14 เม.ย. เวลา 17:53 • หนังสือ

Scythe เคียวพิฆาต

ในที่สุดนิยายเรื่อง Scythe ที่เคยได้ยินเสียงเล่าลือถึงความสนุกของมันมานานก็ถูกแปลไทยโดยสำนักพิมพ์ storyard เสียที ต้องบอกว่าเล่มนี้เป็นหนังสือที่เราตั้งตารอมากที่สุดในงานหนังสือที่ผ่านมานี้เลย พอเคลียร์เล่มล่าสุดจบปุ๊ปก็ลัดคิวเอามาอ่านทันที ข้ามหน้ากองดองอีกพันกว่าเล่มไปแบบเนียนๆ อิอิ 😜
สำหรับเล่มแรกในซีรีส์นี้ (คาดว่าจะมีทั้งหมด 4 เล่ม) ใช้ชื่อไทยว่า #เคียวพิฆาต มีฉากหลังเป็นโลกในอนาคตที่เทคโนโลยีต่างๆของมนุษย์นั้นถูกพัฒนาจนถึงขีดสุดแล้ว พวกเขาหลุดพ้นจากการเจ็บป่วยและการตาย ความอดอยากและยากจนถูกขจัดไปจนหมดสิ้น ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันก็ไม่เหลือเพราะไม่มีระบอบการปกครองอีกต่อไป ในยุคนั้นโลกถูกควบคุมด้วย "ทันเดอร์เฮด" ระบบโครงข่ายข้อมูลอัจฉริยะที่บรรจุดความรู้ทั้งมวลเอาไว้และมีความนึกคิดเป็นของตัวเอง
ประชากรทั้งหมดในโลกนี้จะไม่ตาย พูดให้ถูกคือพวกเขา "ไม่สามารถตายได้" ร่างกายของพวกเขามีวิธีในการเยียวยาบาดแผลรุนแรงให้หายในระยะเวลาที่รวดเร็ว และหากมันร้ายแรงจนทำให้พวกเขาถึงตายขึ้นมาจริงๆ ศูนย์ฟื้นคืนชีพก็จะซ่อมแซมพวกเขาขึ้นมาใหม่ หรือหากใครสักคนใช้ชีวิตไปยาวนานจนร่างกายเริ่มเสื่อมสภาพ คนคนนั้นก็สามารถเข้ารับกระบวนการย้อนวัยเพื่อเปลี่ยนองค์ประกอบทางกายภาพของตนให้กลับไปเป็นหนุ่มสาวอีกครั้งได้
ด้วยเหตุนี้จำนวนประชากรจึงมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ทรัพยากรบนโลกนั้นมีอยู่อย่างจำกัด องค์กร "เคียว" จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อมารับหน้าที่อันสูงส่งและหนักอึ้ง นั่นคือการนำส่งความตายให้แก่ผู้ที่ถูกเลือกภายใต้นามของคำว่า "การเก็บเกี่ยว" และเมื่อถูกเก็บเกี่ยวโดยเคียวแล้ว คนผู้นั้นจะไม่ถูกคืนชีพอีก พวกเขาจะจากไปอย่างถาวรดั่งเช่นในยุคเก่าเมื่อครั้งมนุษย์ยังสามารถตายได้
"ซิตรา" และ "โรแวน" วัยรุ่นหนุ่มสาวทั้งสองคนได้มีโอกาสได้เข้าไปพัวพันกับ "เคียวผู้ทรงเกียรติฟาราเดย์" ในเหตุการณ์บางอย่าง ด้วยลักษณะนิสัยที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ฟาราเดย์ได้ตัดสินใจรับเด็กทั้งคู่เข้ามาเป็นเคียวฝึกหัดใต้การดูแลของเขา ทั้งสองต้องละทิ้งชีวิตดั้งเดิมของตนและก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่แสนลึกลับ โลกที่คนทั่วไปไม่เคยมีโอกาสได้รับรู้และแม้กระทั่งทันเดอร์เฮดก็ยังปฏิเสธที่จะข้องเกี่ยว
ด้วยเหตุนี้เคียวจึงเป็นเพียงองค์กรเดียวที่ยังคงมีการปกครองในรูปแบบของตนเองอยู่ และนั่นก็นำมาซึ่งปัญหามากมายที่เคียวฝึกหัดทั้งสองจะพาเราไปสัมผัส และชวนให้ขบคิดถึงคำถามที่ว่า ในเมื่อเคียวถูกกำหนดให้เป็นผู้ที่อยู่เหนือกฎหมายทั้งปวงแล้ว เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเขาทุกคนนั้นทรงปัญญาและเปี่ยมคุณธรรมมากพอ จนคู่ควรกับการได้รับอภิสิทธิ์ให้อยู่เหนือข้อบังคับใดๆอย่างแท้จริง "เพราะการยกใครคนใดคนหนึ่งขึ้นเหนือกฎหมายข้ออื่น ๆ นั้นก็คือสารตั้งต้นสำหรับหายนะแท้ ๆเลยมิใช่หรือ"
