผมกำหนดให้ตัวเอง จะต้องทำความรู้จักหุ้นต่างประเทศ อย่างน้อยวันละ 3 บริษัท ด้วยการอ่านหรือฟังข้อมูลมันคร่าว ๆ ก็ได้ อย่างน้อยเพื่อให้ผมพอเข้าใจธุรกิจมัน
แล้วเดี๋ยวถ้ามันน่าสนใจ ผมก็ค่อยไปเจาะลึกอีกที
ไอเดียพฤติกรรมนี้มาอย่างนี้ครับ ปกติผมจะอ่านบทความดี ๆ ที่เขียนโดยเพจอย่าง ลงทุนแมน, MONEY LAB, BrandCase, MarketThink, และลงทุนเกิร์ล รวมถึงเพจอื่น ๆ บ้างอยู่แล้ว
ผมคิดแบบนี้ว่า ถ้าผมอ่านได้อย่างนั้นวันละ 3 บทความ ปีนึงมี 365 วัน ถ้าทำแบบนี้สะสมได้ทุกวัน 1 ปีผ่านไป ก็จะมีความรู้จากบทความดี ๆ เพิ่มขึ้นมา 1,000 เรื่องแล้วนะ
ถ้าเราทำได้ขนาดนี้ต่อไปในระยะยาว เราจะกลายเป็นคนที่มีความรู้มากขนาดไหนกัน
ผมก็ทำเหมือนกันกับการอ่านหุ้นครับ ก็อ่านคร่าว ๆ ให้ทั้งโลกนี้แหละ วันละ 3 บริษัท (ผมเชื่อเหมือนอาจารย์ของผมครับ ผมเป็น Global Investor ที่ไหนทีความคุ้มค่า ที่นั่นมีผมครับ)
ผมได้เจอเจ้าหุ้นตัวนี้ เลยได้ไปทำการบ้านมันดู ผมก็พบว่า Downside ที่เป็น Worst Case แบบสุด ๆ ในกรณีที่บริษัทนี้โกง คือ เงินผมในพอร์ตฟาลังซ์จะกลายเป็น 0 บาท
แต่ถ้าผมชนะ ชีวิตผมจะเปลี่ยนไปจลอดกาล Upside ที่มีความเป็นไปได้ ในระดับมหัศจรรย์ คือ 100 เด้ง..
ผมคิดตลก ๆ กับตัวเองในเวลานั้นว่า ผมจะเปลี่ยนเงิน … ล้านบาท กลายเป็น 1,000 ล้านบาทได้ไหมนะ
พอร์ตฟาลังซ์ จะมีเงินเริ่มต้นที่ … ล้านบาทเสมอ
ตอนที่ผมตัดสินใจซื้อ เพิ่อให้พอร์ตฟาลังซ์มันทบต้นต่อ ผมคิดว่า ถ้าผมพลาด เงินก้อนนี้หายไป แน่นอน มันก็ดูจะเป็นเงินที่เยอะมาก สำหรับผมเงินระดับนั้น ผมก็คิดว่ามันเยอะมากจริง ๆ แหละครับ เพราะทุกวันนี้ แต่ละเดือนผมใช้ไม่ถึง 15,000 บาทด้วยมั้ง
แต่เมื่อได้ Weight ดูแล้ว ถ้าพอร์ตฟาลังซ์หายหมด ผมก็ยังถือว่าเจ็บไม่มาก เพราะพอร์ตนี้ไม่ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของผม
แต่ถ้าผมถูก แล้วในอนาคต หุ้นตัวนี้คือ 100 เด้งของผมล่ะ
หมายความว่า ผมจะเปลี่ยนเงินจาก … ล้านบาท กลายเป็น 1,000 ล้านบาทได้เลยนะ
ผมก็ไม่รู้ว่า มันจะเป็นไปได้ไหม เพราะถ้ามันจะเป็น 100 เด้ง หมายความว่า ต่อจากนี้ มันจะต้องโตได้อีก 50 เด้งนะ
ผมใช้โชคเป็นอย่างมาก ผมเจอหุ้นเหล่านี้ ก็เพราะเหตุการณ์พาไปทั้งนั้น
ตอนที่ผมเจอเจ้าตัวล่าสุด ผมก็สงสัยว่า ทำไมไม่มีใครสนใจหุ้นตัวนี้เลย Valuation ถูกมาก คุณภาพธุรกิจ ก็ถือว่าดีมาก (ถ้ามันไม่โกงนะ)
หุ้นตัวนี้ ไม่มีนักวิเคราะห์ Cover เลยด้วยซ้ำ หาข่าวก็ไม่ค่อยได้
แต่มี Hedge Fund อยู่เจ้าหนึ่ง ถือหุ้นตัวนี้อยู่เหมือนผม
ผมรู้จักเค้า ตอนที่ผมศึกษาธุรกิจ Constellation Software และประวัติของ Mark Leonard ครับ
ทั้งหมดนี้ ผมเชื่อว่ามาจากโชคล้วน ๆ ครับ
มีนักลงทุนที่เก่งกว่าผม ขยันมากกว่าผม แต่หลายคน ในช่วง 2 ปีมานี้ ก็พบกับเหตุการณ์ที่ยากลำบาก (หุ้นไทยผมก็ลำบากเหมือนกันครับ)
แต่ภาพพอร์ตโดยรวมของผม มันก็ยังโต เงินปันผลที่ผมได้ มันก็มากขึ้นทุกปี และบางพอร์ต ก็ดันทำผลตอบแทนได้ Outperform จนดูเว่อเกินไปด้วย
คือผมรู้ตัวเองดีว่า ผมไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ไม่มีใครรู้ทุกเรื่อง และผมก็ไม่ใช่นักลงทุนที่ขยันที่สุด เพราะผมเจอคนที่ขยันกว่าผมเยอะ ผมไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่า ตัวเองเป็นนักลงทุนที่เก่งหรือป่าว เพราะผมรู้มาตลอดว่า ผมจะเป็นนักลงทุนที่เก่งขึ้นทุกวัน เพราะอาชีพนักลงทุน มี Requirement อยู่อย่างหนึ่งแน่ ๆ คือ เราต้องเก่งขึ้นเรื่อย ๆ เพราะโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
โชคดีที่ผมก็เป็นศิษย์มีครู เชื่อฟังคำแนะนำและเอาเยี่ยงอย่างของ คุณปู่ Buffett และ Munger
ผมชอบที่ปู่ Munger บอกว่า เราก็แค่ทำให้ทุกคืนก่อนที่เราจะนอน เราฉลาดกว่าตัวเราในตอนเช้าที่เพิ่มตื่น ของวันเดียวกัน ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ในทุกวัน ในระยะยาว เดี๋ยวเราก็จะเก่งขึ้นมากเอง
ผมชอบประโยคนี้มากครับ
"Spend each day trying to be a little wiser than you were when you woke up. Day by day, and at the end of the day-if you live long enough-like most people, you will get out of life what you deserve."