การซ่อมสะพานและการวางผังเมืองอาจเป็นหน้าที่ของทันเดอร์เฮด แต่การเอาชีวิตคนคือการลงมือโดยจิตใจและความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
จั่วเรื่องย่อมาแค่นี้ คนที่ชอบแนวดิสโทเปีย/ยูโทเปียคงร้องกรี๊ดในใจ แม้โทนเรื่องโดยรวมจะตรงกับคำนิยามของยูโทเปีย แต่มันก็ยังคงสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าแม้วิทยาการทั้งหลายจะพัฒนาจนถึงขีดสุด แม้มนุษย์จะสามารถเอาชนะธรรมชาติได้แล้ว แต่พวกเราก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกด้านมืดอย่างการเห็นแก่ตัว กระหายอำนาจและชื่อเสียง หรือแม้กระทั่งการเหยียดหยามผู้ที่ต่างกับตนก็ยังคงซุกซ่อนอยู่ในซอกหลืบของจิตใจเราเสมอ
และมันก็ยิ่งเลวร้ายขึ้นเมื่อคุณลักษณะเหล่านั้นปรากฏขึ้นในตัวของคนที่มีอำนาจตัดสินชีวิตของผู้อื่น เพราะมันย่อมส่งผลให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะเก็บเกี่ยวผู้คนจากอคติส่วนตัว หรือใช้เป็นข้อต่อรองที่ไม่อาจปฏิเสธเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ แรกเริ่มนั้นเหล่าผู้ก่อตั้งองค์กรได้ตัดสินใจว่าเคียวควรจะต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น เพราะพวกเขาไม่แน่ใจว่าทันเดอร์เฮดจะมีจิตใจที่รู้ผิดชอบชั่วดีมากพอจะเป็นผู้ยุติลมหายใจของใคร
แต่เมื่อเวลาผ่านไปนับศตวรรษ เคียวในยุคหลังนั้นเริ่มทะเยอทะยานและลุ่มหลงในอำนาจมากขึ้น พวกเขาตีความบิดเบือนบัญญัติสิบประการที่เคียวต้องยึดถือในแง่มุมที่ตนเองจะได้ประโยชน์ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในองค์กรเคียวเช่นนี้ได้ทำให้เกิดคำถามว่ามันเหมาะสมแล้วหรือที่พวกเขาจะเป็นผู้เก็บเกี่ยว เพราะแท้จริงแล้วเคียวก็คือมนุษย์ และประวัติศาสตร์สอนเราว่ามนุษย์ย่อมผิดพลาดเสมอ
จงอย่าได้สูญเสียความเป็นมนุษย์ไป ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะไม่ใช่อะไรเลยนอกจากเครื่องจักรสังหาร
ในเรื่องนี้เราจะได้เห็นการต่อสู้กันของความคิดสองขั้ว ว่าด้วยเรื่องขอบเขตของศีลธรรมในการสังหารผู้อื่น เคียวส่วนใหญ่โดยเฉพาะเคียวรุ่นแรกๆจะใช้ชีวิตด้วยความถ่อมตัว พวกเขาเชื่อว่าคุณสมบัติแรกของการเป็นเคียวคือการไม่ปรารถนาที่จะเป็น เพราะผู้ที่เฝ้าฝันถึงการได้สังหารผู้อื่นนั้นไม่สมควรจะได้ถือมีด ผู้ที่ไม่อาจขื่นขมกับการเก็บเกี่ยวที่ตนได้กระทำนั้นคือผู้ที่ไร้เมตตาจนไม่เหมาะสมที่จะเป็นเคียว
กลับกันเคียวบางกลุ่มนั้นเลือกที่จะปวารณาตัวเป็นเทพเจ้าที่ไม่มีใครทัดเทียม หากในยุคก่อน ธรรมชาติคือผู้กำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์ และผู้คนต่างก็เคารพบูชาธรรมชาติ เช่นนั้นเหล่าเคียวที่ถูกกำหนดมาให้ทำหน้าที่นี้แทนก็สมควรได้รับการยกย่องไม่ต่างกันไม่ใช่หรือ พวกเขาเชื่อว่าความเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นในการจบชีวิตผู้อื่นคือคุณสมบัติสำคัญของการเป็นเคียว เคียวทุกคนควรมีสิทธิ์ที่จะมีความสุขกับการเก็บเกี่ยว และสามารถกระทำได้โดยอิสระ ไม่ตกอยู่ภายใต้ข้อบังคับใดๆทั้งปวง
เพราะมีแต่ความเจ็บปวดจากการเข้าอกเข้าใจคนอื่นที่ยังคงทำให้เราเป็นมนุษย์ต่อไปได้
แน่นอนว่าตอนเริ่มอ่านช่วงแรกทุกคนก็คงมีคำถามในใจว่า ใครหรือสิ่งใดกันที่เป็นผู้กำหนดเส้นแบ่งระหว่างผู้ที่เป็นเคียวกับผู้ที่เป็นฆาตกร ซึ่งการปะทะกันของสองแนวคิดข้างต้นนี้เองที่จะทำหน้าที่มอบคำตอบแก่เราว่าเคียวแตกต่างกับฆาตกรอย่างไร
ในขณะที่ฆาตกรจะรู้สึกเปรมปรีดิ์ในการได้สังหารผู้อื่น และมักเลือกลงมือด้วยสัญชาตญานกระหายเลือดซึ่งเป็นแรงปรารถนาจากภายใน และเพื่อสนองความบันเทิงใจส่วนตัว เคียวที่แท้จริงนั้นย่อมรู้สึกว่าการเก็บเกี่ยวในแต่ละครั้งมีแต่จะทำให้หัวใจของพวกเขาหนักอึ้ง ไม่ใช่เบาสบาย สำหรับเคียวแล้วการเก็บเกี่ยวควรจะต้องสร้างความเจ็บปวดให้กับตนเองไม่น้อยไปกว่าที่ครอบครัวของผู้ถูกเก็บเกี่ยวรู้สึก และไม่ว่าจะเก็บเกี่ยวมามากเท่าไหร่ มันก็ไม่ควรมีครั้งไหนที่รู้สึกว่าง่ายดายขึ้น
และบทเรียนของวันนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะลืมในเร็ววัน ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย...กับปัญญาที่จะรู้ว่าเมื่อไหร่มันต้องถูกละเมิด
เคียวไม่เพียงแค่มีหน้าที่ในการส่งมอบความตายให้แก่ผู้ที่ถูกเลือก แต่ยังมีหน้าที่ในการแสดงความเคารพต่อดวงวิญญาณที่ตนพรากไปอีกด้วย เคียวบางตนเลือกจะแสดงออกด้วยการมอบความตายที่รวดเร็วและไม่เจ็บปวด บางตนเลือกที่จะช่วยผู้ถูกเก็บเกี่ยวเตรียมความพร้อมในการเผชิญหน้ากับความตาย บางตนไปร่วมงานศพของผู้ที่จากไปด้วยน้ำมือของตน และบางตนก็คอยปลอบโยนจิตใจของครอบครัวผู้สูญเสีย
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะแสดงออกแบบใด สิ่งที่เหมือนกันก็คือหากมีโอกาสให้เลือก เคียวที่คู่ควรจะเลือกความเมตตาเสมอ ดั่งเช่นที่ครั้งหนึ่งเคียวฟาราเดย์ได้จงใจละเมิดกฎหมายที่ว่าหากผู้ใดปฏิเสธการเก็บเกี่ยว ครอบครัวของคนผู้นั้นจะต้องถูกเก็บเกี่ยวด้วยทั้งหมด ด้วยการไว้ชีวิตภรรยาและลูกๆของชายที่ทำร้ายเขาเพื่อเอาตัวรอด เพราะไม่ใช่ทุกครั้งที่ความถูกต้องกับความเมตตาจะเป็นสิ่งเดียวกัน แต่การมีมนุษยธรรมนั้นถูกต้องเสมอ
สรุปสั้นๆก็คือสนุกสมการรอคอยสุดๆ อ่านเพลินชนิดที่นอนอ่านทั้งวันตั้งแต่บ่ายยันค่ำจนแทบจะเป็นแผลกดทับ 😆 เป็นเล่มที่อ่านจบแล้วทิ้งตะกอนความคิดเอาไว้ในใจเยอะมาก แถมในตอนท้ายของภาคนี้ยังมีการหย่อนคำถามทิ้งเอาไว้ให้เราคิดกันต่อด้วยว่าหากเคียวเก็บเกี่ยวคนดีมีคุณค่าของสังคม เคียวผู้นั้นถือว่าเป็นคนโฉดชั่วหรือไม่ แล้วหากฆาตกรสังหารคนเลวที่บ่อนทำลายสังคม คนนั้นถือว่าเป็นคนดีหรือไม่ เพราะฉะนั้นเล่มต่อไปจัดมาให้ไวเลยค่าาา
ส่วนใครอยากลองชิมลางว่าถูกจริตไหม ไปโดนกันได้ที่ 👉🏻 https://s.shopee.co.th/3Au5V3FJqu
โฆษณา