ผมก็เอาหลักคิดเหล่านี้ มาใช้กับชีวิตและการลงทุนด้วยครับ
มันก็ทำให้ผมมีแนวคิดในเรื่องมุมมองการลงทุนแบบระยะยาวเสมอ ๆ โดยคิดว่า ถ้าทำผลตอบแทนแบบทบต้น ได้เฉลี่ยต่อปีที่ไม่ได้แย่เกินไป ล้อไปกับตลาด หรือเอาชนะได้นิด ๆ หน่อย แต่สม่ำเสมอ และมีระยะเวลาลงทุนที่ยาวนานมากพอ ในบั้นปลาย มันก็โคตรรวยมากได้เหมือนกัน
งั้นก็ไม่ต้องไปแบกรับความเสี่ยงสูงเกินไปก็ได้ เอาพอดี ๆ แต่ให้มันโตแบบยั่งยืน ถ้าชีวิตนี้จะได้แค่นี้ ก็ไม่เป็นไร เพราะมันมีบางอย่างที่มันมีคุณค่ามากกว่าเรื่องเงินอีก
เพราะสำหรับผม ตั้งแต่วันแรกเมื่อ 11 ปีก่อน ที่ได้รู้จักว่าการลงทุนสามารถทำให้คนเรามีอิสรภาพทางการเงินได้ ผมก็คิดมาตั้งแต่ตอนนั้นว่า ผมลงทุน ก็เพื่อให้ผมมีอิสรภาพทางการเงินครับ
(แม้ว่าตอนอายุ 22 ปี ผมจะมีความรัก และปรับเป้าเป็น อยากมี 1,000 ล้านบาทก็ตาม 5555 และมันก็มีการปรับเป้าอีกครั้ง เมื่อผมได้เจอคุณนิติครับ)
ผมไม่รู้หรอกว่า ความฝันนี้มันจะเป็นจริงได้ไหม ไอ้เงินที่โตมา 4.6 เท่านี้ มันอาจจะหมดก็ได้ เพราะผมก็อาจจะคิดผิดครับ
แต่ถ้าผมคิดถูก หมายความว่า ความพยายามปั้นพอร์ตมาร่วม 10 ปีของผม จากการได้เจอหุ้นมากหน้าหลายตา ได้หลายเด้งมาหลายตัว
เท่ากับว่า จริง ๆ แล้ว การถูกเป้ง ๆ แค่ 2 ครั้ง (ตามคำกล่าวของพี่นักลงทุนเก่ง ๆ) ก็เปลี่ยนให้เรากลายเป็นคนที่มั่งคั่งมหาศาลได้แล้วนะ
เขียน ๆ ไป ผมก็ดันนึกถึงคำว่า Risk-Reward Ratio เลยครับ ซึ่งเป็นหลักการคิดที่สำคัญมากนะครับ
เอาล่ะ ปิดท้ายด้วย MEDEZE ผมก็ยังเชื่อotว่า บริษัทนี้มีคุณภาพดี สามารถทำธุรกิจโตต่อไปได้ในระยะยาว ผู้บริหารก็เก่ง งบก็ดี
แต่เรื่องนี้ แม้ข่าวจะเริ่มดูดีขึ้นบ้าง แต่มันก็มีความยากอยู่ครับ
ผมคิดว่า แม้เราจะชอบมาก แต่อย่าลืมเรื่องศิลปะในการบริหารพอร์ตด้วยนะครับ
เพราะอะไร ๆ ก็มีโอกาสเกิดขึ้นทั้งนั้น
อย่างในไม่กี่ปีมานี้
เราได้เห็นเรื่องโรคระบาด
Supply Chain โลกเกือบมีปัญหา เพราะเรือลำเดียว
รัสเซียบุกยูเครน
แผ่นดินไหว
Tariffs สะเทือนโลก
เดี๋ยวมันคงมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นอีก ซึ่งคงจะเป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึงอีกอ่ะครับ
ผมว่า คำกล่าวของคุณ Howard Marks นี่เป็นอมตะ และสามารถเอามาใช้ได้เสมอเลยครับ
"You cannot predict, but you can prepare."
ปล ต่อเสร็จสักที
นั่งต่อโทโทโร่
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
